พูดว่าเป็นคนขององค์หญิงสามอย่างนั้นหรือ? ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนักหรอก!
เพราะมันเป็นธรรมเนียมของสถาบันยังไงล่ะ! ต่อให้องค์ชายใหญ่หรือองค์ชายรองเป็นหัวหน้า ผู้ติดตามของพวกเขาก็ยังต้องถูกนักเรียนชั้นปีที่สี่กลั่นแกล้งอยู่ดีไม่ใช่เหรอ?
มันคือการทดสอบ ต่อให้ฝ่าบาทจะไม่มีส่วนร่วมก็ตาม
ผู้ชมทั้งหลายหัวเราะเยาะเมื่อมองดูเจ้าตัวเล็กพวกนี้ต่อสู้แย่งชิงอำนาจ บทพูด และเริ่มโหยหาเรื่องราวในอดีต
เมื่อมองย้อนกลับไปตอนนั้น ผู้ชมรู้สึกว่ารุ่นพี่ของพวกเขากลั่นแกล้งเกินไปจริง ๆ แต่เมื่อพวกเขาได้ขึ้นมาเป็นรุ่นพี่ มันก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าตอนนั้นรู้สึกเจ๋งมากแค่ไหน
“ต่อจากนี้ไปถุงเท้าและเสื้อผ้าของรุ่นพี่จะต้องไหว้วานพวกนายซักหน่อยนะ” โรเบิร์ต นิคดีดนิ้วเป็นเสียง ‘เป๊าะเป๊าะ’ พละกำลังของเขาแข็งแกร่งเทียบเท่ากับรุย พวกเขาทั้งคู่กำลังก้าวเข้าสู่ระดับ 7 ดาว อีกทั้งยังเป็นลูกรักพระเจ้า
แต่ถ้าหากตามตารางฝึกฝนตำแหน่งหัวหน้าของชั้นปีที่สี่ จึงถือได้ว่าเขาเป็นนักเรียนที่อยู่ในระดับ 7 ดาวแล้ว
“ถ้าพวกเราปฏิเสธล่ะ?” รุยเงยหน้าขึ้นและสบตามองโรเบิร์ตอย่างไม่เกรงกลัว เขาไม่กลัวเลยสักนิดที่จะต้องต่อสู้ เพราะลูกผู้ชายจะร้องขอความเมตตาง่าย ๆ ไม่ได้!
“ปฏิเสธงั้นเหรอ? ฮิฮิ!” โรเบิร์ตเสยผมที่หน้าผากขึ้น “งั้นก็มาดวลกันเลย!”
“เอาเลย ใครกลัวล่ะ?!”
การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นและชาวเน็ตต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ใครจะเป็นผู้ที่ทรงพลังมากที่สุดระหว่างนักสู้ที่แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของสวี่หลิงอวิ๋น กับนักเรียนชั้นปีที่สี่ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนัก?!
ทว่าชาวเน็ตทั้งหลายเอนเอียงไปทางเด็กปีสี่มากกว่า
ท้ายที่สุดแล้ว รุยเป็นคนที่เก่งกาจมาก และเขาเพิ่งก้าวผ่านขอบเขตระดับ 6 ดาว เปรียบเทียบกับโรเบิร์ตที่ก้าวผ่านจุดนั้นมาได้ถึงสองปีแล้ว แต่ยังคงแย่กว่าเล็กน้อย
สวี่หลิงอวิ๋นเคี้ยวเนื้ออบแห้งขณะนั่งมองการต่อสู้เงียบ ๆ โดยมีพลเอกโอคาซีอยู่เคียงข้าง
“ท่านคิดว่าใครจะชนะคะ?” สวี่หลิงอวิ๋นสะกิดโอคาซีที่อยู่ด้านข้าง
“โรเบิร์ตครับ” โอคาซีไม่ได้ลำเอียงเลยงสักนิด เขาเพียงแต่วิเคราะห์จากประสบการณ์การต่อสู้ และโรเบิร์ตคนนี้มีพละกำลังแข็งแกร่งกว่ารุย
“ถึงฉันจะไม่อยากยอมรับ แต่ที่คุณพูดมันก็ถูกค่ะ” แน่นอนว่าเธอรู้ถึงความแข็งแกร่งของรุย หากคู่ต่อสู้เป็นนักเรียนชั้นปีที่สี่ธรรมดา เขาอาจจะมีโอกาสคว้าชัยชนะมาได้
อย่างไรก็ตาม รุยยังห่างกับโรเบิร์ตอยู่เล็กน้อย
ผลลัพธ์เป็นไปตามที่ทั้งสองคาดเดา รุยก้าวพลาดไปนิดเดียวและนั่นทำให้เขาพ่ายแพ้
นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งก้มศีรษะของพวกเขาลง ก่อนจะหยิบถุงเท้าที่ส่งกลิ่นเหม็นของพวกรุ่นพี่ขึ้นมา ทำเตียง เตรียมอาหารและจัดสิ่งของจิปาถะให้กับพวกชั้นปีที่สี่ทั้งหลาย
สวี่หลิงอวิ๋นกลับไปที่ฐานทัพหลังจากการต่อสู้สิ้นสุดลง เมื่อรับประทานอาหารจนอิ่มหนำสำราญแล้ว สวี่หลิงอวิ๋นกับโอคาซีก็บอกลากันและกัน ก่อนที่เธอจะพบเข้ากับผู้ช่วยชาร์ล
