ตอนที่ 81 ศึกชิงตำแหน่งหัวหน้าของแผนกเกษตรกรรมเริ่มดำเนินการ 8
“มอบผลพริก?” สวี่หลิงอวิ๋นตกตะลึง ทว่าเธอกลับตอบสนองอย่างรวดเร็ว ราวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่กำลังทำงานหนัก และเริ่มคำนวณกำไรขาดทุนของตนเอง
พวกเขาต้องการมีสิทธิครองครองผลพริก นั่นหมายความว่าพวกเขาสามารถใช้อำนาจการเข้าถึงผลพริกเพื่อผลประโยชน์สิทธิพิเศษมากมายหรือเงินสดใช่หรือไม่?
ราวกับว่าสถาบันการศึกษาทางการทหารของจักรวรรดิต้องการผลพริกของพวกเรา ดังนั้นก็ต้องอนุมัติพื้นที่เพิ่มเติมสำหรับแผนกเกษตรกรรมของพวกเราเช่นกัน!
หรืออนุญาตให้เข้าถึงห้องฝึกทักษะการสู้รบได้มากยิ่งขึ้น?
หากสถาบันการศึกษาทางการทหารของจักรวรรดิเข้ามาขออนุญาต นั่นหมายความว่าสถาบันอื่น ๆ ก็จะมาขออนุญาตด้วยเช่นกันใช่ไหม?
จุ๊ ๆ นี่มันดีเสียจริง!
มองดูกลุ่มลูกสมุนที่แทบจะเดินในท่าปกติไม่ได้ ผองเพื่อนตัวน้อยใช้พลังดวงดาวควบแน่นกับเครื่องจักรกลอย่างเชื่องช้า ทว่าพลังดวงดาวนี้ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก มันจะกลายเป็นกริชขนาดเล็กที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล
สวี่หลิงอวิ๋นรู้ดีว่าเธอแข็งแกร่งมากเพียงไหน แต่เธอไม่สามารถเข้าไปสวมรอยต่อสู้แทนผู้ติดตามเหล่านี้ได้
ดังนั้นนักเรียนจากสถาบันอื่นอาจมีความสุขหากได้เป็นคู่ซ้อมกับพวกเขาใช่ไหม?
ในเสี้ยวเวลาเพียงสองสามวินาที หัวสมองของสวี่หลิงอวิ๋นก็ปั่นป่วนราวกับพายุที่หมุนไปรอบ ๆ
“โอ้ ท่านคณบดี ท่านมาเพราะเรื่องนี้เอง ได้เลยค่ะ! ฉัน…สวี่หลิงอวิ๋น ในฐานะองค์หญิงสามแห่งจักรวรรดิชิงเหย้า แน่นอนว่าฉันจะพิจารณาเพื่อจักรวรรดิของเรา”
สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม
โอคาซีหันใบหน้าของเขาไปทิศทางอื่นและไม่มองไปที่เธอ ทุกครั้งที่สวี่หลิงอวิ๋นพูดจาแบบนี้ นั่นหมายความว่าเธอกำลังจะหลอกใครบางคน
คณบดีผู้น่าสงสารยังคงไม่รู้ตัว เขาคิดว่าสวี่หลิงอวิ๋นเป็นคนใจกว้างและให้อภัย ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็เผยให้เห็นรอยยิ้ม พยักหน้าแล้วกล่าวขึ้นว่า “กระหม่อมได้ยินมานานแล้วว่าองค์หญิงสามเป็นคนจิตใจดี แต่ไม่คิดว่าท่านจะใจกว้างขนาดนี้ กระหม่อมขอแสดงความขอบคุณในนามของสถาบันการศึกษาทางการทหารของจักรวรรดิ!”
สวี่หลิงอวิ๋นโบกมือและกล่าวว่า “ท่านคณบดีช่างเป็นคนสุภาพนัก ในฐานะสมาชิกของสถาบันการศึกษาทางการทหารของจักรวรรดิ ถึงแม้ฉันจะเป็นผู้ไร้ประโยชน์ในแผนกเกษตรกรรม แต่ฉันก็ยังมีจิตวิญญาณที่รักสถาบัน”
“แต่ท่านก็รู้ดีใช่ไหมคะ ว่าฉันใช้ความพยายามอย่างมากในการหาผลพริกนี้ ฉันแทบจะเอาชีวิตเข้าไปอยู่ในนั้น” สวี่หลิงอวิ๋นถูมือก่อนจะกล่าวต่อ “นอกจากนี้ท่านก็ได้เห็นแล้วว่าตอนนี้ฉันมีผู้ติดตามมากกว่าร้อยคน หากมีคนปากมากเพิ่มขึ้น ความยากลำบากในชีวิตก็เพิ่มขึ้นตาม ฉันยังต้องหาหนทางเพื่อจัดการมันให้ได้”
“แต่ว่าฉันกลับไม่สามารถจัดการอำนวยความสะดวกในการเรียนการสอนได้” สวี่หลิงอวิ๋นแบมือออกขณะพูด
เยี่ยมมาก! เพียงแค่ขุดหลุมและรอเวลาเท่านั้น
คณบดีพูลแมนยังคงยิ้มแย้ม “ใช่ครับ องค์หญิงสามมีความยุติธรรมมาก ไม่ทราบว่าท่านมีปัญหาอะไรในด้านการเรียนการสอนเหรอครับ?”
