ตอนที่ 161 ฉันคือเถ้าแก่เนี้ยที่อารยธรรมพื้นเมือง 16
การวางยาไม่ได้น่ากลัวธรรมดา แต่มันน่ากลัวมาก เพราะยาพิษชนิดนี้มีฤทธิ์อันตรายร้ายแรงถึงแก่ความตาย
กลับกลายเป็นว่า…แขกที่มาจากต่างถิ่นคนนี้เข้ากันได้กับยาพิษ นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น? ทำไมดูเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติเลย!
คนที่วางยาพิษรู้สึกตกตะลึงอย่างมาก ยาพิษชนิดนี้เป็นยาพิษที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ทำไมนักวิจัยคนนี้ถึงไม่เป็นอะไรเลย?
ดังนั้นเขาจึงแอบย่องเข้าไปในห้องทำงานของนักวิจัยคนดังกล่าวเพื่อค้นหาความจริง แล้วก็พบกับกระจุกของเส้นผมที่ตกอยู่บริเวณมุมห้อง จากนั้นจึงเอามันมาทดสอบ
เขารู้สึกประหลาดใจเมื่อค้นพบว่าเส้นผมชนิดนี้แตกต่างจากยีนของมวลมนุษยชาติในทวีปกาตาร์!
และแล้วนักวิจัยก็ถูกกองทัพล้อมรอบภายในคืนนั้นเอง!
นักวิจัยรีบเอาเครื่องจักรกลของเขาออกมา และหลบหลีกช่วงเวลาวิกฤตไปพร้อมกับเครื่องจักรกลของเขา
ทำให้ผู้คนทั่วทั้งทวีปตกตะลึง!
ส่วนนักวิจัยคนอื่นที่เหลืออยู่ก็แอบหลบหนีไปอย่างเงียบ ๆ เช่นกัน
สถาบันวิจัยริเริ่มตอบสนองต่อเหตุการณ์ดังกล่าวและขอให้ทุกคนในโรงพยาบาลเจาะเลือดเพื่อทำการทดสอบ ก่อนจะพบว่านักวิจัยจำนวนห้าถึงหกคนได้หนีหายไปจากสถาบันวิจัย
“พวกนั้นเป็นมนุษย์ต่างดาวใช่ไหม?” เครื่องจักรกลมีขนาดใหญ่มากจนประชากรทั้งหลายในเมืองมองเห็นเครื่องจักรกลลำนั้นได้อย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าทางสถาบันจะต้องการปกปิด แต่ก็ไม่สามารถซ่อนมันไว้ได้
ชาร์กระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้นเมื่อเขาได้ยินรายงานดังกล่าว!
“ผมบอกแล้วไง! ว่าผมตรวจพบอารยธรรมของต่างดาวในวันนั้น! พวกเขาต้องเอายานอวกาศลงจอดในทะเลของพวกเราแน่เลย! ผมแนะนำให้ออกไปหามันอีกครั้ง ครั้งนี้พวกเราจะต้องหาเจอแน่นอน!”
ไม่มีใครคัดค้านข้อเสนอของชาร์อีกต่อไป เพื่อไม่ให้เหล่ามนุษย์ต่างดาวมีทางหนีรอดไปไหนได้อีก พวกเขาถึงกับระดมคนจากทั่วทั้งทวีปมาตรวจเลือดเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง
มนุษย์ต่างดาวรวมทั้งสวี่หลิงอวิ๋นกำลังเตรียมพร้อมกับการต่อสู้โดยสัญชาตญาณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่างเทคนิคที่หลบซ่อนตัวอยู่บนภูเขา เปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขา และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้เพื่อนร่วมทีมของเขาจำได้
แลนซ์ได้รับคำสั่งการจากโอคาซี ตามจริงแล้วเขาไม่ต้องกล่าวอะไรด้วยซ้ำ เพราะอีกด้านหนึ่งกำลังปกป้องตัวเอง ส่วนอีกด้านหนึ่งกำลังค้นคิดแนวทางการตามหาช่างเทคนิค
โอคาซีกับสวี่หลิงอวิ๋นรู้ดีว่าพวกเขาควรจะริเริ่มทำอะไรบางอย่างเสียตอนนี้ ไม่เช่นนั้น พวกเขาจะต้องถูกกำจัดออกไป
การเจาะเลือดเป็นการครอบคลุมทั้งหมด
สวี่หลิงอวิ๋นใช้พลังจิตของตัวเองสร้างความสับสนให้แก่บุคลากรที่โดนสุ่มตรวจโดยตรง สลับเปลี่ยนเลือดของผู้ช่วยสองสามคน และในที่สุดเธอก็จัดการมันลงได้
วิกเตอร์เริ่มรู้สึกสงสัยว่าวันนั้นเขาได้พบเจอกับอะไรบางอย่างที่ทางวิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้หรือไม่ และสิ่งนั้นก็เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด
พวกเขาเป็นมนุษย์ต่างดาวจริง ๆ เหรอ? มนุษย์ต่างดาวพวกนั้นได้ติดต่อกับสวี่หลิงอวิ๋นใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นทำไมมนุษย์ต่างดาวถึงมอบเค้กให้กับสวี่หลิงอวิ๋นล่ะ?
