เอริก้าที่แอบไปอาเจียน เดินกลับเข้ามาด้วยอาการเซื่องซึม มองดูสวี่หลิงอวิ๋นที่ยังคงยกยิ้มแล้วรู้สึกโกรธจนแทบบ้า
“เอ่อ? ฉันทำให้รสชาติแย่ลงหรือเปล่าคะ?” สวี่หลิงอวิ๋นเอียงศีรษะและแสร้งทำเป็นโศกเศร้า เธอตักซอสไข่ปูขึ้นมาหนึ่งช้อนและใส่ลงไปในถ้วยของโอคาซี “ท่านคิดว่ารสชาติของมันเป็นยังไงบ้างคะ?”
โอคาซีกินมันด้วยท่าทีสงบนิ่งและพยักหน้าเล็กน้อย “อร่อยดีครับ”
“จริงเหรอคะ? ฉันก็คิดว่างั้นนะ!” เมื่อพูดดังนั้น เธอก็ตักน้ำพริกไข่ปูมากินหนึ่งคำ และพูดกับเอริก้าว่า “ในเมื่อคุณไม่ชอบน้ำพริกไข่ปู คุณกินกุนเชียงนี้ก็ได้ค่ะ!”
สวี่หลิงอวิ๋นพูดต่อว่า “คุณบอกเองไม่ใช่เหรอคะว่าหนังของกุนเชียงหนึบหนับมาก? จะว่าไปปากของคุณก็สุดยอดมากเลยนะคะ!”
สวี่หลิงอวิ๋นพูดต่อพร้อมรอยยิ้ม “หนังด้านนอกทำมาจากลำไส้ของเอเลี่ยนน่ะค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ เพราะฉันล้างสิ่งปฏิกูลข้างในจนสะอาดแล้ว มันจะไม่มีกลิ่นแน่นอนค่ะ!”
ใบหน้าของเอริก้าเริ่มซีดเซียวขณะมองดูกุนเชียงที่เหลือในจาน เธอกัดมันเข้าไปเพียงสองสามคำเท่านั้น และเมื่อเธอคิดได้ว่าหนังของมันทำมาจากลำไส้เอเลี่ยน…
เธอก็รีบวิ่งออกไปอาเจียนอีกครั้ง
องค์ชายใหญ่มองดูโต๊ะอาหารและหันหน้าหนีไปอย่างเงียบ ๆ เขารู้สึกเห็นใจคุณหนูเอริก้าเป็นอย่างมาก!
เธอไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไมเขาถึงไม่ไปนั่งข้างน้องสาวของตนเอง?
เอริก้ากลับมายังที่นั่งของเธออีกครั้ง และทันทีที่สวี่หลิงอวิ๋นเริ่มพูดแนะนำเกี่ยวกับอาหารบนโต๊ะ เธอก็โบกมือและพูดว่า “เลิกพูดถึงมันเถอะค่ะ”
สวี่หลิงอวิ๋นถอนหายใจอย่างเสียดาย “ก็ได้!”
เอริก้ามองไปที่โอคาซีที่ยังคงนั่งกินอยู่ในท่าทีสงบนิ่ง โดยไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว เขาคอยติดตามสวี่หลิงอวิ๋นและกินอาหารพวกนั้น ราวกับว่าวัตถุดิบทั้งหลายเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา
“พลเอกโอคาซีคะ ของพวกนี้…”
คุณชอบมันจริง ๆ เหรอคะ? คุณไม่คิดว่าวัตถุดิบพวกนี้เป็นสิ่งที่น่าขยะแขยงบ้างเหรอคะ?
เธอถึงกับพูดไม่ออก
สวี่หลิงอวิ๋นมีช่วงเวลาที่ดีในการกินอาหารกับเขา แต่เอริก้ากลับไม่สามารถทนนั่งต่อไปด้วยท่าทีนิ่งเฉยได้ “ท่านพลเอก องค์หญิงสามเพคะ ฉันรู้สึกไม่ดีนิดหน่อย ขอตัวก่อนนะคะ”
สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า “อยากให้ฉันไปนั่งกับคุณด้วยไหมคะ? ฉันช่วยแก้เบื่อให้คุณได้นะ!”