“ยุ่งยากมากเลยค่ะ ท่านลองมองดูสิคะว่าแผนกเกษตรกรรมของเรามีพื้นที่อยู่เท่าไหร่ และมองดูแผนกอื่น ๆ หากเปรียบเทียบกันแล้ว พวกเราไม่ดูเป็นภรรยาผู้ตัวน้อยไปหน่อยเหรอคะ?” สวี่หลิงอวิ๋นวิพากษ์วิจารณ์ “ท่านก็รู้ว่าพวกเรามาจากแผนกเกษตรกรรม มีพื้นที่บริเวณโดยรอบให้พวกเราได้ศึกษาพืชพันธุ์บ้างไหมคะ? นั่นไม่ดูตลกไปหน่อยเหรอ?”
“พูดสิคะว่ามันจะไม่ทำให้ผู้คนขบขัน??”
พูลแมนฟังคำพูดดังกล่าวอย่างขมขื่น องค์หญิงสามไม่ได้ใส่ร้ายผู้อื่น เธอไม่ได้พูดถึงเงื่อนไขที่ต้องการ เพียงแต่พูดถึงสิ่งที่พวกเขาไม่ได้รับอย่างถูกต้อง
“ท่านพูดถูก องค์หญิงสามช่างรอบคอบนัก” คณบดีพูลแมนพักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าคิ้วของเขากลับขมวดจนย่น “ช่างน่าเศร้า องค์หญิงสาม ท่านก็รู้ว่าเมืองหลวงของเรามีที่ดินราคาค่อนข้างแพง ปัจจุบันสถาบันไม่มีที่ว่างเหลือเลย ถ้าหากต้องแบ่งที่ดินให้กับท่าน นั่นหมายความว่าต้องรื้อถอนแผนกอื่นออก ท่านคิดว่ามันง่ายที่จะทำให้สำเร็จหรือยังไง?”
“เฮ้ ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้น แผนกของเราไม่ได้จู้จี้สักหน่อย ถ้าอยู่ไกลกว่าสถาบันหน่อยก็ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่ต้องการผลพริกที่มีหลากหลายชนิด พริกนี้มีบทบาทในโลกเสมือนจริงมาก ถ้าอย่างนั้นมันก็น่าจะมีประโยชน์ในโลกแห่งความเป็นจริงด้วยไม่ใช่เหรอคะ?”
สวี่หลิงอวิ๋นปาเหตุผลต่าง ๆ นานาใส่คณบดีพูลแมนจนเขาไม่อาจปฏิเสธได้
ใช่ ถ้าเกิดพริกนี้มีบทบาทที่ยิ่งใหญ่ในโลกแห่งความจริงล่ะ?
“องค์หญิงสามรอบคอบมาก กระหม่อมจะปรึกษาหารือกับคณะกรรมการของสถาบัน และกระหม่อมจะจัดสรรที่ดินที่เหมาะสมสำหรับแผนกเกษตรกรรมเพื่อที่พวกคุณจะได้ใช้มันเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้” พูลแมนให้คำมั่นสัญญา
สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า และพูลแมนเองก็ตอบตกลง
อย่าเพียงแต่มองดูคำพูดที่สวยหรูของตาแก่ผู้นี้ ที่บอกว่าจะไปปรึกษาหารือกับคณะกรรมการของสถาบัน ตามจริงแล้ว เขามีสิทธิ์ออกเสียงแต่เพียงผู้เดียว การตอบตกลงนั้นหมายความว่าแน่นอนแล้ว
“องค์หญิงสาม ให้สิทธิการครอบครองผลพริกแก่พวกเราได้ไหมครับ?” พูลแมนครุ่นคิด ปัญหาด้านที่ดินถูกแก้ไขแล้ว ดังนั้นน่าจะไม่มีปัญหาอะไรอีกใช่หรือไม่?
ถ้าตั้งเงื่อนไขอะไรอีก ตาแก่คนนี้คงจะโมโหน่าดู!
