ตอนที่ 93 การฝึกภาคสนามของการต่อสู้ชิงตำแหน่งหัวหน้า 5
“ถึงหนีหวงผู้เป็นที่รัก ราวกับน้องประจักษ์อยู่ตรงหน้า ประการแรกจงแข็งแรง ประการสองจงสุขสำราญ ประการสามอย่าโง่เขลารอคอย ยามม้าศึกคำราม สายน้ำไม่อาจหวนกลับ อย่าอยู่เดียวดาย แม้นชาตินี้ความรักยั้งลึก ไฉนวาสนาช่างตื้นเสียกระไร อันได้ครอบครองเพลางาม ดุจดั่งสรวงสวรรค์เวทนาพี่ หากชาติหน้ามีจริงจะขอเติมเต็มสัญญา เฉกเช่นสามัญชนสมถะดื่มด่ำชารสชาติดีริมแม่น้ำเขียวขจี ดูแลกันจนงอกเฒ่า…พี่หลินซู”
สวี่หลิงอวิ๋นยังคงจดจำความคิดเห็นของชาวเน็ตที่เขียนเกี่ยวกับเพลง ‘ความสะพรั่งลับเลือน’ ที่แสดงถึงความอ่อนโยนของหลินซูได้เป็นอย่างดี
เหล่านักเรียนจากจักรวรรดิชิงเหย้า จะสามารถได้ยินคำพูดเจ้าบทเจ้ากลอนแบบนี้ได้ที่ไหน? ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจก็ตาม แต่กลับรู้สึกได้ว่าคำพูดนั้นงดงามมากแค่ไหน
เผยให้เห็นถึงความอาลัยอาวรและโศกเศร้า
ชาวเน็ตตั้งหลายต่างรีบบันทึกข้อความนี้ไว้ พวกเขาอยากจะจดมันลงไป ทว่านักวิจัยอักษรโบราณยังไม่แม้แต่จะแกะสลักภาษาอันงดงามนี้ออกมาได้ใช่ไหม?
“ลมตะวันพัดผ่านยามราตรีคีรีเหน็บหนาวฝนโปรยปราย ภาพแผ่นดินเกิดยังเลือนรางในความฝัน คิดถึงมิอาจพบพานยิ่งคะนึงหา ลาจากยากเกินทนยังจำทนต้องจากลา” สวี่หลิงอวิ๋นปลดปล่อยน้ำเสียงแผ่วเบาออกมาจากปาก
“บ้าจริง! ไพเราะเป็นบ้าเลย!”
เพียงแค่ช่วงเริ่มต้นกลับทำให้ชาวเน็ตทั้งหลายตกตะลึง!
เนื้อเพลงนี้ ทำนองแบบนี้ ด้วยน้ำเสียงที่ดูผันผวนเล็กน้อยกระทบจิตใจของผู้คนโดยตรง ราวกับว่าพวกเขาได้เห็นช่วงเวลาแห่งสงครามจริง ๆ การไร้ซึ่งแผ่นดินบ้านเกิด และคู่รักที่ต้องโดดเดี่ยวเพราะยากจะเจอกันได้
“เปลวไฟสงครามคราวใดจะหมดสิ้น แม้แพ้ชนะวันหนึ่งจำต้องลาโลก เทียนหลอมลงแทบสิ้นน้ำตากลับยากจะแห้งเหือด แผ่นดินมิแปรเปลี่ยนแต่ผู้เป็นที่รักกลับชราลง ทนจากลา ไม่อาจฝืนทนแต่ใจจำต้องลา ฝากห่านป่าส่งสาสน์สู่แดนใต้ แม้นไม่รู้ว่าควรส่งใจดวงนี้ไปอย่างไร ถึงผู้เป็นที่รักคนเดิม ไม่สนใจแม้แต่กาลเวลาจะผ่านไป สิ่งเดียวที่มิแปรเปลี่ยนคือความผูกพันที่แสนยาวนาน เปลวไฟสงครามคราวใดจะหมดสิ้น แม้แพ้ชนะวันหนึ่งจำต้องลาโลก เทียนหลอมลงแทบสิ้น น้ำตากลับยากจะแห้งเหือด แผ่นดินมิแปรเปลี่ยนแต่ผู้เป็นที่รักกลับชราลง…”
ความผันผวนของน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์นี้ จังหวะที่เหนือชั้นกว่าคนในยุคโบราณ ราวกับพาพวกเขาย้อนกลับไปยังช่วงสมัยโบราณ หวนนึกถึงแผ่นดินบ้านเกิดในจิตใจ ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร
เมื่อคนจำนวนมากได้รับฟัง ก็เข้าถึงและอินไปกับมัน จนน้ำตาของพวกเขาเอ่อล้นออกมา
“ฉันช็อก! นี่ยังใช่องค์หญิงสามที่ไร้ความรู้ความสามารถของเราอยู่อีกหรือเปล่า?”
