ตอนที่ 95 การฝึกภาคสนามของการต่อสู้ชิงตำแหน่งหัวหน้า 7
อาหารผ่านเข้ามาโดยปราศจากความเต็มใจ เหล่านักเรียนรู้สึกหิวโหยเป็นอย่างมาก แต่ไม่ว่ามันจะอร่อยหรือไม่ พวกเขากลับทำได้แค่บีบจมูกและตักมันไปคนละสองถ้วยเพื่อไม่ให้ท้องรู้สึกหิวโหยอีกต่อไป
จอมพลก็อดวินนั่งกับนายพลบิลโบมห์ ฮันเตอร์ที่นั่งอยู่ด้วยกัน พวกเขาหัวเราะเมื่อเห็นว่าเหล่านักเรียนในหน้าจอกำลังเอามือปิดจมูกขณะดื่มซุปผักสีเขียว
“เจ้าเพื่อนยาก นายจำตอนที่พวกเราติดอยู่บนดาวเคราะห์รกร้างเป็นปีได้ไหม? ตอนนั้นพวกเราหิวกันมาก เหมือนกับพวกเขาเลย ไม่เต็มใจกินผักป่าที่หามาได้และรอคอยการช่วยเหลือใช่ไหม?”
“จำได้แม่นเชียวละ ฉันจำได้ว่านายกินถึงสองชามใหญ่ แล้วจากนั้นก็ท้องเสียตั้งหลายวัน” จอมพลก็อดวินนึกถึงความน่าอับอายขายขี้หน้าของบิลโบมห์ในตอนนั้น ที่ยังคงตลกไม่หายอยู่ในความทรงจำของเขา
“ทำมาเป็นว่าแต่ฉัน ตอนนั้นนายเองก็เป็นเหมือนกันไม่ใช่หรือไง? นายป่วยถึงสองอาทิตย์หลังจากกลับไปไม่ใช่เหรอ?” บิลโบมห์กล่าวขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
“ได้เห็นเด็กพวกนี้มันทำให้นึกถึงช่วงเวลาของพวกเรา คิดถึงตอนนั้นจัง” คำพูดของจอมพลก็อดวินเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย
“นายคิดว่าถ้าตอนนั้นพวกเราใช้วิธีการแบบเดียวกับองค์หญิง มันยังจะขมอยู่ไหม?” เมื่อมองดูองค์หญิงสามที่ดื่มทั้งซุปเนื้อและชาผลไม้ ชีวิตของเธอช่างอัศจรรย์ยิ่งนัก เมื่อมองดูรอยยิ้มบนใบหน้าของเหล่าผู้ติดตามทั้งหลายของเธอ
นี่คือการฝึกภาคสนามไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงดูราวกับว่ากำลังปิกนิก
พิธีเปิดที่ถูกต้องน่าจะต้องเหมือนกับค่ายฝั่งสีแดง
“แต่อาหารที่องค์หญิงสามทำอร่อยมากจริง ๆ นายอยากจะลองชิมดูไหม? สินค้านี้เป็นการผสมผสานระหว่างองค์หญิงสามกับตระกูลแอนดรูว์ของเรา!” จอมพลก็อดวินหยิบปลาหมึกกระป๋องออกมาจากกระเป๋าของเขา แล้วจึงยื่นมันให้กับนายพลบิลโบมห์
“เจ้าเพื่อนยาก ไม่รู้ว่าไปได้โชคลาภมาจากไหน ถึงได้มีลูกชายที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้”
ไม่เพียงแต่ระดับพลังที่ไต่ไปถึงระดับ 9 ดาว แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ เขาได้กลายเป็นที่โปรดปรานขององค์หญิงสาม รวมถึงธุรกิจขนาดใหญ่ที่ทำให้ตาแก่คนนี้อิจฉาตาร้อนพวกเขาเป็นอย่างมากจนตาแทบจะถลนออกมา
“ฮึ่ม เป็นเรื่องที่นายจะมาอิจฉากันไม่ได้” จอมพลก็อดวินเปิดกระป๋อง หยิบตะเกียบขึ้นมาและกินเข้าไปหนึ่งชิ้น อุ๊บ ไม่ว่าตอนไหนที่เขากินมัน เขาก็รู้ว่ามันอร่อยจนอยากกัดลิ้นของตนเองทุกครั้ง
บิลโบมห์เริ่มกินเช่นกัน
ไม่นานนักคณะกรรมการที่นั่งอยู่ก็ถูกครอบงำด้วยรสชาติที่ทั้งเผ็ดทั้งอร่อย
ผู้ช่วยของแลนเซล็อตกำลังน้ำลายสอเมื่อมองดูจอมพลก็อดวินกินอาหารกระป๋องที่เขาไม่รู้จัก เขาสงสัยเป็นอย่างมากและจ้องมองมันอีกครั้ง อี๋ หนวดนั้นดูคล้ายกับหนวดปลาหมึกเอเลี่ยน
เขารีบสะกิดองค์ชายรัชทายาทของตนเอง “ฝ่าบาท มองดูจอมพลก็อดวินและคนอื่นสิครับ พวกเขากำลังกินปลาหมึกเอเลี่ยนใช่ไหม?”