“เฮ้ ดูท่านพูดเข้าสิ ทำไมฉันถึงต้องพูดถึงเงื่อนไขล่ะ? โธ่เอ๊ย! ฉันรู้ว่าในสายตาของท่าน แผนกเกษตรกรรมนี้เป็นเหมือนค่ายกักกันพวกคนไร้ประโยชน์ ดังนั้นผลพริกของพวกเราก็คงจะเป็นเพียงแค่เศษขยะที่สามารถนำไปใช้ได้…” สวี่หลิงอวิ๋นแสร้งทำเป็นปาดน้ำตา
หนังตาของพูลแมนเริ่มกระตุก…
องค์หญิงสามกำลังข่มขู่เขาใช่ไหม? ข่มขู่เขาอย่างนั้นเหรอ?!
“เอ่อ องค์หญิงสาม ท่านพูดมาเลยว่าท่านยังต้องการเงื่อนไขอะไรอีกครับ? เอาไว้เราค่อยปรึกษาหารือกันได้ไหมครับ?” พูลแมนระงับความโกรธและกล่าวขึ้นอย่างใจดี
“อ๊ะ ในสายตาของท่านคณบดี ฉันคงเป็นวายร้ายที่ไร้เหตุผลสินะคะ? ตามจริงฉันก็แค่ทำเพื่อแผนกเกษตรกรรมเท่านั้น ท่านดูสิ เพื่อนร่วมชั้นของฉันสามารถขับขี่เครื่องจักรกลได้แล้วนะคะ นั่นแสดงให้เห็นว่าพวกเขายังมีความสามารถ มันไม่ดีเลยที่พวกเขาต้องถูกทอดทิ้งอยู่ตลอดเวลาแบบนั้น”
“ดังนั้น ฉันหวังว่าท่านจะเปิดสถานที่การเรียนรู้ทั้งหมดในสถาบันให้กับพวกเรา” สวี่หลิงอวิ๋นถอนหายใจและพูดต่อ “มันคงไม่เป็นไรถ้าพวกเขาไม่ได้พยายามอย่างหนักในตอนต้น แต่ตอนนี้พวกเขากำลังพยายามอย่างหนัก ฉันหวังว่าสถาบันจะมอบความหวังอันน้อยนิดให้แก่พวกเขาบ้าง”
“ไม่ต้องการอย่างอื่นเลยค่ะ เพียงแค่พวกเขาได้รับการปฏิบัติดูแลเหมือนกับนักเรียนในแผนกอื่น ๆ บ้างเท่านั้นเอง เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องรู้สึกต่ำต้อยเมื่อต้องออกไปจากลานขนาดเล็กแห่งนี้”
พูลแมนนิ่งเงียบ
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยากยอมรับมัน แต่องค์หญิงสามก็พูดถูก
เมื่อมองดูนักเรียนที่แสนงุ่มง่ามเหล่านั้นที่กำลังพยายามทำความคุ้นเคยกับการขับขี่เครื่องจักรกล แม้ความสามารถของนักเรียนจะน้อยนิด ทว่านี่อาจจะเป็นความสำเร็จหนึ่งเดียวในชีวิตของพวกเขาก็ได้ ถึงแม้จะไม่สามารถไปถึงสนามรบได้ แต่องค์หญิงสามก็พูดถูกต้อง
พวกเราควรให้ความหวังแก่คนที่พยายามอย่างหนักสักนิด
หากพยายามอย่างหนัก…จะได้ไม่ต้องเสียใจ
“ได้ครับ องค์หญิงสาม ผมสัญญากับพวกคุณ” พูลแมนมองดูเธอด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย “ท่านเปลี่ยนไปจริง ๆ”
เงื่อนไขทั้งสองข้อนั้นล้วนถูกกล่าวขึ้นมาเพื่อแผนกเกษตรกรรม แม้จะดูเหมือนคนเจ้าเล่ห์ ทว่าเธอกลับมีความรักที่ยิ่งใหญ่ในหัวใจ
“อันที่จริงฉันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปหรอกค่ะ แค่ทำในสิ่งที่อยากทำ” สวี่หลิงอวิ๋นยกยิ้ม “ฉันจะให้คุณเข้าถึงผลพริกในภายหลัง และหวังว่าสถาบันของพวกเราจะดีขึ้นกว่าเดิม”
พูลแมนได้สิ่งที่เขาต้องการแล้ว ทันใดนั้นอารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นเช่นกันเมื่อมองดูโอคาซีที่ยืนอยู่ด้านข้างเขา “เมื่อไหร่นายจะไปสอนนักเรียนกองบัญชาการกับหน่วยรบพิเศษสักที?”