ทันทีที่ประโยคนั้นสิ้นสุด ทุกคนก็ต้องอยู่ในความเงียบสงบ ก่อนจะหันไปมองคนโง่เขลาที่พูดประโยคนี้ออกมา
นี่คือคำพูดที่เอ่ยออกมาอย่างชัดเจนว่าองค์หญิงสามจะถูกกักบริเวณ และถูกจำกัดการเข้าออก! แกไม่เกรงกลัวว่าจะถูกจักรพรรดิลงโทษหรือยังไง?!
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสงบไปชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเริ่มปรึกษาหารือกันอีกครั้ง
ด้วยอำนาจขององค์หญิงสาม หากพวกคุณไม่ใช่คนโง่เขลา พวกคุณคงจะรู้กันดีว่าสถานภาพขององค์หญิงสามนั้นสนิทสนมกับจักรพรรดิมากแค่ไหน?!
สวี่เจี้ยนอวิ๋น องค์ชายใหญ่และสวี่รุ่ยอวิ๋น องค์ชายรองแทบจะบีบเครื่องโทรจิตในมือของตัวเอง!
พวกเขาไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าน้องสามจะมีพลังการต่อสู้ที่โดดเด่น และความสามารถที่เก่งกาจเช่นนี้! ความสามารถของเธอที่ช่วยผู้คนสามารถอัปเกรดพลังดวงดาวได้นั้นแข็งแกร่งกว่าความสามารถในการบัญชาการด้านไหน ๆ!
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ในอนาคตน้องสามอาจจะมีอำนาจมากขึ้น แล้วพวกเขาจะทำอย่างไรกับบัลลังก์ได้บ้าง?
เดิมทีมันเป็นการต่อสู้ระหว่างพี่ชายสองคนเท่านั้น ทว่าตอนนี้ศัตรูของพวกเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว
และสิ่งที่เกลียดที่สุดคือพวกเขาทำแบบเธอไม่ได้!
หากเธอมีวิธีการทางในการช่วยผู้คนให้อัปเกรดพลังจิตและพลังดวงดาวได้ ไม่เอาน่า…ตราบใดที่เธอเอ่ยปากว่าเธออยากจะขึ้นครองเป็นจักรพรรดินี รัฐมนตรีและสาธารณชนทั้งหมดคงจะยกบัลลังก์ให้แก่เธอโดยไม่เอ่ยปากค้านสักคำ!
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้ขึ้นครองบัลลังก์และกลายเป็นจักรพรรดิ แต่ถ้าพวกเขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับน้องสาม แล้วตำแหน่งจักรพรรดิของพวกเขายังจะมั่นคงอยู่หรือไม่?!
คาดไม่ถึงเลยจริง ๆ!
“ดูเหมือนว่าเราจะต้องหาทางออก!” สวี่รุ่ยอวิ๋น องค์ชายรองเคาะโต๊ะและหันไปถามเช่อเฉินที่เป็นผู้ช่วย “องค์ชายรัชทายาทจักรวรรดิเอเดนมาที่จักรวรรดิของเราหรือเปล่า?”
“ใช่ขอรับ! ฝ่าบาท” เช่อเฉินรู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว เพราะทั้งองค์ชายรัชทายาทและโอคาซีต่างก็เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นอัญมณีคู่แฝดแห่งห้วงดวงดาว ทั้งรูปลักษณ์ตลอดจนความสามารถไม่ได้ต่างจากพลเอกโอคาซีมากนัก
“เยี่ยมเลย! บอกคนของเราให้รีบจับคู่น้องสามกับแลนเซล็อตซะ” สวี่รุ่ยอวิ๋นรู้ดีว่าช่วงเวลานี้ไม่เหมาะสมกับการโจมตีสวี่หลิงอวิ๋น เพราะตอนนี้ทุกคนกำลังจับตามองดูสวี่หลิงอวิ๋นอยู่ หากมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นกับเธอ ไม่เพียงแต่เสด็จพ่อเท่านั้น แต่สาธารณชนทั่วทั้งจักรวรรดิจะไม่ปล่อยพวกเขาไปอย่างแน่นอน
ตอนนี้สวี่หลิงอวิ๋นกลายเป็นกุญแจสำคัญในการเลื่อนขั้นของทุกคน!
“อ้อ เกิดอะไรขึ้นกับลูตี้? ป่านนี้แล้วทำไมยังไม่มีอะไรคืบหน้าอีก?” สวี่รุ่ยอวิ๋นคลายเนกไทของเขา ก่อนจะเอ่ยถามอย่างหงุดหงิด
เขาได้สร้างเรื่องมากมายเพื่อบัลลังก์แห่งนี้ และเกือบจะโดนน้องสาวตัวน้อยคนนี้ทำลาย!
สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดคือตัวเองต้องแสร้งทำเป็นหัวเราะต่อหน้าสาธารณชนขณะพูดชมเชยน้องสาวของตนเอง พอคิดถึงเรื่องนี้ทีไรก็หงุดหงิดใจทุกครั้ง!
“ฝ่าบาท ฮาร์วี่ อิสซี่ตกเป็นเป้าหมายเมื่อไม่นานมานี้ มีโอกาสสูงที่จักรพรรดิจะหาเบาะแสเจอ ตอนนี้เขาจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามขอรับ”
ดีมาก! ทุกอย่างล้วนสมเหตุสมผล!
สวี่รุ่ยอวิ๋นเอ่ยถามอีกครั้ง “แล้วพี่ชายใหญ่เป็นยังไงบ้าง?”
“องค์ชายใหญ่ได้โพสต์วิดีโอเมื่อเช้านี้ขอรับ ฝ่าบาทเอ่ยชื่นชมองค์หญิงสาม โดยกล่าวว่าองค์หญิงเป็นอัจฉริยะและว่องไวมาตั้งแต่เด็ก ไม่เช่นนั้นองค์หญิงคงไม่กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับ 7 ดาวตั้งแต่อายุยังน้อย”
ทำไมจู่ ๆ พี่ชายใหญ่ถึงเริ่มสันทัดขึ้นขนาดนี้ และยังทำตัวหน้าซื่อใจคดราวกับงูเห่าอีก?
“เตรียมตัวให้พร้อม ฉันจะโพสต์วิดีโอเหมือนกัน สั่งให้คนในสำนักงานเลขานุการเตรียมบทพูดให้ฉันด้วย” เขาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าจะเอ่ยชื่นชมน้องสาวของตนเองอย่างไรดี
ชมว่าเธอน่ารักเหรอ? ไม่เอาน่า! ถึงเธอจะดูน่ารัก แต่การกระทำของเธอไม่ได้น่ารักเลยสักนิด! ยังมีคนอีกมากมายที่น่ารักกว่าเธอ!
องค์ชายทั้งสององค์ต่างป่าวประกาศชมเชยน้องสาวของพวกเขาในวันเดียวกัน จากนั้นจึงกล่าวออกมาอย่างสันติภาพ โดยหวังว่าน้องสาวของพวกเขาจะสามารถเข้าร่วมกองทัพได้หลังจากสำเร็จการศึกษา พวกเขาจะปล่อยให้เธอได้แสดงศักยภาพและนำความรุ่งโรจน์มาแก่จักรวรรดิชิงเหย้า!
ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าคำชมเชยขององค์ชายทั้งสองนั้นดีมากเพียงไหน เริ่มตั้งแต่ความรักความผูกพันในครอบครัว การแสดงความคิดเห็นทางการเมือง รวมไปถึงทักษะการต่อสู้และวิธีการปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมชั้นในกลุ่มของเธอ นอกจากนี้ยังนำข่าวดีมาสู่กองทัพทหารและฟื้นฟูดาวเคราะห์ดวงอื่นอีกด้วย!
ไม่นานความนิยมขององค์ชายทั้งสองก็เพิ่มขึ้นอย่างเหลือล้น ซึ่งนั่นทำให้พวกเขารู้สึกดีขึ้น
หัวหน้าชั้นสูงจากแผนกต่าง ๆ มองดูองค์ชายทั้งสองในวิดีโอ และยกยิ้มอย่างโล่งใจ “องค์ชายทั้งสองโตขึ้นแล้วสินะครับ”
“ฮึ่ม! ยังอีกอย่างไกลสำหรับเจ้าเด็กสองคนนี้” เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิยังไม่พอใจนัก “เจ้าพวกนี้ก็แค่ทนเห็นน้องสาวของตัวเองได้ดีไม่ได้ ฮึ่ม!”
“ฝ่าบาทได้ยินไหมขอรับ? องค์หญิงหลิงอวิ๋นเป็นเด็กที่จิตใจดี เธอถึงกับปฏิเสธความจงรักภักดีต่ออัจฉริยะทั้งสองคนและยังป่าวประกาศอีกว่าจะไม่ไปเข้าร่วมกองทัพเพื่อจะได้ไม่ต้องขัดแย้งกับพี่ชายทั้งสอง น่าสงสารจัง!”
“เจ้ากำลังจะบอกว่าเป็นเด็กดีแบบนี้ แล้วเจ้าสองคนนั้นจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ?!”