“ไม่จำเป็น” เอริก้าฝืนยิ้ม “ท่านกินข้าวต่อไปเถอะค่ะ”
หลังจากที่เอริก้าจากไป สวี่หลิงอวิ๋นก็โบกมือลาอย่างไม่เต็มใจนัก โอ้ นานแค่ไหนแล้วนะที่เธอไม่ได้เห็นหญิงสาวไร้เดียงสาอย่างเอริก้า?
โดยหวังว่าผู้หญิงคนนั้นจะนำความสนุกเล็กน้อยมาสู่ชีวิตที่ซ้ำซากจำเจของเธอ
สวี่หลิงอวิ๋นคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหญิงสาวคนนี้จะเข้ามาพร้อมกับกลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สามารถทำให้เธอได้ใช้สมองวิเคราะห์ปัญหา! ในฐานะศัตรูหัวใจ เธอจะใช้กลอุบายอะไรดีน้า?
โอ้อวดภูมิหลังของครอบครัว? นั่นอาจจะไม่สามารถเป็นไปได้ เพราะว่าภูมิหลังครอบครัวของเธอเจ๋งกว่าหญิงสาวอย่างมาก
โอ้อวดความรู้เหรอ? แสดงคุณสมบัติความเป็นผู้ดี? นั่นอาจจะเป็นไปได้!
สวี่หลิงอวิ๋นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ขณะที่การแสดงออกของโอคาซีนั้นแสนจะบูดบึ้ง มันคงไม่มีประโยชน์อะไรถ้าเขามัวแต่หยิ่งผยอง!
โอ้อวดรูปร่างสง่างามและแสนสวยเหรอ? หญิงสาวคนนั้นงดงามมาก แต่…อืม…แต่เธอก็ชอบผู้หญิงสวยนะ! เพราะฉะนั้นจะแสดงความสวยออกมาเท่าไหร่ก็ได้! พี่สาวคนนี้ชอบมากจ้า!
หลังจากคิดเกี่ยวกับมัน ช่างมันเถอะ เธอจะทำอะไรก็เรื่องของเธอ หึหึ ตราบใดที่เธอไม่ทำให้ฉันคนนี้ขุ่นเคือง
เอริก้ายิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นเมื่อเธอเดินไปตามทาง เธอแทบจะไม่สามารถยกยิ้มแบบผู้ดีได้!
“คุณหนู องค์หญิงสามทำเกินไปมากเลยนะคะ!” โจดี้มองขึ้นไปและรู้สึกเสียใจต่อหญิงสาว “อยากให้ฉันแก้แค้นแทนไหมคะ?”
“แก้แค้น? แก้แค้นยังไง?” เอริก้าเป็นคนมีสติสัมปชัญญะ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกและพูดว่า “เธอเป็นถึงองค์หญิง พวกเราไม่ควรต่อต้านองค์หญิง”
ความแข็งแกร่งของโจดี้อยู่ในระดับ 7 ดาว และองค์หญิงสามก็อยู่ในระดับ 7 ดาวเช่นกัน ทั้งสองคนมีความแข็งแกร่งเท่ากัน แต่โจดี้ก็ไม่อาจต่อสู้กับองค์หญิงสามได้
“ท่านใจดีเกินไปแล้วนะคะ!” โจดี้พูดออกมาอย่างไม่พอใจ “ฉันจะรายงานเรื่องนี้กับท่านผู้อาวุโสว่าองค์หญิงสามกลั่นแกล้งคุณหนู!”
“อย่าเลย” เอริก้าจับมือของโจดี้เอาไว้ “มันไม่ควรกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ช่างมันเถอะ!”
โจอี้ตบมือของเธอเบา ๆ “คุณหนู ท่านใจดีเกินไปนะคะ!”
ในขณะที่เอริก้ากำลังงีบหลับ โจดี้ก็สั่งการใช้คอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์ต่อสายหาผู้อาวุโส และเล่าเรื่องราวที่เกินขึ้นบนดาวเคราะห์หยวนเจีย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องราวที่องค์หญิงสามให้หญิงสาวกินอวัยวะสืบพันธุ์และลำไส้ของเอเลี่ยน ร่างกายของผู้อาวุโสสั่นสะท้านด้วยความโกรธจัด และสาบานว่าจะสอนบทเรียนให้กับองค์หญิงสามเล็กน้อย!
