‘พวกคุณคิดว่าองค์หญิงสามเร็วกว่า หรือพลเอกโอคาซีเร็วกว่า?’
‘เกือบเท่ากัน แต่องค์หญิงสามน่าจะเร็วกว่าใช่ไหม? ใครจะมีพลังจิตวิปริตแบบเธออีกล่ะ?!’
‘ฉันคิดว่าองค์หญิงสามหาวิธีใหม่ในการทำลายสร้างเผ่าพันธุ์เอเลี่ยนเจอแล้วล่ะ ฉันมีลางสังหรณ์ว่าต๋าหลู่ที่อยู่บนพื้นดินพวกนี้จะต้องการเป็นสัตว์สงวนแน่เลย!’
‘เห็นด้วย!’
สวี่หลิงอวิ๋นจัดการต๋าหลู่เจ็ดสิบหรือแปดสิบตัวในคราเดียว หลังจากพวกมันถูกดึงออกจากกระดองอย่างโจ่งแจ้งแล้ว พวกมันก็แทบจะไร้ความสามารถ โอคาซีที่อยู่ข้างหลังเธอก็กวาดล้างต๋าหลู่ทั้งหลายที่พยายามจะกลับเข้าไปในกระดองด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว
โชคดีที่เนื้อของพวกมันยังสมบูรณ์แบบ เพียงแต่ต้องการไฟมาย่างต๋าหลู่เหล่านี้ให้กลายเป็นของอร่อย
ทั้งสองให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี และในไม่ช้า ต๋าหลู่ที่อยู่บนพื้นดินก็ถูกกวาดล้างจนสิ้นซาก ส่วนต๋าหลู่ที่เหลืออยู่วิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง
“บัดซบ! สุดยอดไปเลย!”
ชาวเน็ตทั้งหลายชื่นชอบเวลาที่พวกเขาเห็นเธอจัดการกับเอเลี่ยนจนสิ้นซาก รู้สึกปลื้มใจทุกครั้งที่ได้มองดูเธอบดขยี้เอเลี่ยนทั้งหลาย! ราวกับว่าพวกเขาได้ลงมือต่อสู้อยู่ที่นั่นด้วย ถึงกับอดใจไม่ไหวและส่งเสียงร้องตะโกนออกมาถึงสองครั้ง
ชาวเน็ตแห่ชื่นชมด้วยประโยคว่า ‘เจ๋งสุด ๆ ไปเลย’ ท่วมทั้งกล่องคอมเมนต์!
สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกเสียใจเล็กน้อยเมื่อมองดูต๋าหลู่ทั้งหลายวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง ทว่าเมื่อเธอมองดูต๋าหลู่ที่เหลืออยู่บนพื้นดิน ใช่ เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับทำเป็นอาหารแล้ว!
ดูเหมือนว่านักชิมทั้งหลายจะรู้สึกได้ถึงมัน เฉกเช่นเดียวกับสวี่หลิงอวิ๋นที่กำลังคิดว่าเนื้อเหล่านี้เพียงพอสำหรับมื้ออาหารแล้ว และในขณะนั้นเอง เครื่องจักรกลของเหล่านักเรียนและทหารทั้งหลายก็มาถึง
“องค์หญิงสาม!”
นักเรียนทั้งหลายต่างรู้สึกเชื่อใจองค์หญิงสามเป็นอย่างมาก ขณะเขยิบเข้ามาล้อมรอบเธอ แม้แต่สมาชิกทีมสีแดงก็ยังรู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังมองดูไม้พลองทองสมใจนึกของซุนหงอคงทันทีที่เห็นเครื่องจักรกลสีชมพู พวกเขารู้สึกอุ่นใจทุกครั้งตราบใดที่พวกเขาได้ติดตามคนคนนี้
“เป็นยังไงบ้าง? พวกนายเป็นอะไรไหม?” สวี่หลิงอวิ๋นถามนักเรียนทั้งหลาย
“พวกเราสบายดีครับ! พลเอกโอคาซีมาช่วยได้ทันเวลาพอดี พวกเราเลยได้ลงสนามรบและต่อสู้กับกองทัพเอเลี่ยนต๋าหลู่!”
เหล่านักเรียนพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับ ทุกคนล้วนมีความสุข
ทว่าสวี่หลิงอวิ๋นกลับส่ายหัว “พวกนายมันโง่จริง ๆ เลย ต๋าหลู่พวกนี้ทำเงินได้มหาศาล และกระดองของพวกมันก็เอาไปทำประโยชน์ได้อีกเยอะ พวกนายทุบมันจนแหลกละเอียดเลยใช่ไหม?! เนื้อของพวกมันก็กินได้ เอามาย่างจนแห้งไม่ดีกว่าเหรอ?!”
“โธ่เอ๊ย! ไอ้พวกเด็กโง่!”