ดังนั้นเขาจึงแอบตรวจสอบยีนทางพันธุกรรมจากครอบครัวของสวี่หลิงอวิ๋นเพียงลำพัง
โชคดีที่แลนซ์รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ทันเวลา เพราะว่าหนึ่งในแฟนคลับตัวยงของเขาได้ไปพบเข้ากับความลับนี้โดยบังเอิญ และเธอก็รู้ดีว่าแลนซ์ชื่นชอบเค้กของครอบครัวนี้เป็นชีวิตจิตใจ เขาจึงได้รับรู้เกี่ยวกับความลับนี้
แลนซ์สัมผัสศีรษะของผู้รับใช้ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะ…ดัดแปลงความทรงจำของแฟนคลับคนนี้โดยตรง
แฟนคลับคนนี้จะจำไม่ได้ว่าตัวเธอได้บอกความลับนี้ให้แก่แลนซ์ ขณะเดียวกัน เขาจึงรีบแจ้งสวี่หลิงอวิ๋นว่าพวกเขาได้ตระหนักรู้แล้ว
สวี่หลิงอวิ๋นตกตะลึงขณะที่เหงื่อไหลริน! เธอประเมินชาวพื้นเมืองพวกนี้ต่ำเกินไป…
“ตอนนี้เราจะทำยังไงกันดีครับ?” เถียนอู่ที่สามารถปรับตัวเข้ากับโลกใบนี้ได้แล้ว ทว่าเรื่องแบบนี้กลับมาเกิดขึ้นเสียก่อน นั่นเป็นอะไรที่เขาไม่สามารถยอมรับได้
เดิมทีผู้คนที่นี่เคยเป็นเพียงลูกแกะตัวน้อยเท่านั้น แต่ตอนนี้พวกเขากลับเปลี่ยนเป็นหมาป่าใจร้าย
“ทำยังไงกันดี?” สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้าและเท้าคาง “ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ พวกเราก็ต้องสร้างชื่อเสียงให้โด่งดังมากขึ้น”
“ฮะ? สร้างชื่อเสียง?” เถียนอู่ตกตะลึง สาวสวยจากทีมแพทย์ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็รู้สึกตกตะลึงเช่นกัน เวลาแบบนี้พวกเราไม่ควรตกเป็นจุดสนใจ ซ่อนตัวและรอรับการช่วยเหลือไม่ใช่เหรอ?
“พวกคุณคิดว่ายังไงล่ะ? ตอนนี้การที่พวกคุณเอาแต่ซ่อนตัว มันไม่น่าคิดว่าพวกคุณเป็นมนุษย์ต่างดาวมากกว่าหรอกเหรอ? ฮ่า ๆ! ยิ่งอยู่ในช่วงเวลาแบบนี้ ยิ่งต้องทำตัวให้แตกต่าง ทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับตัวคุณ แล้วเราจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไป!”
“แล้วพวกเราจะทำยังไงกันดีครับ?” สมาชิกในทีมตกตะลึงกับคำพูดขององค์หญิงสาม ใช่แล้ว อย่างไรเสีย ตอนนี้ก็ไม่มีหนทางให้ซ่อนตัวอยู่แล้วใช่ไหม?
“จะต้องทำการโฆษณา!” สวี่หลิงอวิ๋นหัวเราะ!
ดังนั้นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่จึงถูกติดอยู่บริเวณหน้าร้านเค้กของสวี่หลิงอวิ๋นในวันรุ่งขึ้น โดยมีคำเชิญชวนดังนี้ นี่คือเค้กที่มนุษย์ต่างด้าวบอกว่าอร่อย พวกคุณควรลองชิมดูสักครั้ง!
นอกจากนี้ พวกเขายังแขวนภาพถ่ายที่ขรุขระของสวี่หลิงอวิ๋นกับเหล่ามนุษย์ต่างดาวที่มีหัวโต คอลีบ หน้าท้องที่แบบราบไว้ที่หน้าประตูทางเข้า
สวี่หลิงอวิ๋นเล่าเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อเกี่ยวกับตัวเธอที่ต้องเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างด้าว โดยมีเนื้อหาดังนี้…
มีอยู่วันหนึ่ง ขณะที่เธอกำลังนอนสลบไสลอยู่ แสงสว่างจ้าจากด้านนอกได้ปลุกเธอจนตื่น จากนั้นเธอก็พบเข้ากับมนุษย์ต่างดาวน่าเกลียดน่ากลัวที่เอ่ยปากขอกินเค้กของเธอ
“ฉันเป็นคนขี้สงสาร แล้วฉันจะไม่ยอมให้เขากินได้ยังไง!” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวต่อ “มีจานบินขนาดใหญ่ลอยตัวอยู่ด้านหลังเขา หึหึ ตอนนั้นมีน่าตื่นเต้นสุด ๆ ไปเลยล่ะ!”
