ลงมือเลยสิ มัวรออะไรอยู่ จะต้องออกไปแก้ปัญหาที่เอเลี่ยนเหล่านี้สร้างเอาไว้!
ข่าวที่ว่าสวี่หลิงอวิ๋นกำลังเตรียมตัวสวมบทบาทเป็นผู้บัญชาการแผ่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ว่าแต่จะได้ผลไหม?
ความเป็นและความตายของนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งยังคงติดแหง็กอยู่กับสวี่หลิงอวิ๋น และพวกเขาก็ไม่เต็มใจที่จะจากลา
“ฉันบอกว่าฉันจะไปสู้กับเอเลี่ยนไง แล้วพวกนายจะไปทำอะไรที่นั่น?” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวออกมาอย่างเหลืออด
ต้องบอกก่อนว่าความแข็งแกร่งของเด็กพวกนี้ยังมีอยู่น้อยนิด
นอกจากนี้ พวกเขายังไม่มีประสบการณ์โชกโชนเหมือนกับชั้นปีที่สี่ ยังไม่ได้เรียนรู้ทักษะการต่อสู้อีกมากมาย แล้วจะไปสนามรบได้อย่างไร?
ถึงครั้งที่แล้วพวกเขาจะติดตามเธอไปยังสนามรบ แต่เอเลี่ยนก็ไม่ได้ดุร้ายเหมือนในครั้งนี้ นอกจากนี้ครั้งที่แล้วกองทัพทหารทั้งหลายที่ตามไปที่หลังยังคอยช่วยปกป้องพวกเขาจากการต่อสู้ได้
“พวกเราก็จะไปด้วยครับ!” เจ้าตัวน้อยทั้งหลายจ้องมองหัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่อย่างเวทนา ทั้งที่รอคอยการกลับมาของหัวหน้า แต่หัวหน้ากำลังจะจากไปอีกแล้วหรือ? ทำกันเกินไปแล้ว!
“พวกเราก็จะไปต่อสู้กับเอเลี่ยน!”
สวี่หลิงอวิ๋นนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเหลืออด และจ้องมองนักเรียนทั้งหลายที่รายล้อมเป็นวงกลม “เป็นเด็กดี ตั้งใจฝึกฝนให้เก่ง และรอจนกว่าพวกนายจะเรียนรู้เสร็จ เมื่อนั้นพวกเราไปต่อสู้กับเอเลี่ยนด้วยกันนะ เอาไหม?”
“ไม่เอา!”
เยี่ยมมาก เหล่านักเรียนทั้งหลายเดินไปล้อมรอบประตูห้องเรียน และไม่ปล่อยให้เธอออกไป!
สวี่หลิงอวิ๋นตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าเด็กบ้าพวกนี้? ไม่เชื่อฟังกันเลยใช่ไหม?!
[ปล่อยหัวหน้าไปไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นพวกนายก็จะถูกนักเรียนชั้นปีอื่นแกล้งอีก!]
[ฉันเอาแต่คิดถึงของอร่อย! และจะติดตามองค์หญิงสามไปกินเนื้อด้วย!]
[ถ้าพวกนายตัดสินใจที่จะติดตามองค์หญิงสามแล้ว จะยอมแพ้ครึ่งทางได้ยังไง? ออกไปฝึกฝนแล้วค่อย ๆ เรียนรู้กันนะ!]
นักเรียนทั้งหลายมีความคิดที่แตกต่างกัน ทว่าพวกเขากลับหลอมรวมความเชื่อเป็นหนึ่งเดียว นั่นคือให้หัวหน้าอยู่ที่นี่ หรือติดตามเธอไปด้วย
ข่าวเกี่ยวกับนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งในแผนกเกษตรกรรมปิดล้อมห้องแผ่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว คณบดีทั้งหลายรู้เหตุผลนั้นเป็นอย่างดี และลังเลที่จะต้องตอบรับคำขอร้องของนักเรียนเหล่านั้น
ตามที่องค์หญิงสามกล่าวเอาไว้ ความแข็งแกร่งของนักเรียนพวกนี้ยังมีอยู่น้อยนิด ถ้าพวกเขาต้องการจะไปสนามรบจริง ๆ พวกเขาควรจะอยู่ในชั้นปีที่สี่เสียก่อน ไม่ใช่ชั้นปีที่หนึ่งเช่นนี้
คณบดีพูลแมนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งหลังจากฟังรายงานของอาจารย์ “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ให้นักเรียนที่เต็มใจจะติดตามองค์หญิงสามไปที่สนามรบเขียนใบขอคำร้องเป็นอาสาสมัครเข้ามา”
“ในกรณีที่บาดเจ็ดจนล้มตาย ทางสถาบันจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น”
“อีกอย่าง อย่าลืมบอกนักเรียนชั้นปีสี่ด้วยว่าใครก็ตามที่เต็มใจจะไปสนามรบกับองค์หญิงสาม ก็ให้เขียนใบสมัครเข้ามา ผมจะถือว่านั่นเป็นการออกไปฝึกรบ”
นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งต่างรู้สึกปีติยินดี!