ผู้ช่วยชาร์ลรู้ว่าค่ำคืนนี้มีการประลองระหว่างนักเรียนปีที่หนึ่งกับนักเรียนชั้นปีที่สี่ และยังรู้อีกว่าสวี่หลิงอวิ๋นแอบมองดูการต่อสู้ของพวกเขาอยู่ที่ด้านข้าง ไม่แม้แต่จะก้าวเข้าไปแทรกแซง และนั่นทำให้เขาสงสัย
“ทำไมท่านไม่ออกมาปกป้องพวกเขาล่ะครับ?” ผู้ช่วยชาร์ลมองดูสวี่หลิงอวิ๋นที่อยู่ในท่าทีสบาย ๆ และดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้สึกเศร้าใจกับผู้ติดตามของเธอแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่แปลกมาก
“แล้วทำไมฉันต้องออกมาปกป้องพวกเขาด้วยล่ะ?” สวี่หลิงอวิ๋นเอ่ยถามอย่างสงสัย “ฉันปกป้องพวกเขาไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอกนะ นักเรียนปีสี่พวกนั้นแค่สอนความเป็นมนุษย์ให้กับพวกเขาแทนฉันเท่านั้นเอง”
“ศักดิ์ศรีเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องไขว้คว้ามาด้วยตัวเอง ถ้าให้ฉันไปต่อสู้แทนพวกเขา แล้วพวกเขาจะได้มันมาไหมล่ะ?!”
สวี่หลิงอวิ๋นกินเนื้ออบแห้งของเธอต่อไป “ฉันจะบอกอะไรให้ ตอนนี้ธุรกิจปลาหมึกยักษ์ของพวกเรากำลังแย่ลง ทำไมนายไม่ออกไปหาแหล่งวัตถุดิบแหล่งใหม่มาให้พวกเราล่ะ?”
“โอ้ มีแหล่งวัตถุดิบอยู่นะครับ แต่ว่าพวกมันไม่ได้อยู่ในห้วงดวงดาวของเรา!” ผู้ช่วยชาร์ลรู้สึกวิตกกังวล!
เพราะตัวเขาเองมีส่วนแบ่งในธุรกิจอยู่หนึ่งเปอร์เซ็นต์!
ถ้าจะบอกว่าใครกังวลเกี่ยวกับธุรกิจนี้มากที่สุด แน่นอนว่าคงเป็นเขา!
“เป็นของจักรวรรดิไหน? เราจะไปติดต่อพวกเขา!” สวี่หลิงอวิ๋นเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม “อีกอย่างปลาหมึกยักษ์พวกนั้นเป็นศัตรูพืชสำหรับพวกเขา พวกเราก็แค่มีหน้าที่กำจัดแมลง!”
ชาร์ลหัวเราะทั้งน้ำตา “องค์หญิงสาม ท่านแค่ต้องยื่นความจำนงทางการทูต!”
“การทูต? นายคิดว่าพวกเราต้องกังวลเรื่องการทูตด้วยเหรอ? พวกเราต้องการกำลังต่อสู้ต่างหาก!” สวี่หลิงอวิ๋นส่ายหัวด้วยท่าทีมั่นใจ เมื่อไม่นานมานี้รัฐมนตรีการคลังมักจะติดต่อเธอบ่อยขึ้น โดยหวังว่าเธอจะขยายธุรกิจและเลือกที่จะกลับมาร่วมมือกับจักรวรรดิอีกครั้ง
ร่วมมือ?!
สวี่หลิงอวิ๋นปฏิเสธโดยไม่คิดแม้แต่น้อย! ก่อนหน้านี้เธอเร่งขายปลาหมึกยักษ์ให้กับทางจักรวรรดิเร็วเกินไป ทำให้อาหารกระป๋องที่ผลิตออกมาตามหลังขาดแคลนวัตถุดิบ แม้ว่าตอนนี้เนื้อต๋าหลู่จะดูเหมือนมีจำนวนเยอะ แต่เมื่อเอามันมาอบแห้งแล้ว มันกลับเหลือจำนวนอยู่นิดเดียว
จากห้าสิบกรัมเหลือเพียงหนึ่งกรัมครึ่งเท่านั้น!
แต่ว่าสวี่หลิงอวิ๋นเต็มใจจะขายเนื้ออบแห้งในราคาส่งให้แก่จักรวรรดิ เพียงแค่ต้องการแปดในสิบจากราคาตลาดสำหรับขายส่งเท่านั้น และพวกเขาสามารถตั้งราคาขายเองได้
เพียงเท่านี้รัฐมนตรีการคลังก็พึงพอใจแล้ว
ทั้งสองบรรลุข้อตกลงกันอีกครั้ง แต่ธุรกิจปลาหมึกคือความเป็นและความตายของรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ และเขาไม่อยากปล่อยให้มันหลุดมือ ไม่สิ ก่อนหน้านั้นเขาก็ถามเธอไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าเธอต้องการจะขยายธุรกิจนำเข้าหรือไม่?
