ตอนที่ 202 ศึกใหญ่ในสถาบัน 10
ส่วนชาวเน็ตทั้งหลายน่ะเหรอ?
ชาวเน็ตทั้งหลายก็แบ่งออกเป็นสองฝั่งเช่นกัน และคนส่วนใหญ่คิดว่าองค์หญิงสามจะไม่ถูกไล่ออก ท้ายที่สุด เธอทำอย่างนั้นก็เพื่อผู้ติดตามของเธอ
[ฉันชอบองค์หญิงสามจัง! กล้าลุกขึ้นมาทุบตีคนพวกนั้นที่กลั่นแกล้งคนของตัวเองอย่างเปิดเผย จนคนพวกนั้นแทบจะเอาตัวไม่รอด!]
[ถ้าฉันมีหัวหน้าแบบนี้ก็คงจะดี! ฉันคิดว่าถ้าเป็นหัวหน้าของพวกเรา เขาคงจะเงียบ และใช้คำพูดทำสงครามกันใช่ไหม? สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครเหมือนองค์หญิงสาม]
[ใช่ นอกจากองค์หญิงสามก็ไม่มีใครกล้าต่อต้านธรรมเนียมอันสูงส่งอีกแล้วล่ะ ใครจะกล้าขัดขืนโจ่งแจ้งแบบนั้น?!]
[องค์หญิงสามเท่มาก!]
[ฉันคงเป็นคนเดียวที่สนใจกับการถูกปลดของเยลปีสองว่านั่นเป็นฝีมือขององค์หญิงสามหรือเปล่า?]
[ทำไมนายถึงสนใจนักล่ะ? ก็ต้องเป็นฝีมือเธออยู่แล้วสิ!]
แน่นอนว่ายังมีคนบางส่วนคิดว่าองค์หญิงสามทำตามอำเภอใจ และใช้วิธีการโหดร้ายเกินไป
[คณบดีพูลแมนรับสินบนมาจากราชวงศ์หรือเปล่า? เขาจะจัดการองค์หญิงสามอย่างจริงจังใช่ไหม? จะต้องมีลับลมคมในแน่นอน!]
[จากราชวงศ์น่ะเหรอ? แค่องค์หญิงสามควักเงินของเธอออกมา ท่านคณบดีก็เมตตาเธอเป็นพิเศษแล้ว!]
[โธ่เอ๊ย อย่างที่คิดไว้เลย ทุกที่ย่อมมีเบื้องหลัง!]
[สังคมจะมืดหม่นไปถึงไหน ระวังตัวด้วยนะเพื่อน ๆ!]
—
บทสนทนาบนอินเทอร์เน็ตครึกครื้นเป็นพิเศษ
จักรพรรดิยิ้มแย้มเมื่อเห็นว่าลูกสาวทำสิ่งที่ถูกต้อง และรู้สึกโกรธเช่นกันที่เห็นคำวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับสวี่หลิงอวิ๋น
“เจ้าเปิดซอฟต์แวร์ถ่ายทอดสดให้เราที เราจะออกไปสนับสนุนองค์หญิงสามด้วยตัวเอง!” จักรพรรดิตัดสินใจลดตัวลงมาจัดการกับพวกแอนตี้แฟน
หัวหน้าพ่อบ้านส่ายหัว “อย่าทำแบบนั้นเลยพ่ะย่ะค่ะ ท่านเป็นถึงจักรพรรดิ การลดฐานะลงเทียบกับประชาชน มันไม่เหมาะสมไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ลดฐานะ?” จักรพรรดิเย้ยหยัน “เจ้าคงลืมไปว่านอกจากเราจะเป็นจักรพรรดิแล้ว เราก็ยังเป็นพ่อด้วย!”
“ลูกสาวของเราถูกรังแกแบบนี้ จะให้ทนอยู่ได้ยังไง?! ฮึ่ม! ไม่มีทาง!”
หัวหน้าพ่อบ้านไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเปิดซอฟต์แวร์
ชาวเน็ตทั้งหลายยังตามติดข่าวสารและสนทนากันอยู่ นักข่าวทั้งหลายมากองรวมกันและแย่งกันรายงานข่าว ขณะที่ชาวเน็ตยังคงจับตามองด้วยความสนใจอย่างยิ่ง พวกเขารับข่าวสารเข้าไปมากมายและตื่นตาทุกครั้งที่ได้รับข่าวสาร จนไม่สามารถแยกแยะประเด็นสำคัญได้
“เร็วเข้า! ท่านจักรพรรดิถ่ายทอดสดแล้ว!”
