ตอนที่ 173 ร่วมมือ 4
“ราตรีสวัสดิ์นะคะ ท่านคณบดี” สวี่หลิงอวิ๋นหยักหน้า ก่อนจะดีดนิ้วและหายตัวภายในอากาศภายใต้การจ้องมองของอีกฝ่าย
วิกเตอร์รู้สึกมึนงง
อันที่จริงเขายืนอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้แล้วเช่นกัน เพียงแต่ว่าถูกซ่อนตัวเอาไว้อยู่เคียงข้างสวี่หลิงอวิ๋นเท่านั้น
หลังจากสวี่หลิงอวิ๋นดีดนิ้ว วิกเตอร์ก็ล่องหนเช่นกัน หลังจากนั้นทั้งสองก็จ้องมองท่าทางของรูดอล์ฟด้วยกัน
รูดอล์ฟเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะระเบิดอารมณ์ออกมาและกวาดทุกอย่างบนโต๊ะลงกับพื้นจนเกิดเสียงดัง ‘โครมคราม’ เครื่องลายครามหลายชิ้นถูกทุบเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
วิกเตอร์รู้ดีว่าพ่อของตัวเองเป็นคนที่ไม่ชอบถูกข่มขู่ ทว่าในตอนนี้เขาไม่เพียงแต่จะถูกข่มขู่อย่างเดียวทั้งนั้น แต่ยังถูกจับตาอีกด้วย จะไม่รู้สึกรำคาญใจได้อย่างไร?!
เมื่ออากันพ่อบ้านที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงดังโครมครามจากด้านใน เขาก็รีบเคาะประตู “ท่านคณบดี ท่านเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
รูดอล์ฟหอบอย่างหนัก ไม่พูดอะไรและนั่งลงบนเก้าอี้ หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน เขาจึงกล่าวขึ้นว่า “เข้ามา”
อากันเดินเข้ามาข้างในแล้วจึงพบกับของขนาดมหึมาที่กองอยู่บนพื้น มันกำลังปล่อยความร้อนออกมา ขณะที่ท่านคณบดีของเขากำลังนั่งเหงื่อไหลอยู่บนเก้าอี้
“ท่านคณบดี เป็นอะไรไหมครับ!” อากันรู้สึกเป็นกังวลเมื่อจ้องมองเศษซากของเครื่องลายครามและข้าวของเครื่องใช้ในห้องทำงานที่กองอยู่บนพื้น
“ไม่เป็นไร” รูดอล์ฟกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เจ้าเอาชุดเกราะนี้ไปไว้ที่สถาบัน และตรวจสอบดูว่ามันคืออะไร”
“ครับ” อากันมีคำถามมากมายอยู่ในหัว แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามมันออกไป
ในคฤหาสน์หลังใหญ่แห่งนี้ เขาต้องคอยระมัดระวังอยู่เสมอว่าอะไรคือสิ่งที่ควรพูดและอะไรคือสิ่งที่ควรได้ยิน
“บอกบ๊อบให้ยกเลิกการออกหมายจับวิกเตอร์กับมนุษย์ต่างดาวพวกนั้นซะ แล้วไปสืบหาพวกมันแทน”
อากันเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ช่วงที่ผ่านมาคณบดีไม่ยอมนอนตลอดทั้งคืนเพราะต้องติดตามสถานการณ์ของมนุษย์ต่างดาว แล้วทำไมเขาถึงยกเลิกคำสั่งล่ะ?
เมื่อมองดูสิ่งมีชีวิตหุ้มเกราะที่สุดแสนจะลึกลับที่จู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนพื้น เป็นไปได้ไหมว่ามนุษย์ต่างดาวพวกนั้นจะเข้ามาพบท่านคณบดี?!
อากันพยักหน้า “ครับ!”
บ๊อบรู้สึกโกรธมากจนแทบจะหาที่ระบายความโกรธไม่ได้ เมื่อเขาได้ยินคำสั่งยกเลิกการประกาศจับวิกเตอร์กับมนุษย์ต่างดาวพวกนั้น
ก่อนหน้านี้บ๊อบกังวลว่าพ่อจะลงโทษเขา แต่ตอนนี้กลับต้องรู้สึกผิดหวัง
ทำไมพ่อถึงได้กลายเป็นคนลำเอียงเช่นนี้? ทั้งที่เห็นได้ว่าวิกเตอร์ทำเรื่องแบบนั้นลงไป แต่พ่อก็ยังหลีกเลี่ยงปัญหาสำคัญด้วยการปกป้องอย่างนั้นหรือ?!