“คือว่า องค์หญิงสามครับ ไม่ดีเหรอครับ ยังไงซะพวกเราก็ยังเลือกซื้อปลาหมึกจากพวกเขาได้ตลอดนะครับ!” ผู้ช่วยชาร์ลเสนอความคิดเห็น
“ไม่ล่ะ!” สวี่หลิงอวิ๋นปฏิเสธ “วัตถุดิบควรอยู่ในกำมือของพวกเราเอง ถ้าเกิดว่าพวกเขาไม่ยินยอมขายให้กับพวกเราล่ะ? แน่นอนว่าฉันก็ต้องลงมือทำเองอยู่ดี”
ผู้ช่วยชาร์ลครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ได้ครับ แล้วมารอดูกันว่าท่านจอมพลจะเห็นด้วยไหม”
“เอาไว้ฉันจะถามโอคาซีพรุ่งนี้แล้วกัน” สวี่หลิงอวิ๋นยังไม่ตัดสินใจทันที
แน่นอนว่าโอคาซีเห็นดีงามด้วย เขาไม่สามารถปฏิเสธความต้องการของสวี่หลิงอวิ๋นได้เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่เธอให้ความสนใจมากที่สุด ฉะนั้นเขาจะต้องสนับสนุนเธออย่างเต็มที่
ทั้งสองยังคงพูดคุยกันต่อไป ในขณะที่ดาวเคราะห์ที่องค์ชายใหญ่อาศัยอยู่กำลังเกิดความปั่นป่วน!
เนื่องจากสัตว์จำพวกใช้ฟันมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น อสูรกายเขี้ยวยักษ์พวกนี้ค่อนข้างแตกต่างจากต๋าหลู่ ต๋าหลู่เป็นเอเลี่ยนที่ค่อนข้างขี้เกียจ ถึงแม้ว่าการเคลื่อนไหวของพวกมันจะว่องไว แต่พลังโจมตีกลับไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก
ทว่าอสูรกายเขี้ยวยักษ์พวกนี้แตกต่างออกไป!
เพราะมันมีก้ามขนาดมหึมาอยู่ทั้งสองด้าน พลังทำลายล้างของมันช่างน่าทึ่งมาก มันค่อนข้างว่องไวกว่าปลาหมึกยักษ์!
ร่างกายของพวกมันถูกห่อหุ้มด้วยเกราะป้องกันที่ให้ความรู้สึกคงกระพัน ขณะที่ระดับความแข็งแกร่งอยู่ที่ห้าดาว แม้ว่าความสามารถในการป้องกันของมันจะน่าทึ่งแล้ว แต่พลังการทำลายล้างและพละกำลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งของพวกมันกลับน่าอัศจรรย์เสียยิ่งกว่า นอกจากนี้พวกมันยังถือว่าเป็นหนึ่งในเอเลี่ยนที่ยากจะรับมือ
องค์ชายใหญ่ได้ต่อสู้กับอสูรกายเขี้ยวยักษ์พวกนี้มาโดยตลอด แต่เขากลับไม่คาดคิดว่าทางเชื่อมมิติจะเปิดออกภายในชั่วข้ามคืน และฝูงอสุรกายเขี้ยวยักษ์พวกนี้จะบุกเข้ามายังดาวเคราะห์หยวนเจียอีกครั้ง
ตอนแรกเขาสามารถควบคุมอสุรกายเขี้ยวยักษ์เอาไว้ได้ แต่สุดท้ายกลับทำให้พวกมันหลุดมือไป!
องค์ชายใหญ่ถูกอสูรกายเขี้ยวยักษ์พวกนี้ปิดล้อมเอาไว้ และต้องการความช่วยเหลือจากโลกภายนอก!
ถึงแม้ว่าจักรพรรดิจะรู้สึกผิดหวังในตัวลูกชายทั้งสอง แต่อย่างไรเสีย ทั้งสองก็ยังเป็นลูกชายของเขา นอกจากนี้ยังมีกองทัพทหารนับหมื่นคนที่รอคอยการช่วยเหลือของพวกเขาอยู่บนดาวเคราะห์หยวนเจีย คำสั่งดังกล่าวถูกส่งมายังกองทัพทหารที่อยู่บนดาวเคราะห์ฮอร์นบี้เป็นอันดับแรกเพราะที่นี่อยู่ใกล้กับดาวเคราะห์หยวนเจียมากที่สุด
นักรบที่อยู่ใกล้ที่สุดได้ออกไปช่วยเหลือก่อนแล้ว ในขณะที่กองกำลังขนาดใหญ่กำลังเดินทางมา
สวี่หลิงอวิ๋นต้องการติดตามไปด้วยเมื่อเธอได้ยินคำสั่งการ
นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งส่งเสียงเอะอะว่าต้องการไปด้วย แต่กลับถูกสวี่หลิงอวิ๋นปฏิเสธ