แลนเซล็อตหันไปมองว่าใช่หรือไม่?
“พระเจ้า! ทำไมผู้คนจากจักรวรรดิชิงเหย้าถึงกินสิ่งที่น่าขยะแขยงแบบนั้น แม้แต่พวกชนชั้นสูงยังกินมัน หรือว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตด้านอาหาร?” ผู้ช่วยของแลนเซล็อตกล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” มือของแลนเซล็อตเลื่อนไปที่คอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์ หลังจากค้นหาข้อมูลอยู่ครู่หนึ่ง จึงค้นพบว่าปลาหมึกกระป๋องนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในจักรวรรดิชิงเหย้า
และผู้ผลิตอาหารพวกนี้คือสวี่หลิงอวิ๋น องค์หญิงสามนั่นเอง
“ใช่เหรอครับ องค์หญิงสามทำมันขึ้นมาจริงเหรอครับ?” ผู้ช่วยของแลนเซล็อตมองดูหน้าจอแสดงผลด้วยความรู้สึกสับสน แล้วจึงมองดูชาวเน็ตทั้งหลายโอ้อวดอาหารกระป๋องที่พวกเขาซื้อมา
จากนั้นจึงเห็นความคิดเห็นมากมายที่กล่าวว่าหลังจากกินอาหารกระป๋องเข้าไปแล้ว พลังดวงดาวของพวกเขาจะได้รับการเลื่อนขั้น
“นั่นเป็นเรื่องจริงหรือปลอมกันแน่? ทำไมจักรวรรดิเอเดนของพวกเราถึงไม่ได้ยินข่าวนี้เลย?” หากปลาหมึกกระป๋องนี้สามารถทำให้พลังดวงดาวของผู้คนเลื่อนขั้นได้จริง ๆ จักรวรรดิเอเดนของพวกเขาก็มุ่งมั่นที่จะได้มาซึ่งอาหารกระป๋องเหล่านี้
“อีกสักครู่นายไปติดต่อเสด็จพ่อ และรายงานสถานการณ์ของที่นี่ให้ท่านทราบ” ควรปล่อยให้รัฐมนตรีการคลังกับคนในกระทรวงการต่างประเทศเป็นคนจัดการเรื่องนี้…
เพราะเขามาที่นี่เพื่อนัดบอด
“ครับ ฝ่าบาท” คาร์ล เกเกอร์ถอยห่างออกไปอย่างเงียบ ๆ
แลนเซล็อตมองดูสวี่หลิงอวิ๋นบนหน้าจอแสดงผลที่กำลังออกคำสั่งจัดแจงผู้ติดตามของเธอหลังจากกินอาหารเช้าเสร็จสิ้น
“ทุกคนกินดีดื่มดีกันหรือเปล่า?” สวี่หลิงอวิ๋นถามผู้ติดตามของเธอหลังจากเตรียมพร้อมอุปกรณ์
“ดีครับ” ทุกคนสดชื่นกระปรี้กระเปร่า รวมทั้งยังอิ่มท้อง ไม่ต้องพูดถึงว่าสบายแค่ไหน!