นักเรียนทั้งหลายตกตะลึง พวกเขาเพียงแต่มุ่งเป้าไปที่การกวาดล้างต๋าหลู่เท่านั้น ไม่คิดเลยว่าสิ่งนี้จะเอามาขายทำเงินได้?!
“เอาล่ะ ต่อจากนี้ไป ถ้าพวกนายจะฆ่าต๋าหลู่อีก เก็บเนื้อของพวกมันไว้ให้ดีและอย่าทำให้กระดองบุบสลาย ถ้าพวกนายทำได้ ฉันจะเอาห้าสิบเหรียญดวงดาวให้พวกนาย ตกลงไหม?”
ห้าสิบเหรียญดวงดาว? ใจกว้างไปหรือเปล่า?!
นักเรียนทั้งหลายพยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง แต่คำถามกลับผุดขึ้นในหัว พวกเขาจะทำอย่างไรไม่ให้เนื้อและกระดองของพวกมันบุบสลาย?!
สวี่หลิงอวิ๋นสาธิตวิธีการให้พวกเขาดู เธอแปรสภาพพลังดวงดาวให้กลายเป็นไม้จิ้มฟันขนาดมหึมา ก่อนจะแหย่เข้าไปดึงตัวของต๋าหลู่ออกมา จากก็หยิบ เย้! ในที่สุดต๋าหลู่ตัวนี้ก็ถูกไม้จิ้มฟันจิ้มออกมา ช่างมีหลักการอะไรเช่นนี้!
เหล่านักเรียนปรบมือและแสดงความชื่นชมยินดี เทคนิคขององค์หญิงสามนั้นช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ!
ไม่มีใครเห็นท่าทางการแสดงออกของโอคาซีที่นั่งอยู่ในเครื่องจักรกล หากมีใครสักคนเห็นเขาในตอนนี้ คนคนนั้นคงตกใจน่าดู เพราะตอนนี้ใบหน้าที่เย็นชากำลังยกยิ้ม!
สวี่หลิงอวิ๋นสอนพวกเขาให้แปรสภาพพลังดวงดาวให้กลายเป็นเครื่องมือต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว และนั่นทำให้ผู้คนจากฝั่งสีแดงรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก
ผู้คนจากฝั่งสีเขียวล้วนประสบความสำเร็จในการแปรสภาพเป็นไม้จิ้มฟัน แต่พวกเขาล่ะ?! ยังทำได้แค่มีดเล่มโตอยู่เลย!
“มีแค่ผู้ติดตามขององค์หญิงสามเท่านั้นแหละที่จะเข้าใจวิธีการนี้” รุยที่ยืนอยู่ด้านหน้าฉินหยวนกล่าวออกมาอย่างผู้ชนะ
ฉินหยวนกลอกตาและไม่หันมาสนใจเขาอีก
อันที่จริงพวกเขารู้สึกชื่นชมองค์หญิงสามเป็นอย่างมากหลังจากการต่อสู้ในครั้งนี้ เธอมีกลอุบายที่หลากหลาย แล้วพลเมืองตัวเล็กพวกนี้จะรับมือไหวได้อย่างไร? นับว่านี่เป็นโชคดีที่พวกเขากับองค์หญิงสามไม่ใช่ศัตรูกันจนตัวตาย แต่เป็นเพียงผู้แข่งขันในการแข่งขันของสถาบันเท่านั้น
องค์หญิงสามแตกต่างจากผู้เข้าชิงตำแหน่งหัวหน้าในการแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้ารุ่นก่อน ๆ อย่างสิ้นเชิง วิธีการของเธอค่อนข้างโหดร้าย จนทำให้ผู้คนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เธอกลับไม่ถูกใครขับไล่
เมื่อเทียบกับการแข่งขันในปีก่อนหน้า วิธีการขององค์หญิงสามนั้นอ่อนโยนกว่ามาก
ฉินหยวนและลุคคิดเกี่ยวกับการถวายความจงรักภักดีแก่องค์หญิงสาม และเมื่อเขาแสดงออกถึงการสวามิภักดิ์ สวี่หลิงอวิ๋นก็กวักมือเรียกกลุ่มคนจากฝั่งสีแดงให้เข้ามา
“เอาล่ะ รุย นายต้องพยายามสอนคนจากทีมสีแดงให้เข้าใจถึงวิธีการควบแน่นพลังให้ได้ บอกพวกเขาให้หมด ห้ามกำความลับเอาไว้ เพราะมันเป็นเรื่องเงินทองในกระเป๋าของฉัน!” สวี่หลิงอวิ๋นบอกรุย
รุยรู้สึกลังเล แต่เมื่อเขาได้ยินองค์หญิงสามบอกว่ามันเป็นเรื่องเงินทองในกระเป๋าของเธอ เขาก็เริ่มกระฉับกระเฉงขึ้นทันที ใช่แล้ว! นี่มันเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เนื้อย่างขององค์หญิงสาม!