ชาวเน็ตไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิดเมื่อเห็นรายการถ่ายทอดสดที่มีตราประทับของราชวงศ์ และเมื่อคลิกเข้าไปดู จึงพบเข้ากับใบหน้าบูดบึ้งของจักรพรรดิ!
ประสบการณ์การเสพข่าวอย่างช่ำชองบอกพวกเขาว่าเรื่องซุบซิบกำลังรอพวกเขาอยู่!
รีบตามเพื่อนมาเดี๋ยวนี้!
ชาวเน็ตเร่งรีบเข้ามาทันที โดยที่เขายังไม่ได้กล่าวอะไร
ยอดคนดูจากหลักหมื่นถึงหลักแสน ถึงหลักล้าน ร้อยล้าน…และในตอนสุดท้ายมีมากถึงหมื่นล้าน จากนั้นจำนวนคนก็ค่อย ๆ ลดน้อยลง
“สวัสดี ประชาชนที่รักของเรา” สวี่เทียนอวี๋ปริปากพูดหลังจากจ้องมองจำนวนผู้เข้าชม
“ตอนนี้บุคคลที่อยู่ตรงหน้าพวกท่านทุกคนไม่ใช่จักรพรรดิ แต่คือพ่อ” สวี่เทียนอวี๋กล่าว “เราเพิ่งเห็นวิดีโอถ่ายทอดสดตอนตื่นนอนเมื่อเช้านี้ และก็รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นเมื่อคืนบ้าง”
“เราอยากจะพูดว่าลูกสาวทำได้ดีมาก!”
ทันทีที่คำพูดของจักรพรรดิหลุดออกมา ความโกลาหลก็บังเกิดอีกครั้ง จักรพรรดิออกมากล่าวยกย่ององค์หญิงสามอย่างเปิดเผย! นี่หมายความว่าราชวงศ์เห็นชอบกับองค์หญิงสามหรือไม่?
“เรารู้ว่าหลิงอวิ๋นอุกอาจเกินไปที่ออกมาต่อสู้กับนักเรียนชั้นปีที่สอง จนจุดประกายไปสู่การถกเถียงว่าควรปฏิบัติตามธรรมเนียมดั้งเดิมหรือไม่”
“เราไม่ได้หมายความว่าธรรมเนียมนั้นไม่ดี และก็ไม่ได้สามารถพูดได้เต็มปากว่าทุกธรรมเนียมดีงาม แต่ถ้าเราหลับหูหลับตาปฏิบัติตามธรรมเนียม ท่านลองคิดดูเถิด หากเอาแต่คำนึงถึงความเป็นรุ่นพี่ อายุ และความอาวุโส แล้วลูกหลานที่ยอดเยี่ยมของเราจะแสดงความสามารถออกมาได้อย่างไร?!”
“หลิงอวิ๋นใจร้อนเกินไปที่ลงมือทำอย่างนั้น แต่เรากลับเห็นด้วยกับการกระทำของเธออย่างสุดหัวใจ” จักรพรรดิกล่าว “เธอเป็นคนตรงไปตรงมาและไม่เคยมีเจตนาว่าร้ายต่อผู้อื่น สิ่งที่เธอทำลงไปเมื่อคืนนี้ เพียงแค่ต้องการปกป้องผู้ติดตามของเธอเท่านั้น”
“พวกท่านหลายคนกำลังบอกว่าสวี่หลิงอวิ๋นใช้สถานภาพบีบบังคับท่านคณบดีพูลแมน หรือท่านคณบดีพูลแมนได้รับเงินใต้โต๊ะจากสวี่หลิงอวิ๋นก็ตามแต่ พวกท่านไม่ควรคิดเช่นนั้น”
“หากหลิงอวิ๋นยัดเงินให้ท่านคณบดีพูลแมนจริง ๆ เขาคงไม่มาปรากฏตัวในกลางดึกเมื่อคืนนี้!” จักรพรรดิกล่าวต่อ “ถ้าเมื่อคืนนี้สวี่หลิงอวิ๋นถูกไล่ออกจากสถาบันจริง ๆ ผู้ติดตามของเธอก็คงจะตามออกมาด้วย ถึงอย่างนั้นเราก็ยินดีจะประกาศให้พวกท่านรับทราบว่าราชวงศ์จะสร้างสถาบันการศึกษาแห่งใหม่ในทันที ส่วนอาจารย์ทั้งหลาย ท่านไม่ต้องกังวลไป ด้วยเกียรติยศของราชวงศ์ เราจะแสวงหาอาจารย์ผู้เก่งกาจได้อีกหลายคนอย่างแน่นอน”
“แต่น่าเสียดายที่ท่านคณบดีพูลแมนไม่ได้ไล่สวี่หลิงอวิ๋นออก” จักรพรรดิถอนหายใจ ดวงตาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
ชาวเน็ตถึงกับรู้สึกระทึกขวัญ! นี่มันกลอุบายอะไรกันแน่?!