พวกเขายังเก็บชาผลไม้ไว้ในถังขนาดใหญ่ พวกเขาหยิบมันออกมาจิบเงียบ ๆ ถึงสองครั้ง รสชาติของมันทั้งหวานทั้งอร่อยเป็นพิเศษ โชคดีมากที่มาเป็นผู้ติดตามขององค์หญิงสาม
ไม่รู้ว่าคนในค่ายฝั่งสีแดงจะยังดีกันอยู่ไหม? พวกเขาสามารถดื่มชาผลไม้แบบนี้และสามารถเติมเต็มท้องของตนเองได้ไหม? ผู้คนจะค่ายฝั่งสีเขียวโอ้อวดอยู่ในใจ
ค่ายฝั่งสีแดงแสดงออกมาว่าพวกเขารู้สึกแย่มาก ไม่ดีเลย
ใบหน้าที่หิวโหยของพวกเขาไม่ได้พูดอะไรออกมา ก่อนจะรีบเข้าไปในเครื่องจักรกลและมุ่งหน้าไปยังค่ายฝั่งสีเขียว พวกเขาเลือกที่จะจู่โจม
“ต้องดูกันในระยะยาว ทางเลือกของพวกเขาก็ไม่ได้แย่” จอมพลก็อดวินพูดกับนายพลบิลโบมห์
“ไม่แย่ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าตอนนี้คนในค่ายฝั่งเขียวมีพลังงานเต็มเปี่ยม ถ้าคนจากฝั่งสีแดงเลือกที่จะต่อสู้แบบตัวต่อตัว ก็ไม่มั่นใจว่าใครจะชนะใครจะแพ้”
“สิ่งสำคัญคือพลังงานมีอยู่อย่างจำกัด” พวกเขาต้องใช้พลังงานอย่างมากในการมุ่งหน้าไปยังค่ายของฝั่งสีเขียว ซึ่งไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะมีพลังงานเพียงพอไหมเมื่อไปถึงค่ายของฝ่ายตรงข้ามแล้ว
“ใช่ หากพวกไปถึงค่ายของฝั่งสีเขียวและไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ภายในครึ่งชั่วโมง พลังงานของพวกเขาจะหมดลง” ในทางกลับกัน ไม่เพียงแต่ทางฝั่งสีเขียวจะมีพลังงานเพียงพอ แต่พวกเขายังจะสามารถต่อสู้พวกเขากลับได้อีกด้วย
“แล้วนายคิดว่าองค์หญิงสามจะชนะไหม?” นายพลบิมโบมห์ถามจอมพลก็อดวิน
“อยู่แล้ว นายจะว่ายังไงล่ะ? เจ้าเพื่อนยาก” จอมพลก็อดวินแตะเคราเหนือริมฝีปากของเขาและกล่าวออกมาอย่างภาคภูมิใจ
“ถึงฉันจะอยากบอกว่านายคิดผิด แต่ก็น่าเสียดายนะที่ความคิดเห็นของเราไม่ค่อยเป็นหนึ่งเดียวกัน”
ชายทั้งสองคนเป็นสหายร่วมรบกัน และยังคงเป็นเพื่อนสนิทที่ต่างมองหน้าและยิ้มให้แก่กันและกัน
อีกทั้งต่างคนต่างรู้กันโดยไม่ต้องเอ่ยอะไรออกมา
ที่นั่งของแลนเซล็อตกับของโอคาซีอยู่ติดกัน
หลังจากทำการค้นหาข้อมูล แลนเซล็อตก็พบเข้ากับร่องรอยความคลุมเครือเล็กน้อยระหว่างโอคาซีคนนี้กับองค์หญิงสาม
ดังนั้นจะกล่าวได้ว่าตัวเขาเป็นศัตรูหัวใจกับโอคาซีใช่ไหม?
“ท่านคิดยังไงกับองค์หญิงสามครับ?” แลนเซล็อตตัดสินใจพูดแหย่พลเอกโอคาซี
เมื่อโอคาซีได้ยินว่าแลนเซล็อตถามเขาเกี่ยวกับองค์หญิงสาม เขาจึงหันศีรษะกลับมาทันทีและจ้องมองอีกฝ่ายด้วยแววตาเฉียบคม
“ท่านก็รู้ว่าผมมาที่นี่เพื่อนัดบอดกับองค์หญิงสาม ตอนนี้ผมได้เห็นความประพฤติขององค์หญิงสามแล้ว และคิดว่าเธอเหมาะสมที่จะเป็นพระชายาของจักรวรรดิเอเดน ท่านคิดอย่างนั้นไหม?”
แลนเซล็อตยิ้มออกมาและกล่าวขึ้น ขณะมองดูพลเอกโอคาซี
“อย่า ได้ คิด!” โอคาซีกล่าวออกมาสั้น ๆ ทว่าน้ำเสียงของเขากลับหนักแน่น โดยกล่าวออกมาคำต่อคำแบบเน้น ๆ
“ฮ่า ๆๆ!” ราวกับแลนเซล็อตกำลังได้ยินเรื่องตลกขบขันขั้นสุด