ขณะที่นักเรียนชั้นปีที่สี่เลิกคิ้วขึ้นและสัมผัสดาบเลเซอร์ที่ส่องแสงอยู่ในมือของพวกเขา ในที่สุดพวกเขาก็ได้แสดงความสามารถเสียที! หึหึ!
บัดนี้ไร่อ้อยที่อยู่บนดาวเคราะห์หทัยกล้วยไม้ถูกปกคลุมด้วยเอเลี่ยนนานาชนิดจำนวนมหาศาล
ไม่ได้มีเพียงแค่เอเลี่ยนต๋าหลู่กับเอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์เท่านั้น แต่ยังมีเอเลี่ยนเผ่าพันธุ์ตั๊กแตนจำนวนมาก พวกมันมีลักษณะค่อนข้างเล็ก แต่มีขาที่เรียวยาว และสามารถกระโดดได้ไกลถึงสิบเมตร
ตั๊กแตนเหล่านี้มีฟันที่แหลมคม และสามารถกัดกินต้นอ้อยทั้งหมดได้ภายในคำเดียว จากนั้นเสียงเคี้ยว ‘แจ๊บแจ๊บ’ ของพวกมันก็ดังขึ้นพร้อมกับน้ำตาลที่ไหลลงไปในปากขนาดใหญ่
ความหวานหอมของน้ำอ้อยสามารถดึงดูดเอเลี่ยนเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี เดิมที่ต้นอ้อยทั้งหลายจะถูกปกคลุมไปด้วยเปลือกหนาและไม่ออกผล แต่หลังจากที่เอเลี่ยนตัวน้อยพวกนี้มากัดกินต้นอ้อยเข้าโดยบังเอิญ พวกมันก็ส่งคลื่นสัญญาณไปยังฐานทัพเอเลี่ยนที่อยู่ใกล้ที่สุด ใช่แล้ว เอเลี่ยนที่เหลือก็บุกมาโจมตีในทันที
สวี่หลิงอวิ๋นได้รับแจ้งจากคณบดี อีกทั้งจักรพรรดิยังส่งกองทัพทหารมากกว่าห้าพันนายที่มีระดับพละกำลังถึงหกดาวหรือมากกว่านั้นมาปกป้องเธอ จนทำให้ตอนนี้สวี่หลิงอวิ๋นพร้อมที่จะไปยังดาวเคราะห์หทัยกล้วยไม้แล้ว
ผู้ติดตามทั้งหลายของเธอรู้สึกโล่งใจมากขึ้น แต่ละคนเขียน ‘ใบคำร้องเป็นอาสาสมัคร’ และส่งไปยังสถาบัน จากนั้นพวกเขาก็จะได้รับความไว้วางใจให้ก้าวไปสู่สนามรบ
นักเรียนชั้นปีที่สี่ไม่อยากด้อยค่าของตนเอง พวกเขาจึงไปสนามรบด้วยเช่นกัน
เนื่องจากครั้งนี้มีนักเรียนจำนวนมากที่ต้องการไปสนามรบ ทำให้นักเรียนชั้นปีที่สองและชั้นปีที่สามถูกตัดรายชื่อออกด้วยความไม่เต็มใจ ทำไมนักเรียนชั้นปีที่สี่ถึงได้ไปล่ะ นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งก็ได้ไปด้วย? พวกเขาก็อยากไปเหมือนกัน!
คณบดีเป็นคนขัดขวางสินะ!
การถ่ายทอดสดได้เริ่มขึ้นแล้ว ครั้งนี้เป็นการแสดงความแข็งแกร่งของนักเรียนในสถาบันของพวกเราให้กับสถาบันอื่น ๆ ในจักรวรรดิได้เห็น มันคงจะน่ายินดีมาก หากเด็กจากจักรวรรดิอื่นอยากจะโยกย้ายมาอยู่ที่จักรวรรดิชิงเหย้า
พวกเขาได้เลือกพิธีกรที่มีชื่อเสียงหลายรายให้เป็นผู้ดำเนินการถ่ายทอดสดการประชาสัมพันธ์ในครั้งนี้
อาจารณ์ประจำชั้นปีที่หนึ่งและชั้นปีที่สองติดตามไปด้วยเช่นกัน เพราะพวกเขาต้องไปดูแลความปลอดภัยของนักเรียนและรักษาความสงบเรียบร้อย รวมถึงป้องกันไม่ให้นักเรียนทั้งหลายตกหล่น
แต่เดิมดาวเคราะห์หทัยกล้วยไม้เคยเป็นเหมือนกับชื่อของมัน ก่อนที่จะถูกเหล่าเอเลี่ยนบุกเข้ามาทำลาย ดวงเคราะห์ดวงนี้ถูกปกคลุมไปด้วยดอกกล้วยไม้ที่บานสะพลั่ง ส่งกลิ่นหอมลอยละล่อง บางทีกลิ่นหอมของมันอาจจะดึงดูดเอเลี่ยนเหล่านี้ให้บุกรุกเข้ามา และถูกทำลายจนย่อยยับโดยเอเลี่ยนตั๊กแตนในที่สุด หลังจากจักรวรรดิเข้ามาดูแล ดาวเคราะห์หทัยกล้วยไม้ก็ค่อย ๆ ฟื้นฟูขึ้นตามสภาพของธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม กล้วยไม้ดังกล่าวไม่สามารถกลับมางดงามได้ดังเดิมอีกต่อไป
