ตอนที่ 103 การฝึกภาคสนามของการต่อสู้ชิงตำแหน่งหัวหน้า 15
คนจากฝั่งสีแดงนั่งยอง ๆ อยู่ใต้ก้นบึ้งของหลุม ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เชื่อสิ่งที่องค์หญิงสามพูด แต่พลังดวงดาวทั้งหมดก็ได้สูญหายไปแล้ว แล้วพวกเขาจะทำอย่างไรได้อีก? นอกจากอดทนรอต่อไป!
อากาศยังคงหนาวอยู่ ทว่าการซ่อนตัวอยู่ในหลุมลึกกลับไม่ได้หนาวอย่างที่คาดคิดไว้ สวี่หลิงอวิ๋นสั่งให้ผู้คนโยนหนังสัตว์จำนวนหนึ่งลงไป อย่างน้อยก็ช่วยคลายหนาวได้
ผู้คนที่อยู่เหนือปากหลุมมีงานยุ่งกันอีกครั้ง ทั้งล่าสัตว์ ทำความสะอาด เก็บผักป่า ต้มน้ำ กลั่นน้ำมัน…ทุกคนมีหน้าที่เป็นของตนเอง เสียงหัวเราะดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
นี่มันดูเหมือนการทำสงครามตรงไหน?
ลุคเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าพวกเราได้รับบทเป็นพวกโง่ล่ะ?”
ฉินหยวนไม่ได้พูดอะไรออกไป แม้แต่คนในฝั่งสีแดงเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเช่นกัน
ใครว่าไม่ใช่คนโง่ล่ะ?
นอกจากจะถามว่าสมบัติของพวกเขาอยู่ที่ไหน แล้วเคยถามอะไรอีกไหม? ฝั่งนั้นไม่ได้ส่งใครมาดูพวกเขาเลย อย่าว่าแต่ค้นร่างกายด้วยซ้ำ!
นี่มันเรื่องอะไรกัน? นี่กำลังเล่นบ้าอะไรอีก!
แม้ว่าในตอนต้นพวกเขาจะสามารถเข้ายึดครองได้ ทว่าฉินหยวนยังไม่ได้ค้นหาสมบัติด้วยซ้ำ ไม่ได้ค้นหาอะไรเลย และสุดท้ายก็โดนจับโยนลงหลุมไป
แล้วคนจากฝั่งสีเขียวล่ะ? พวกเขารู้จักแต่การกิน กิน และกิน! นี่พวกเขามาเข้าร่วมเกมแข่งขันกันจริง ๆ หรือเปล่า?!
ไม่นานนักกลิ่นหอมของอาหารก็พัดโชยมาจากด้านบน พวกเขาได้ยินเสียงของคนที่อยู่ด้านบนกำลังหยิบอาหารกัน! ยิ่งได้กลิ่นก็ยิ่งหิวเข้าไปใหญ่!
ท้องไส้ปั่นป่วนจนต้องส่งเสียงร้องออกมา อยากร้องไห้แต่กลับไม่มีน้ำตา!
“เฮ้! กินไหม?” เมื่อได้ยินเสียงว่าคนข้างบนกินอาหารกันเสร็จแล้ว หัวของนักเรียนคนหนึ่งจึงปรากฏขึ้นที่ปากหลุมและเอ่ยถามคนข้างล่างว่า “พวกเรายังมีอาหารเหลืออยู่หน่อย ถ้าพวกนายอยากกิน พวกเราจะเอาบันไดมาให้ และปีนขึ้นมาซะ!”
นี่ยังจะต้องถามอีกเหรอ? แน่นอนว่าพวกเขาอยากกิน!
ฉินหยวนพยักหน้า นักเรียนทั้งหลายที่อยู่ฝั่งของเขาก็ต้องการกินอาหาร ไม่เช่นนั้นพลังดวงดาวของพวกเขาจะฟื้นคืนมาเมื่อไหร่?
บันไดหยาบ ๆ นี้ที่ทำจากไม้และเชือกธรรมดา ดูบอบบางยิ่งนัก คนจากฝั่งสีแดงต้องปีนขึ้นไปอย่างระมัดระวัง พวกเขามองดูบริเวณศูนย์กลางของค่าย เห็นหม้อขนาดใหญ่หลายใบกำลังถูกต้มจนเดือด
คนจากฝั่งสีแดงรู้สึกละอายแก่ใจ!
ก้มหน้าก้มตาลง หยิบถ้วยของตนเองขึ้นมา คืบคลานไปที่หม้อ ตักซุปขึ้นมาและซดดื่มอย่างเงียบ ๆ
อร่อยมาก! ท้องที่ว่างเปล่ารู้สึกอิ่มเอิบอีกครั้ง แม้กระทั่งร่างกายก็ยังอุ่นขึ้น
ผู้คนในฝั่งสีแดงลิ้มลองรสชาติอาหารด้วยท่าทีนิ่งเงียบ และไม่กล้าเงยหัวขึ้นมา
ผู้คนจากฝั่งสีเขียวไม่ได้สนใจความมั่นใจในตนเองของฝั่งสีแดงที่เปราะบางลง พวกเขาเพียงแต่ยุ่งอยู่กับการไปสัมผัสประสบการณ์ความบันเทิงที่องค์หญิงสามเอ่ยถึง!
“เห็นไหมว่านี่คืออะไร?!” สวี่หลิงอวิ๋นใช้พลังดวงดาวเปลี่ยนเป็นรองเท้าสเกต
“ไม่รู้” เหล่านักเรียนผู้ยากจนทั้งหลายต่างส่ายหัว พวกเขาไม่เคยรับรู้เกี่ยวกับการเล่นสเกตมาก่อนในชีวิต
“มันเอาไว้ใช้ทำอะไรครับ?” เหล่านักเรียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“มันเอาไว้ใช้สำหรับการเล่นสเกต” สวี่หลิงอวิ๋นเอาเท้าของเธอสวมเข้าไปในรองเท้าสเกตที่ทำมาจากพลังดวงดาว และสไลด์ไปบนพื้นน้ำแข็งด้วยท่าทีสบาย ๆ
เธอหมุนตัวหนึ่งถึงสามครั้งอย่างสง่างามเป็นครั้งคราว
“เพื่อนทุกคนมาเร็วสิ มาเล่นสเกตบนลานน้ำแข็งกันเถอะ!” สวี่หลิงอวิ๋นที่ยืนอยู่บนพื้นน้ำแข็งและตะโกนเรียกเพื่อนจากฝั่งสีเขียว ขณะที่มือของเธอเท้าอยู่บนเอว
“ครับ!”
เพื่อนตัวน้อยทั้งหลายอดใจรอไม่ไหวที่จะร่อนลงไปบนลานน้ำแข็งด้วยท่าทีที่สง่างามเหมือนกับองค์หญิงสาม แต่ว่ารองเท้าสเกตนี้ต้องทำอย่างไร?
“จำวิธีที่ฉันสอนพวกนายในครั้งล่าสุดได้ไหม? ใช้พลังจิตของพวกนายซะ!” สวี่หลิงอวิ๋นตะโกนส่งเสียงให้กำลังใจอยู่บนพื้นน้ำแข็ง “ฉันเชื่อในตัวพวกนาย พวกนายคือเด็กที่เจ๋งที่สุด!”
แน่นอนว่าเจ้าพวกซื่อบื้อจากแผนกเกษตรกรรมจำวิธีการครั้งล่าสุดได้ แต่คนที่เข้ามาร่วมภายหลังนั้นไม่รู้ถึงวิธีการนี้
เหตุการณ์นี้จึงดูน่าอับอายขึ้นมาเล็กน้อย เนื่องจากนักเรียนจากแผนกเกษตรเป็นกลุ่มแรกที่ทำรองเท้าสเกตและแล่นลงไปบนลานน้ำแข็งได้
สวี่หลิงอวิ๋นส่ายหัว วิ่งบนลานน้ำแข็งไปยังชายฝั่งเพื่อสื่อสารกับรุย
รุยสามารถทำรองเท้าสเกตจากพลังดวงดาวได้อย่างรวดเร็ว หลังจากได้รับความช่วยเหลือจากสวี่หลิงอวิ๋น
“ว้าว! เร็วมาก! ไม่น่าเชื่อ!”
ไม่เพียงแต่เหล่านักเรียนที่ประหลาดใจ แต่ชาวเน็ตทั้งหลายก็ประหลาดใจเช่นกัน!
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับพลังดวงดาวที่พวกเขาใช้ในชีวิตเสียก่อน พลังดวงดาวนี้สามารถใช้เปลี่ยนเป็นดาบเลเซอร์ได้ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้หลากหลาย แต่ทำไมรุยถึงเปลี่ยนเป็นรองเท้าสเกตได้รวดเร็วขนาดนี้? ถึงแม้ว่ารองเท้าสเกตของเขาจะไม่พิถีพิถันเท่ากับขององค์หญิงสาม แต่ก็ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว! อย่างน้อยสิ่งนี้ก็ช่วยให้ยืนบนลานน้ำแข็งได้
“องค์หญิงสาม! ฉัน ฉัน ฉัน!” ใครบางคนยืนขึ้นและโบกมือไปทางสวี่หลิงอวิ๋น มองดูเธอด้วยความคาดหวัง
นักเรียนทั้งหลายจากแผนกเกษตรกรรมวิ่งไปทั่วลานน้ำแข็ง ถ้าแม้จะเจ็บที่ต้องล้มลง แต่กลับรู้สึกสนุกสนานเป็นอย่างมาก!