บ๊อบรู้สึกเคียดแค้น แต่วิกเตอร์ที่ยืนอยู่ตรงนั้นกลับทำอะไรไม่ถูก
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าตนเองไม่อาจจัดการให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพึงพอใจได้
พ่อมองว่าเขาเป็นคนทรยศ พ่อของเขามองว่าเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจ ขณะที่มนุษย์ต่างดาวมองว่าเขาเป็นเพียงเบี้ยล่างเท่านั้น
“มันแย่มากไหม?” สวี่หลิงอวิ๋นถามขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม ขณะที่ด้านหลังของเธอมีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ วิกเตอร์จำเขาได้ภายในพริบตา เขาคือแลนซ์
“คุณพูดว่ายังไงนะ! ผมต้องขอบคุณคุณต่างหาก” หลังจากออกมาจากคฤหาสน์ วิกเตอร์ต้องอดกลั้นกับสิ่งที่ไม่พอใจเอาไว้มากมาย
“คุณไม่คิดว่ามันจะเป็นโอกาสเหรอ?” สวี่หลิงอวิ๋นค่อย ๆ กล่าวออกมา “ไม่เคยได้ยินประโยคนั้นหรือไง? วิกฤตและโอกาสมักอยู่ร่วมกันเสมอ”
“คนฉลาดเท่านั้นที่จะเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสได้”
“นี่คือแลนซ์ คุณสามารถแลกเปลี่ยนความคิดกับเขาได้นะคะ บางทีคุณอาจจะเก็บเกี่ยวอะไรได้เยอะ”
แลนเซล็อตเป็นองค์ชายรัชทายาทแห่งจักรวรรดิเอเดน มีประสบการณ์ในด้านของการปกครองและเคยพบเจออุปสรรคมากมาย หากไปอยู่ภายใต้การฝึกฝนของแลนซ์ เขาอาจจะกลายเป็นทายาทผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้ครอบครองตำแหน่ง
ตอนนี้วิกเตอร์ยังไม่มีความทะเยอทะยาน และไม่มีความแข็งแกร่ง
ขณะที่วิกเตอร์ถูกส่งตัวไปให้แลนซ์ รูดอล์ฟ คณบดีแห่งสถาบันฮั่วเลี่ยกำลังรู้สึกสับสน
ไม่รู้ว่าถ้าติดต่อกับคณบดีที่เหลือแล้ว พวกเขาจะให้ความร่วมมือหรือไม่?
หลังจากครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว รูดอล์ฟจึงตัดสินใจที่จะไม่บอกเรื่องนี้แก่สถาบันอื่น
หากเป็นการร่วมมือกันอย่างเป็นมิตรจริง ๆ เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดอะไร ปล่อยให้สถาบันฮั่วเลี่ยได้รับผลประโยชน์มากพอก่อนค่อยมาพูดถึงเรื่องนี้ดีกว่า
ถ้า…อย่างนั้น มันคงกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ผู้คนทั่วทั้งทวีปจะต้องทุกข์ทรมานไปด้วยกัน
เดิมทีสวี่หลิงอวิ๋นแค่พูดเรื่องไร้สาระเกี่ยวกับการพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยว แต่หลังจากมาย้อนคิดดูแล้ว มันกลับยิ่งมีความเป็นไปได้
ทวีปกาตาร์มีของหวานอยู่มากมาย แค่นี้ก็เพียงพอที่จะดึงดูดประชากรจากทั่วทั้งจักรวรรดิชิงเหย้าแล้ว
ถ้าเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวที่พิเศษขึ้นมาจริง ๆ หึหึ เพียงแค่วันเดียวเงินก็เข้ามาเป็นกอบเป็นกำ!
หลังจากกลับไปคุยกับโอคาซีแล้ว โอคาซีก็พยักหน้าเห็นด้วย “แต่ว่าจะต้องระวังนะครับ อย่าลืมว่าเอเลี่ยนจะผ่านทางเชื่อมมิติเข้ามาที่นี่ด้วย”
พูดแล้วก็มีเหตุผล
ถ้าปล่อยให้เอเลี่ยนทำลายล้างที่นี่ เธอจะไม่โดนประวัติศาสตร์ประณามเอาเหรอ?
มันไม่ง่ายเลยที่จะค้นพบความสงบสุขเหมือนที่นี่ หากเป็นเพราะตัวเธอปล่อยให้เอเลี่ยนบุกเข้ามาทำลายล้างภายในคราเดียวจนต้องบีบบังคับให้คนพวกนี้ระเหเร่ร่อน…
“อย่ากังวลไปเลยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” กัปตันเถียนอู่ยังคงมีท่าทีสงบนิ่ง “ไม่ว่าเอเลี่ยนพวกนั้นจะมีพละกำลังแข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีทางเชื่อมมิติ พวกมันก็ข้ามมาที่นี่ไม่ได้หรอกครับ เพราะงั้นพวกเราก็แค่ต้องปิดทางเชื่อมมิติเอาไว้ และเมื่อไหร่ที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา พวกเราก็แค่เปิดทางเชื่อมมิติอีกครั้ง”
วิกเตอร์รู้สึกอิจฉาเมื่อฟังบทสนทนาของทั้งสามคน
นี่คือความสามารถของเทคโนโลยีพลังขั้นเทพของจักรวรรดิระหว่างห้วงดวงดาวใช่ไหม? แถมทางเชื่อมมิติยังสามารถเปิดและปิดได้ตลอดเวลาอีกเหรอ?!
สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองไปที่วิกเตอร์ที่อยู่ด้านข้างและส่งยิ้มให้กับเขา “ดูเหมือนว่าพวกเราจะได้เริ่มทำธุรกิจแล้วล่ะค่ะ”
วิกเตอร์รู้สึกโล่งอกเล็กน้อย
ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันมา วิกเตอร์ก็ได้รับรู้ว่าคนพวกนี้ถูกทางเชื่อมมิติธรรมชาติพามาที่นี่โดยบังเอิญ อย่างไรก็ตาม จักรวรรดิของอีกฝ่ายสามารถระบุตำแหน่งของพวกเขาได้แล้ว และจะใช้เวลาถึงสองสามวันกว่าจะมาถึงที่นี่
ถึงจะได้ยินว่าพวกเขาได้รับคำสั่งการเคลื่อนย้ายแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกกระวนกระวายใจอยู่ ไม่รู้ว่าจะยังมีการวางแผนจับกุมพวกเขาอยู่อีกหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น จักรวรรดิของพวกเขาคงจะส่งใครสักคนมาที่นี่เพื่อจัดการให้สิ้นซาก
ณ จักรวรรดิชิงเหย้า
ทางเชื่อมมิติถูกค้นพบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และข้อมูลของอีกฝ่ายก็ได้รับครบถ้วนเช่นกัน เพียงแค่เปิดทางเชื่อมมิติก็สามารถรอต้อนรับองค์หญิงสามกลับบ้านได้
“องค์หญิงพูดว่าอะไรนะ?” ตั้งแต่ติดต่อกับองค์หญิงได้ อารมณ์ของฝ่าบาทก็ดีขึ้นมากเช่นกัน เพราะสิ่งที่น่าสนุกที่สุดในตอนนี้คือการสอบถามสถานการณ์กับองค์หญิงสามเป็นครั้งคราว
“ฝ่าบาทบอกว่าที่นั่นมีของหวานอยู่เยอะเลยพ่ะย่ะค่ะ อยากรู้ว่าจักรวรรดิของพวกเราต้องการก่อตั้งธุรกิจท่องเที่ยวกับดาวเคราะห์ดวงนั้นหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
เมื่อจักรพรรดิทรงทราบดีว่าลูกสาวของตนเองเป็นคนที่น่าอัศจรรย์มากแค่ไหน จึงสามารถสร้างธุรกิจได้ทุกที่ที่เธอแวะไปเยี่ยมเยียน
“อืม ได้สิได้ เอาไว้เสร็จสมบูรณ์แล้วก็ค่อยมาคุยกับรัฐมนตรีการคลัง รอดูว่าเขาจะว่าอย่างไร”
นิโคล เกลน รัฐมนตรีการคลังยกมือเห็นด้วย
ความรักของผู้คนที่มีต่อของหวานนั้นมาจากกรรมพันธุ์ และไม่สามารถลบล้างได้ หากมีดาวเคราะห์ดวงนั้น พวกเขาก็สามารถกินของหวานได้อย่างสบายใจเฉิบ แล้วคิดว่ามวลชนจะเป็นคลั่งไคล้มากแค่ไหน?
แค่ภาษีก็พอเพียงที่ทำให้พวกเขายิ้มหวานแล้ว!
“ครั้งนี้กระหม่อมจะไปรับองค์หญิงสามเองพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไป!” รัฐมนตรีการคลังกล่าวเขาต้องการจะไปลิ้มลองของหวานพวกนั้น เกรงว่าองค์หญิงสามจะยังเด็กและรู้เท่าไม่ถึงการณ์จะโดนหลอกลวง
“ไม่ได้ยินหรือไง? องค์หญิงสามกำลังจะกลับมา!”
จักรวรรดิเอเดนบุกประชิดพรมแดน ทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องใหญ่โตเช่นนั้น?
องค์หญิงสาม องค์ชายรัชทายาทแลนเซล็อต พลเอกโอคาซีถูกขุนนางทั้งสิบสองลอบสังหารและหลุดเข้าไปในทางเชื่อมมิติธรรมชาติ โดยไม่รับรู้ชีวิตการเป็นอยู่ของพวกเขาเลย ดังนั้นจักรพรรดิจึงจะถอนรากถอนโคนชนชั้นสูงทั้งสิบสองคนนั้น