“เฮ้ แต่ผมได้ยินชนชั้นสูงพวกนั้นพูดว่ามันเป็นเครื่องหุ่นยนต์ขนาดใหญ่นะ! ไม่ใช่จานบินสักหน่อย!” หนึ่งในผู้ฟังกล่าวถกเถียง
“บางทีเครื่องจักรกลนั้นอาจจะกลายเป็นจานบินอีกครั้งก็ได้!” สวี่หลิงอวิ๋นแสร้งทำเป็นขุ่นเคืองและโบกมือ “อย่าใส่ใจรายละเอียดตรงนั้นมากนักเลย!”
“หลังจากที่ฉันยื่นเค้กให้เขา อืม…มนุษย์ต่างดาวตัวนั้นก็ยืนกรานจะถ่ายรูปกับฉันให้ได้ และขอให้ฉันไปทำเค้กที่โลกของมนุษย์ต่างดาวกับเขา! แล้วฉันได้ตอบตกลงไหมน่ะเหรอ? แน่นอนว่าไม่! เพราะฉันไม่อยากจากพวกคุณทุกคนไป!”
ผู้ฟังทั้งหลายต่างพากันหัวเราะ
ตามจริงแล้ว ใครก็ตามที่มีมันสมองอยู่บ้างจะรู้ว่าสวี่หลิงอวิ๋นโกหก ทว่าพวกเขากลับไม่กล่าวอะไรออกไป และทุกคนก็ยังกินเค้กของเธอ!
อะไรที่มาแรงที่สุดในตอนนี้? แน่นอนว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว!
การตลาดเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวของสวี่หลิงอวิ๋นสามารถดึงดูดผู้คนที่ชื่นชอบอารยธรรมต่างดาวได้เป็นจำนวนมาก จนทำให้ธุรกิจของเธอดียิ่งขึ้น
โอคาซียังได้วางแนวทางให้กับเกมของเขาอีกด้วย นั่นคือเหล่ามนุษย์ต่างดาวได้ทำสงครามกับเอเลี่ยนระหว่างห้วงดวงดาว!
ทันทีที่กรรมวิธีของสวี่หลิงอวิ๋นตีแผ่เป็นวงกว้าง ธุรกิจด้านอื่นก็ทำตามเธอเช่นกัน ผู้คนบางส่วนถึงกับสวมใส่เสื้อผ้าที่มีรูปร่างแปลกประหลาดและแสร้งทำเป็นมนุษย์ต่างดาวเพื่อดึงดูดลูกค้า ตอนนี้ประชากรทั่วทั้งทวีปเริ่มใช้มนุษย์ต่างดาวมาสร้างเป็นลูกเล่นต่าง ๆ แม้แต่คำโฆษณายังถูกป่าวประกาศว่า ‘แม้แต่มนุษย์ต่างดาวยังบอกว่าดี แล้วคุณล่ะจะรออะไร?’
แลนซ์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทว่าทางสถาบันกลับไม่ได้ผ่อนคลายการเฝ้าระวัง
ชาร์นำทีมลงสู่ใต้ก้นบึ้งทะเลลึกด้วยตัวของเขาเอง และพวกเขาได้พบกับร่องรอยการลงจอดของยานอวกาศ ซึ่งบ่งชี้ได้ว่ามนุษย์ต่างดาวได้เดินทางมาทวีปของพวกเขาด้วยยานอวกาศจริง ๆ
“มนุษย์ต่างดาวพวกนั้นมีจุดประสงค์อะไร? มาด้วยความเป็นมิตร หรือพยายามจะแสดงตัวออกมาโจมตีโลกของเรากันแน่?” คณบดีจากสถาบันฮั่วเลี่ยตั้งคำถามท่ามกลางการประชุมสุดยอดสถาบัน
“ผมคิดว่าพวกมันกำลังสอดส่องพวกเราอยู่!” คณบดีประจำสถาบันวิจัยฮั่วเลี่ยกล่าวขึ้น “พวกเราควรจับตาดูผลลัพธ์งานวิจัยของนักวิจัยคนนี้ให้ดี เพราะพวกเขากำลังค้นหาวิธีรับส่งสัญญาณจากส่วนลึกของชั้นจักรวาล บางทีพวกมันอาจจะส่งข้อมูลพื้นฐานของพวกเราไปนอกโลกด้วยหรือเปล่า?”
“แต่ผมกลับคิดตรงกันข้าม” คณบดีประจำสถาบันวิจัยไป่เซียนส่ายหัว “ผมคิดว่าพวกมันกำลังประกาศสงครามกับพวกเราครับ”