“ฝ่าบาท อย่ากังวลไปเลยขอรับ” หัวหน้าพ่อบ้านที่กำลังนวดจักรพรรดิเอ่ยขึ้น “คนเราย่อมมีหัวใจ แล้วองค์ชายทั้งสองจะรู้เองว่าองค์หญิงสามเป็นคนยังไง เลือดย่อมข้นกว่าน้ำอยู่แล้วขอรับ”
“เราก็หวังว่าเจ้าพวกนั้นจะรู้เสียที อีกอย่างเราเองก็ไม่อะไรถ้าหลิงอวิ๋นจะขึ้นครองบัลลังก์”
จักรพรรดิมองดูลูกสาวผู้เป็นที่รักในวิดีโอ จ้องมองใบหน้าที่เบิกบานและดูโดดเด่นเป็นสง่า ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นต่างมีความสุขกันถ้วนหน้า!
มองดูเหล่านักเรียนจากแผนกเกษตรกรรมที่เดิมทีไร้ซึ่งชีวิตชีวา บัดนี้กลับสามารถอัปเกรดพลังดวงดาวและพลังจิตได้ภายใต้การบังคับบัญชาของสวี่หลิงอวิ๋น ซึ่งนักเรียนทั้งแผนกจะมีระดับพลังจิตที่แตกต่างกันออกไป
“เจ้าพูดถึงเบนเน็ตใช่ไหม เกิดอะไรขึ้นกับหลุมในร่างกายของเด็กคนนั้น? ได้ตรวจสอบหรือยัง?” จักรพรรดิจำเรื่องนี้ได้ จึงเอ่ยถามกับหัวหน้าพ่อบ้าน
“กระหม่อมได้ตรวจสอบแล้วขอรับ ก่อนหน้านี้จักรพรรดินีทราบข่าวมาว่าเบนเน็ตถวายความจงรักภักดีแก่องค์หญิงสาม เมื่อฝ่าบาททราบว่าเด็กคนนั้นมีหลุมดำอยู่ ฝ่าบาทจึงเข้าไปคุ้มครองครอบครัวของเขาและถามไถ่”
“แต่ยังไม่มีการยืนยันที่แน่นอน ตอนนี้มีหลายหน่วยงานต้องการตัวของครอบครัวนี้ พวกเขาเลยต้องเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อย ๆ ขอรับ”
หัวหน้าพ่อบ้านตอบ
“มีอย่างนี้ที่ไหนกัน!” จักรพรรดิโกรธจัด!
“กล้าดียังไงถึงมาทำแบบนี้? สั่งให้แผนกรักษาความปลอดภัยตรวจสอบเดี๋ยวนี้! หน่วยงานไหนกล้าทำมากิริยาแบบนี้กับองค์หญิงสาม?!”
พระราชกฤษฎีกาของจักรพรรดิถูกส่งต่ออย่างรวดเร็ว
หลังจากองค์ชายรองและองค์ชายใหญ่ได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็รีบถอนกำลังออกมาในทันที และพยายามปกปิดเบาะแสทั้งหมด
ถึงอย่างนั้น…พวกเขาก็ยังถูกจับได้
จักรพรรดิสวี่เทียนอวี๋รีบติดต่อหาลูกชายทั้งสองจากสนามรบโดยตรง!
จักรพรรดิมองดูชายหนุ่มผู้องอาจกล้าหาญทั้งสองที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะ ก่อนจะโยนกระดาษในมือไปยังตรงหน้าของทั้งสอง
“ดูสิ่งที่พวกเจ้าทำลงไป!”
จักรพรรดิทรงโกรธจัด ขณะที่องค์ชายทั้งสองนั่งลงและหยิบกระดาษขึ้นมา
ข้อความบนกระดาษคือรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการที่พวกเขาทั้งสองเผยแพร่ข่าวลือแย่ ๆ เกี่ยวกับองค์หญิงสามลับหลังในช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รวมถึงสิ่งที่เกี่ยวกับเบนเน็ต
องค์ชายทั้งสองยังคงนิ่งเงียบ
พวกเขาไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิดที่จักรพรรดิค้นพบข้อมูลพวกนี้
“พวกเจ้าจะอธิบายยังไง?!” จักรพรรดินั่งลงบนเก้าอี้ และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ลูกขอโทษ เสด็จพ่อ! ลูกผิดไปแล้ว!” องค์ชายใหญ่ยอมรับความผิดพลาดของเขาอย่างง่ายดาย
ขณะที่องค์ชายรองพยักหน้าและยอมรับความผิดเช่นกัน