ท่านกำลังคาดหวังให้องค์หญิงสามถูกไล่ออกเหรอ? ใช่ไหม? ใช่ไหม?!
หลังจากเธอถูกไล่ออกแล้ว ท่านจะสามารถเปิดสถาบันการศึกษาและนำพานักเรียนทุกคนจากสถาบันการศึกษาทางการทหารของจักรวรรดิไปด้วยใช่ไหม? ท่านมีความแค้นส่วนตัวอะไรกับคณบดีพูลแมนหรือเปล่า?!
คณบดีพูลแมนที่กำลังดูถ่ายทอดสดอยู่มือสั่นด้วยความโกรธจัด และรีบติดต่อกับจักรพรรดิทันที ก่อนจะขอให้ร่วมถ่ายทอดสดด้วยกัน
จักรพรรดิเลิกคิ้ว และกดเชื่อมต่อ
ทันใดนั้นชาวเน็ตก็พบว่าหน้าจอถูกแบบออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งคือใบหน้าของท่านจักรพรรดิ อีกส่วนคือท่านคณบดีพูลแมน
“ท่านจักรพรรดิ ฝ่าบาทผิดหวังที่กระหม่อมไม่ได้ไล่องค์หญิงสามออกหรือพ่ะย่ะค่ะ?!” คณบดีพูลแมนเริ่มโต้เถียงกับจักรพรรดิด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง
จักรพรรดิเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน “ใช่! เราอยากจะทำแบบนี้มานานแล้ว! คาบเรียนของพวกท่านเริ่มเร็วเกินไป สวี่หลิงอวิ๋นยังไม่ทันตื่นด้วยซ้ำ! เธอเพิ่งอายุสิบแปดซึ่งเป็นวัยกำลังเจริญเติบโต!”
“ท่านไม่อายบ้างหรือที่พูดเช่นนั้น! ถ้าองค์หญิงสามมาได้ยินคงจะโกรธเคืองท่านน่าดู!” คณบดีพูลแมนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “โชคดีที่องค์หญิงสามไม่เหมือนกับท่าน ถ้าเป็นเหมือนกับคำพูดของท่าน องค์หญิงสามจะไม่เสียหายไปแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?!”
“ไปให้พ้น! ลูกสาวของเราก็ต้องเหมือนเราสิ!”
ราวกับชายชราทั้งสองลืมการมีอยู่ของชาวเน็ตไปเสียแล้ว และยังคงสาดคำพูดใส่กันและกัน
“…อย่างไรก็เถอะ กระหม่อมไม่ได้ไล่องค์หญิงสามออก ท่านจะทำไม? เสียใจหรือพ่ะย่ะค่ะ? เสียใจไปก็เท่านั้น!” คณบดีพูลแมนเยาะเย้ยเขา
จักรพรรดิสงบสติอารมณ์ “ไม่เป็นไร สวี่หลิงอวิ๋นมักจะสร้างปัญหา ไม่ช้าหรือเร็วเจ้าก็ไล่เธอออกอยู่ดี!”
ชาวเน็ตถึงกับปาดเหงื่อที่ไหลลงมา ท่านจักรพรรดิ ท่านคาดหวังให้องค์หญิงถูกไล่ออกมากแค่ไหนกัน?!
สำหรับผู้ปกครองของนักเรียนจำนวนสามสิบกว่าคนคาดหวังให้ปัญหารีบเกิดขึ้นอีกครั้ง เผื่อบางทีองค์หญิงสามอาจจะถูกไล่ออกหลังจากสร้างปัญหามายาวนาน!
สวี่หลิงอวิ๋นที่ยังคงหลับอยู่ในหอพัก ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์ ข้อความนั้นมาจากเบนเน็ต
“มีอะไร?”
“องค์หญิงสามคือว่าท่านจักรพรรดิกับท่านคณบดีพูลแมนกำลังทะเลาะกันในห้องถ่ายทอดสดครับ!”
สวี่หลิงอวิ๋นอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ และหาวออกมา สองคนนั้นไปอยู่ด้วยกันได้อย่างไร
“นายไม่ได้เข้าใจผิดใช่ไหม?”