สมาชิกในทีมสีเขียวจึงเริ่มลงมือสอนสมาชิกในทีมสีแดง
สวี่หลิงอวิ๋นของให้ทหารทั้งหลายของโอคาซีไปตามเก็บเอเลี่ยนต๋าหลู่ที่อยู่บนพื้นดินกลับมา
เหล่าทหารทั้งหลายที่มาจากกองทัพของโอคาซี ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยตามองค์หญิงสามไปสู้กับปลาหมึกยักษ์บนดาวเคราะห์ดวงอื่นด้วย และเมื่อองค์หญิงสามให้พวกเขาไปเก็บตัวอ่อนของต๋าหลู่ น้ำลายก็ไหลออกมากันในทันที
โอ้…พวกเขาจะได้กินอาหารที่องค์หญิงสามเป็นคนทำอีกครั้ง! คิดถึงมันมากเหลือเกิน!
หลังจากทำความสะอาดต๋าหลู่ที่เก็บได้ทั้งหมดแล้ว สวี่หลิงอวิ๋นก็ปรุงเกลือลงไป ครั้งนี้โอคาซีเอาปุ่มมิติกักเก็บของเธอติดตัวมาด้วย ทำให้เธอมีวัตถุดิบมากมายให้การทำต๋าหลู่ย่างเกลือ!
ทำต๋าหลู่ย่างอีกครั้ง!
จากนั้นจึงลงมือทำซอสสำหรับต๋าหลู่!
สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำเนื้อของต๋าหลู่ให้แห้ง!
หลังจากสวี่หลิงอวิ๋นล้างต๋าหลู่เหล่านั้นแล้ว เธอก็หมักมันด้วยเครื่องเทศต่าง ๆ โรยเกลือไว้ที่ผิวด้านบนสุด และแขวนพวกมันไว้กลางอากาศเพื่อขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์
เมื่อเครื่องปรุงรสแทรกซึมเข้าไปยังผิวด้านในและสัมผัสได้ว่าผิวด้านนอกแห้งสนิทแล้ว สวี่หลิงอวิ๋นก็ใส่เนื้อเหล่านี้เข้าไปในเครื่องจักรกลที่แปรสภาพเป็นเครื่องเร่งอบแห้งขนาดใหญ่
ในขณะนั้น เธอก็เริ่มลงมือทำเนื้อของต๋าหลู่
ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง เหล่าทหารทั้งหลายที่ยังคงกระจัดกระจายอยู่ข้างนอกก็รีบกลับมาทันทีที่ได้กลิ่นหอม เมื่อพวกเขากลับมาก็เห็นถังใส่อาหารขนาดใหญ่ ก็รู้สึกราวกับว่าฝันไป! ภาพตรงหน้าทำให้พวกเขารู้สึกว่าพื้นที่แห่งนี้ไม่ได้ตั้งอยู่บนโลก แต่มันคือสรวงสวรรค์ต่างหาก!
นี่คงเป็นสิ่งที่เหล่าทวยเทพกินกันใช่ไหม?!
หลังจากที่สวี่หลิงอวิ๋นหยิบเอาเนื้ออบแห้งขึ้นมา อาหารก็พร้อมเสิร์ฟอย่างเป็นทางการ!
สวี่หลิงอวิ๋นลิ้มลองเนื้อของต๋าหลู่แล้วรู้สึกว่ามันอร่อยมาก การผสมผสานระหว่างเครื่องปรุงรสทั้งหลายทำให้รสชาติของมันเปลี่ยนไปมากทีเดียว
และต๋าหลู่อบแห้งนี้มีความโดดเด่นมาก ซึ่งแตกต่างจากดั้งเดิมอย่างสิ้นเชิง! อร่อยไม่แพ้ของตุ๋นทั้งหลายเลยสักนิด!
ไม่เลว! สวี่หลิงอวิ๋นลิ้มลองเนื้ออบแห้งอีกครั้ง เฮ้! รสชาติของมันสดใหม่มาก!
พอเอามาทำเป็นเนื้ออบแห้งแล้ว มันก็ไม่ได้มีความแห้งอย่างเดียว แต่ยังเหนียวหนึบอีกด้วย
รสชาติของมันอร่อยมาก อร่อยไม่แพ้ปลาหมึกกระป๋องเลยทีเดียว!
ทุกคนไม่แม้แต่จะเงยศีรษะขึ้นมา พวกเขาก้มหน้ากินเนื้อทั้งหลายในคราวเดียว ไม่วายอยากจะเก็บเนื้อเข้าไปในกระเป๋าของตนเอง น่าเสียดายที่พวกเขากินกันเข้าไปเยอะมาก จึงทำให้เนื้ออบแห้งในถังขนาดใหญ่หมดเกลี้ยง!
โชคดีที่ยังเหลือต๋าหลู่อยู่บ้าง!