เหลือเพียงไร่อ้อยขนาดเล็กที่ถูกกลืนกิน หลังจากสวี่หลิงอวิ๋นได้รับการรายงานดังกล่าว เธอก็ส่งกองทัพทหารเข้าไปจัดการและคุ้มครองไร่อ้อยในทันที
โล่งใจที่ยังมีคนอยู่จำนวนมากอยู่ที่นั่น รวมทั้งทหารที่ประจำการอยู่บนดาวเคราะห์หทัยกล้วยไม้
ทันทีที่ยานอวกาศรบเข้ามาเทียบท่า เอเลี่ยนทั้งหลาย โดยเฉพาะเอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์กับเอเลี่ยนต๋าหลู่ก็วิ่งเตลิดราวกับสายลม พวกมันวิ่งเข้ามาใกล้และหายตัวไปในทันที
ส่วนเอเลี่ยนตั๊กแตนทั้งหลายยังไม่รู้ซึ้งถึงความอันตราย พวกมันยังคงกระโดดไปมาอย่างอิสรเสรี
สวี่หลิงอวิ๋นเลียริมฝีปากของเธอ ดีเลย ขาของตั๊กแตนพวกนั้นมันดูช่างน่าอร่อยเหลือเกิน!
เอเลี่ยนตั๊กแตนรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว เกิดอะไรขึ้น? โอ้ ลมทิศเหนือพัดผ่านแล้วสินะ กระโดดต่อไปและไปหาของอร่อยดีกว่า!
เอเลี่ยนตั๊กแตนเหล่านี้ช่างเหมือนกันกับตั๊กแตนที่อยู่บนโลกเสียจริง ไม่ว่าพวกมันจะกระโดดไปทางไหน ที่นั่นก็จะเหลือเพียงลำต้นที่ว่างเปล่า
พวกมันชื่นชอบดอกไม้เป็นพิเศษ การกลืนกินดอกไม้ก็เหมือนกับการสูบบุหรี่ ลำตัวทั้งตัวจะสั่นเทาและล่องละลอยหลับไปหนึ่งวัน ก่อนจะออกไปตามล่าหาดอกไม้บานอีกครั้ง
มีเพียงคำเดียวที่สามารถบัญญัติเอาไว้ได้ นั่นคือ ‘บ้าดอกไม้’
พวกบ้าดอกไม้จำเภทนี้จะชื่นชอบดอกไม้เป็นชีวิตจิตใจ
หลังจากลงมาจากยานอวกาศรบแล้ว ทุกคนก็มารวมตัวกันและจ้องมองฐานทัพที่สร้างขึ้นด้วยมันเอง ก่อนที่ทุกคนจะถูกแบ่งออกเป็นสามกลุ่มเพื่อผลัดกันออกไปต่อสู้
ทหารทั้งหลายที่มีประสบการณ์การต่อสู้ยืนอยู่ด้วยกัน
นักเรียนชั้นปีที่สี่ยืนอยู่ด้วยกัน และนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งก็ยืนกองอยู่รวมกันเช่นกัน
อาจารย์ทั้งหลายเข้าแถวเตรียมการสู้รบเป็นอย่างดี ในสนามรบแห่งนี้ ไม่ว่าตัวตนของพวกเขาจะคือใคร แต่ในเมื่อพวกเขาอยู่ในสนามรบ ดังนั้นพวกเขาจะต้องเชื่อฟังคำสั่งการของผู้บัญชาการสูงสุด
ซอฟต์แวร์ทั้งหลายที่ล่องหนอยู่กลางอากาศกำลังเริ่มถ่ายทอดสด
จากนั้นพิธีกรจึงเริ่มกล่าวเปิดงาน “…ตามที่ทุกท่านได้เห็นแล้ว เวลานี้องค์หญิงสามของพวกเราได้เริ่มปฏิบัติตามธรรมเนียมแล้วครับ โดยเริ่มจากการสร้างฐานทัพ บรรยายการสู้รบให้กับเหล่าทหารทั้งหลาย และรวมถึงอาจารย์และนักเรียนเช่นกัน”
“พวกเราจะสามารถเห็นได้ว่านักเรียนเหล่านี้มีคุณสมบัติเหมือนกับนักรบ ลุกขึ้นและยืนหยัดที่จะออกไปต่อสู้”
“ส่วนอาจารย์ทั้งหลายจะเป็นผู้เสนอแนะให้กับนักเรียนเหล่านี้ พวกเขาจะยืนหยัดอยู่ด้านข้างเพื่อคอยช่วยแก้ไขปัญหาทางเทคนิค การต่อสู้ และอื่น ๆ ให้กับนักเรียน”