“คนที่พูดว่าองค์หญิงสามเอาแต่กินอย่างเดียว แสดงตัวให้ฉันเห็นหน่อย นี่ไม่ใช่แค่กินอย่างเดียวนะ แต่ยังร้องเพลงได้ด้วย!”
“ร้องเพลงได้ดีกว่าพวกดาราดังอีก! โอ้โห ๆ! ฉันขอเทิดทูนองค์หญิงสามจนสุดชีวิต!”
“ไพเราะมาก อุ๊บ! ฉันคิดว่ามันไพเราะมากจนน้ำตาจะไหล!”
“มาช่วยชีวิตฉันที ฉันอยากจะคลานเข้าไปในจอ! ฉันจะไปหาองค์หญิงสามของฉัน!”
……….
ในไม่ช้าเพลงก็จบลง และไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา
เว้นแต่เสียงขับขานของเหล่านกแมลงแล้ว ก็มีเพียงแต่ผู้คนเซ่อซ่าที่ยังนั่งฟังมันอยู่
หลังจากนั้นเสียงร้องเชียร์ก็ดังก้องออกมาจากหน้าจอ!
ชาวเน็ตทั้งหลายที่อยู่ที่บ้านได้บันทึกการร้องเพลงขององค์หญิงสามเอาไว้ เป็นเรื่องตลกที่จะกล่าวว่าเดิมทีพวกเขาเพียงแค่อยากจะบันทึกยุคมืดขององค์หญิงสามเอาไว้ แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะได้บันทึกเพลงคลาสสิกมาแทน
ดวงตาของโอคาซีเปล่งประกายด้วยความภาคภูมิใจ นี่คือผู้หญิงของเขา! น่าดึงดูดสายตายิ่งนัก ไม่ว่าจะปรากฏตัวที่ไหนก็ดึงดูดคนได้จากทุกที่!
เรียวนิ้วของแลนเซล็อตเคาะลงบนโต๊ะเบา ๆ เขาจ้องเขม็งไปที่องค์หญิงสามบนหน้าจอ “น่าทึ่งมาก…”
ว่ากันว่าองค์หญิงสามเป็นคนไม่รู้หนังสือ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าผู้คนบนโลกใบนี้จะเข้าใจองค์หญิงสามผิดไปอย่างมากใช่หรือไม่? สุดท้ายแล้วเธอตั้งใจหลอกลวงหรืออะไรกันแน่?
ผู้ช่วยมองดูองค์ชายรัชทายาท ด้วยท่าทางแบบนี้ สายตาแบบนี้ กำลังสนใจองค์หญิงสามอยู่หรืออย่างไร? นี่คือข่าวดียิ่งนัก!
ต้องรีบรายงานแก่จักรพรรดิในทันที! ฮ่า ๆ! เพื่อที่จักรพรรดิจะได้ให้เงินพิเศษแก่เขา!
ชาร์ตเพลงทั้งหมดทั่วทั้งจักรวรรดิชิงเหย้า กำลังถูกเพลง ‘ความสะพรั่งลับเลือน’ ขององค์หญิงสามครอบงำ! เพลงนี้ถูกเปิดวนไปมาท่ามกลางถนนและซอกซอยยามค่ำคืน ทุกคนรู้สึกอินไปกับความรู้สึกในเพลง ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างน้ำตาซึมเมื่อนึกถึงคนรักที่ต้องไปประจำอยู่แนวหน้า!
คนหนุ่มสาวพบว่าเพลงนี้ช่างไพเราะ มีเพียงผู้ที่ทุกข์ทนมาหลายปีเท่านั้นที่จะเข้าในความขมขื่นและโศกเศร้าที่มีอยู่ในเพลงนี้
ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยตัวอักษรโบราณรู้สึกทึ่งกับเนื้อร้องของเพลงนี้ เนื้อเพลงทั้งหมดล้วนใช้แต่คำโบราณ!
“องค์หญิงสามเป็นนักวิจัยอักษรโบราณหรือเปล่า? ทำไมถึงคิดเนื้อเพลงอย่างนั้นออกมาได้อย่างง่ายดายนัก?”
“คำร้องของเธอไพเราะมาก แม้แต่นักวิจัยตัวอักษรโบราณยังไม่สามารถเขียนบทกลอนที่ใช้คำเคร่งครัดแบบนี้ได้!”
นักวิจัยตัวอักษรโบราณทั้งหลายอดทนรอแทบไม่ไหวที่จะให้องค์หญิงสามคัดลอกเนื้อเพลงนี้ให้แก่พวกเขา และส่งมันให้กับพวกเขา!