สวี่หลิงอวิ๋นยิ้ม และโบกมือเรียกเพื่อนตัวน้อยทั้งหลายที่อยู่บนลานน้ำแข็งให้กลับมา
หลายคนกลับมาทั้งที่ไม่รู้สาเหตุ พลางส่งสายตาถามองค์หญิงสามว่า พวกเขาได้ทำอะไรผิดพลาดไปหรือไม่?
สวี่หลิงอวิ๋นชี้เรียวนิ้วไปหาคนที่เหลือ “พวกนายจำได้ไหมว่าฉันใช้พลังจิตสื่อสารกับพวกนายยังไง?”
ทุกคนในแผนกเกษตรกรรมพยักหน้า แน่นอนว่าพวกเขาจำได้
“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นพวกนายสื่อสารกับพวกเขานะ และพยายามทำให้พวกเขามีรองเท้าสเกตเป็นของตัวเองให้ได้!”
เด็กจากแผนกเกษตรกรรมมองมาที่เธอ แต่เธอกลับมองตอบ มองสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังและความลังเลเล็กน้อย พวกเขาไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน และยังคงรู้สึกอาย
“กลัวอะไร? ถ้ามีอะไรผิดพลาด ก็ยังมีฉันอยู่ไม่ใช่เหรอ?” สวี่หลิงอวิ๋นเอ่ยขึ้น “ทำมันด้วยความมั่นใจ แล้วในอนาคตพวกนายจะคุ้นเคยกับมันมากขึ้น!”
ด้วยกำลังใจจากองค์หญิงสาม เหล่านักเรียนจากแผนกเกษตรกรรมจึงเริ่มขยับเขยื้อนก้าวเท้าออกไปยืนอยู่ต่อหน้าเหล่านักเรียนที่เหลือ กัดฟัน เอาล่ะ! เริ่มเลย!
เหล่านักเรียนจากแผนกเกษตรกรรมค่อย ๆ ส่งผ่านพลังจิตของพวกเขาเข้าไปในจิตใจของอีกฝ่าย บังคับพลังจิตให้ชี้นำอีกฝ่ายให้ควบคุมพลังดวงดาวของพวกเขาและแปรสภาพพลังเป็นรองเท้าสเกตที่ยังเลือนราง
คนเหล่านี้คู่ควรกับตำแหน่งนักเรียนดีเด่นประจำสถาบันการศึกษาทางการทหารของจักรวรรดิ เพียงแค่นักเรียนจากแผนกเกษตรกรรมให้คำอธิบายสั้น ๆ พวกเขาก็เข้าใจและรู้ถึงขั้นตอนการทำมัน ในไม่ช้า รองเท้าสเกตก็ถูกควบแน่นขึ้นมาอย่างราบรื่น และได้วิ่งเล่นบนลานน้ำแข็ง!
“ฉันเปลี่ยนมันได้แล้ว!” หลังจากควบพลังเพื่อทำรองเท้าสเกตออกมาได้ เขาก็ช่วยผู้ร่วมทีมคนอื่นควบแน่นพลัง ในไม่นาน ผู้คนกว่าพันคนก็ควบแน่นรองเท้าสเกตได้สำเร็จ!
สวี่หลิงอวิ๋นมองดูพวกเขาด้วยความโล่งใจ แล้วจึงปรบมือ
นักเรียนทุกคนมองมาที่เธอ
“ดีมาก! พวกนายยอดเยี่ยมไปเลย!” สวี่หลิงอวิ๋นมองมาที่พวกเขา “ต่อมา พวกนายรู้จักวิธีการเล่นใช่ไหม?”
“มาเล่นเกมกันเถอะ ตอนนี้พวกนายมีเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงในการทำความคุ้นเคยกับการใช้รองเท้าสเกตนี้ จะได้พยุงตัวบนลานน้ำแข็งได้ จากนั้นพวกเราจะมาแข็งวาดวงแหวนบนลานน้ำแข็งกัน”
“วาดแค่สิบวงเท่านั้น! ใครก็ตามที่ใช้เวลาน้อยที่สุดจะเป็นผู้ชนะไป” สวี่หลิงอวิ๋นพูดขึ้นอย่างมีเลศนัย “คนที่ชนะจะได้รับรางวัลไป!”
“รางวัล? รางวัลอะไร?” เหล่านักเรียนถามขึ้นอย่างสงสัย