เอริก้าที่กำลังนอนตะแคงข้างแอบยิ้มคนเดียว
แลนเซล็อตและผู้ช่วยของเขามาถึงดาวเคราะห์หยวนเจียเช่นกัน
นอกจากพวกเขาทั้งสองคนแล้ว ยังมีกองทัพทหารกว่าหมื่นคนที่ติดตามมาพร้อมกับยานอวกาศของเขาด้วย ซึ่งทหารเหล่านั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับ 6 ดาวที่เข้ามาเสริมทัพ
องค์ชายใหญ่ออกมาต้อนรับอีกครั้ง
“ไม่เจอกันนานเลยนะ แลนเซล็อต!” สวี่เจี้ยนอวิ๋น องค์ชายใหญ่จ้องมองแลนเซล็อต และพูดออกมาด้วยความอิจฉาริษยา “นายหล่อขึ้นทุกครั้งที่เจอเลยนะ ฉันล่ะอิจฉาเป็นบ้า!”
“นายก็ถ่อมตัวเกินไป ว่ากันว่าสาวใช้ในวังกำลังทุกข์ทรมานจากความรักเพราะนายไม่ใช่เหรอ?!” แลนเซล็อตล้อเลียนเขาเช่นกัน
ความสัมพันธ์ระหว่างองค์ชายทั้งสองนั้นค่อนข้างดี เพราะพวกเขาสามารถเข้ากันได้ดี
หลังจากทั้งสองพูดหยอกล้อกันอยู่ครู่หนึ่ง องค์ชายใหญ่ก็ถามว่า “อยากจะพักก่อนไหม?”
“ก็ดีนะ!” แลนเซล็อตตอบตกลงอย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้องค์หญิงสามไม่ได้อยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาจึงต้องการเติมพลังก่อนและรอไปทักทายเธอตอนเย็น
โอคาซีขมวดคิ้วหลังจากได้รับข้อความจากกองทัพทหารของเขา ก่อนจะมองดูสวี่หลิงอวิ๋นที่อยู่อีกด้านหนึ่ง เธอยังคงโจมตีและฆ่าอสูรกายเขี้ยวยักษ์
แลนเซล็อตมาทำอะไรถึงที่นี่?
ตอนแรกก็เอริก้า ตอนนี้ยังเป็นแลนเซล็อตอีก ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะมีการสมรู้ร่วมคิด?
พวกเขามากีดกันไม่ให้เขาตามจีบองค์หญิงสาม!
โอคาซีเก็บคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์และติดตามสวี่หลิงอวิ๋นไป
“โธ่ น่าเสียดายที่ไม่มีใครชอบอสูรกายเขี้ยวยักษ์พวกนี้เลย! เนื้อที่ต้นขาของพวกมันเป็นอาหารการกินของมนุษย์ด้วยซ้ำ” สวี่หลิงอวิ๋นส่ายหัวและถอนหายใจ
สิ่งดีงามแบบนี้กลับไม่เป็นที่ยอมรับของผู้คน และนั่นทำให้จิตใจของเธอหดหู่
“ปล่อยให้มันค่อยเป็นค่อยไปนะครับ” โอคาซีพูดปลอบโยนเธอ
“อันที่จริงฉันก็อยากพูดมาตลอดนะคะว่าถ้าท่านไม่ชอบมัน ก็ไม่จำเป็นต้องฝืนกินก็ได้ค่ะ” สวี่หลิงอวิ๋นยักไหล่ “ฉันเดาเอานะว่าท่านก็คงรับมันไม่ได้เหมือนกัน”
“แล้วท่านล่ะ?” โอคาซีจ้องมองเธอ “ท่านรับมันได้ไหมครับ?”
“ฉันก็ต้องยอมรับมันได้อยู่แล้วสิคะ!” สวี่หลิงอวิ๋นพูดออกไปอย่างภาคภูมิใจ “ถ้าฉันยอมรับมันไม่ได้ ฉันทำมันทำไมล่ะคะ?”
โอคาซีมองไม่เห็นใบหน้าของเธอ แต่เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของเธอ ก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ในเมื่อท่านยอมรับมันได้ แล้วทำไมผมจะยอมรับมันไม่ได้ล่ะครับ?”
“ท่านชอบอะไร ผมก็ชอบด้วย”
คำพูดของโอคาซีเปรียบดั่งสายฟ้าฟาดที่ทำให้ร่างกายของเธอสั่นสะท้าน คำพูดที่แสนวิเศษนั้นทำให้ใครบางคนหน้าแดง!