เพียงเพราะว่ายังมีคำศัพท์มากมายที่นักวิจัยเหล่านี้ไม่รู้วิธีเขียนมัน ซึ่งนั่นมันแย่มาก…
ไม่ว่าชาวเน็ตทั้งหลายจะทำอย่างไร สวี่หลิงอวิ๋นก็ได้ลดละจากหน้าที่ของเธอแล้ว และให้สหายคนอื่นมาทำการแสดงต่อ
เธอเอาหนังสัตว์ทั้งหมดที่แช่ทิ้งไว้ในน้ำออกมา และปล่อยให้แขนกลลงมือทำงาน!
ขูดเนื้อด้านในออกมาจนหมดเกลี้ยง จากนั้นจึงเติมน้ำผสมโซเดียมคาร์บอเนตอุ่น ๆ ลงไป แล้วทำความสะอาดด้วยแปรงเพื่อล้างไขมันและสิ่งสกปรกออกให้หมด
ชาวเน็ตทั้งหลายรู้สึกสับสนกับการกระทำของสวี่หลิงอวิ๋น ไม่มีใครรู้ว่าองค์หญิงสามจะใช้ทักษะมนตราอะไรมาแสดงให้พวกเขาดูอีก
“ผมคิดว่านี่น่าจะเกี่ยวกับการจัดการหนังสัตว์หรือเปล่า?” ผู้คนที่ชื่นชอบศึกษาเอกสารโบราณกล่าวขึ้นอย่างไม่มั่นใจ
หลังจากนั้นไม่นานหนังสือวรรณกรรมโบราณก็ขาดตลาด ทว่าพวกเขากลับไม่เข้าใจ และหนังสือวรรณกรรมนั้นก็ยากเกินไปสำหรับพวกเขา
ทำได้เพียงคาดเดาตามความรู้สึกของตนเองเท่านั้น
สวี่หลิงอวิ๋นเฝ้าดูแขนกลทำความสะอาดหนังสัตว์เหล่านั้น และเริ่มกำหนดสารสำหรับทำการฟอก
เธอพบสารส้มบริสุทธิ์จากธรรมชาติบนดาวเคราะห์แห่งนี้ จึงเตรียมสารส้ม เกลือ และน้ำตามสัดส่วนเพื่อใช้ในการผลิตสารละลาย
เธอสั่งให้แขนกลเทสารละลายลงไปในถังขนาดใหญ่ จากนั้นจึงเติมน้ำใส่ในระดับหนึ่ง กล่าวได้ว่าหนังสัตว์ทั้งหมดถูกแช่อยู่ในนั้น
“ตอนนี้ก็แค่รอเวลาหมัก!” สวี่หลิงอวิ๋นที่อยู่ในวันสุดท้ายของวันสิ้นโลกต้องฟอกหนังสัตว์จำนวนไม่น้อยเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ตัวเธอเองโดยไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะต้องฟอกของสิ่งนี้จนกว่าจะถึงระดับที่เธอสามารถหลับตาลงได้
เธอได้รับรายงานสภาพอากาศของดาวเคราะห์ดวงนี้ก่อนที่เธอจะมาที่นี่ รวมถึงความไม่แน่นอน แม้ว่าตอนนี้แสงแดดจะเจิดจ้า แต่ฝนอาจตกหนักมากในวินาทีถัดไป และหิมะที่ตกลงมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
เพียงแค่พึ่งพาอุปกรณ์ที่พวกเขามีอยู่ในตอนนี้ พลังงานอาจไม่เพียงพอ…ดังนั้นจึงต้องประหยัดบางส่วน สิ่งที่ดีที่สุดคือจะต้องไม่แข็งตาย
ดูเหมือนว่าผู้ติดตามของสวี่หลิงอวิ๋นจะทำการแสดงอยู่ ทว่าตามจริงแล้วหลายคนกลับแอบมองดูองค์หญิงสาม โดยไม่รู้ว่าเธอกำลังทำสิ่งที่น่าสนใจอะไรอยู่อีก
เมื่อเปรียบเทียบกับเสียงร้องเชียร์และเสียงหัวเราะจากค่ายของสวี่หลิงอวิ๋นแล้ว เราไปดูฝั่งสีแดงกันบ้างดีกว่า!
“ทำไมกลิ่นของมันถึงแปลกไป?!” เนื้อแบบนี้ยิ่งปรุงสุกยิ่งต้องอร่อยไม่ใช่หรือ? ทำไมกลิ่นเนื้อถึงเหม็นคาวฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ? แล้วรสชาติของมันยังจะมีกลิ่นเหม็นไหม?
เหล่านักเรียนนึกถึงขั้นตอนการทำปรุงรสชาติเนื้อของพวกเขา ลอกหนังออกก็แล้ว ยังมีอะไรที่ไม่ได้ทำอีก? เพราะไม่ได้ใส่เกลือเหรอ? แต่ที่นี่ไม่มีเกลือนี่น่า ข้ามมันไปเสียเถอะ!
ตอนนี้ลุคกับฉินหยวนได้แต่เสแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง