ตอนที่ 222 อย่ายอมแพ้นะเยล 3
สารเลว! กล้าดีอย่างไรถึงมาพูดเกี่ยวกับเงื่อนไขพรรค์นั้น!
ไม่รู้หรือไงว่ามีคำพูดมากมายอุดอยู่ในลำคอของเขา?
นี่คือการบอกให้เขาส่งสวี่หลิงอวิ๋นออกไปไม่ใช่เหรอ?! ไม่รู้หรือไงว่าเขาคิดอะไรกับเธออยู่?!
เมื่อโอคาซีเห็นจักรพรรดิที่ไม่ได้ใส่ใจเขามากนัก เขาจึงวางแผนร้องขอความเมตตาอย่างแนบเนียน “กระหม่อมไม่คุ้นเคยกับดาวเคราะห์หทัยกล้วยไม้มากนักพ่ะย่ะค่ะ นอกจากนี้เอเลี่ยนเกอหลัวยังคุ้นเคยกับองค์หญิงสาม หากพาองค์หญิงสามมาด้วย เราจะได้ลงแรงน้อยลงและได้รับการต้อนรับมากขึ้น”
จักรพรรดิฮัมเพลง “จะรอดูแล้วกัน!”
และตัดจบคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์ในทันที
“เจ้าเด็กบ้านี่! กล้าดียังไงถึงมาเล่นเกมวัดใจกับเรา! ไปให้พ้น!” สวี่เทียนอวี๋นั่งลงบนเก้าอี้อย่างภาคภูมิใจ จิบชาอย่างสบายใจ
“แล้วแต่เถอะ! ความต้องการของเสด็จพี่มีมากเกินไป! แต่พอลูกสาวหาแฟนไม่ได้เสด็จพี่ก็เป็นกังวลอีก ร้อนรนจะรีบหาแฟนหนุ่มให้ลูกสาวทันที แล้วทีนี้จะต้องดิ้นรนถึงจะไหนถึงจะทำให้ผู้เป็นพ่อพอใจสักที?” จักรพรรดินีที่เดินเข้ามาชำเลืองมองพระสวามีด้วยความขุ่นเคือง “ระวังว่าโอคาซีจะหนีไปก็แล้วกันเพคะ!”
“เขาจะกล้าเหรอ! ฮึ่ม! ยังมีอีกหลายคนที่ชอบลูกสาวของเรา!”
จักรพรรรดิไม่รู้สึกเกรงกลัว! เพราะลูกสาวของตัวเองเป็นที่ชื่นชอบของหลายคน และมีคนมากมายที่มาถามถึงการแต่งงานขององค์หญิงสามกับเขา! ชนชั้นสูง และองค์ชายรัชทายาทจากจักรวรรดิห้วงดวงดาวอื่นต่างก็ต้องการแต่งงานกับเธอ!
หากไม่ใช่เพราะลูกสาวยืนกรานจะอยู่กับโอคาซีผู้นี้ เขาคงไม่เห็นด้วย!
ก่อนหน้านี้โอคาซีไม่ได้ชอบลูกสาวของเขาไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้ถึงหลงใหลขึ้นมาล่ะ?
จักรพรรดินีถอนหายใจ
จักรพรรดิรีบวิ่งเข้าไปหาภรรยา “ที่รัก เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”
จักรพรรดิเหลือบมองเขา “เกี่ยวกับโรงเรียนเหมือนเดิมเพคะ ตอนนี้สิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานสร้างเสร็จแล้ว แต่เมื่อสองวันก่อนพูลแมนเพิ่งมาบอกน้องว่าอาจารย์ใหญ่หายากมากเลยเพคะ”
“นอกจากประเด็นอาจารย์ใหญ่แล้ว ยังมีเรื่องการรับนักเรียนด้วยเพคะ”
คนทั่วไปมักจะมีระดับการศึกษาที่ค่อนข้างต่ำและคนที่มีอายุมากก็ไม่สามารถตามความทันสมัยของโรงเรียนทันได้ การตรวจสอบจึงกลายเป็นปัญหา
เดิมทีพวกเขาคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือโรงเรียน แต่ดูเหมือนว่าการเข้าใจถึงความรู้เบื้องต้นของคนธรรมดาจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
“ถ้าสั่งให้สร้างโรงเรียนความรู้เบื้องต้นเพิ่มขึ้น เกรงว่าคนทั่วทั้งจักรวรรดิจะลุกขึ้นมาต่อต้านเราหรือเปล่าเพคะ?” จักรพรรดินีลูบหน้าผากแสดงท่าทีราวกับทำอะไรไม่ถูก
หากไม่ใช่เพราะการปิดล้อมของเอเลี่ยนสารเลวพวกนี้ จักรวรรดิห้วงดวงดาวของพวกเราจะหวั่นเกรงเรื่องค่าใช้จ่ายเหรอ?
“น่าจะไม่ไหว ควรเริ่มเรียนรู้เบื้องต้นจากทางออนไลน์เสียก่อน!” นี่เป็นวิธีที่ประหยัดที่สุด
“แล้วอาจารย์ล่ะเพคะ?” คนธรรมดาจะไม่ถูกจัดให้อยู่กับเด็กที่มีพลังดวงดาว เพราะหวั่นเกรงว่าคนธรรมดาจะถูกเลือกปฏิบัติ หากเกิดการขัดแย้งกัน คนธรรมดาจะไม่สามารถต่อสู้กลับได้เลย
“สำหรับอาจารย์ จะให้นักวิจัยจากทางสถาบันวิจัยเป็นคนสอนดูก่อน!”
แค่ความรู้เชิงทฤษฎีของนักวิจัยทั้งหลายที่ทุ่มเทให้กับการค้นคว้าเครื่องจักรกลของคนธรรมดานานนับหลายปีก็เพียงพอต่อที่นำเอามาสอนเด็ก ๆ แล้ว
ทั้งสองยังคงพูดคุย และทันใดนั้นจักรพรรดินีก็นึกถึงอะไรบางอย่างออก “แล้วการบ่มเพาะสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์เป็นยังไงบ้างเพคะ?”
“ค่อนข้างดีทีเดียว การจำลองการเจริญเติบโตของสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์เสร็จสิ้นแล้ว และค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ดี” จักรพรรดิรู้สึกมีความสุขเมื่อนึกถึงสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ เพราะการมีอยู่ของสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ส่งผลให้สถานะของจักรวรรดิชิงเหย้าเพิ่มสูงขึ้น
“บางทีเราอาจจะใช้ยาที่สกัดจากสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์มาข่มขู่กองทัพพวกนี้ได้นะเพคะ จะได้เลิกก่อกวนกันสักที ขยันส่งรายงานงบประมาณกองทัพมาทั้งวันทั้งคืน น่ารำคาญจริงเชียว!”
จักรพรรดินีและจักรพรรดิรู้สึกปวดหัวเมื่อนึกถึงทหารอาวุโสเหล่านั้น
จักรพรรดิรูสึกปลงไม่ตกเมื่อมองดูเธอ ขณะที่เธอรู้สึกหงุดหงิดจนไม่เต็มใจจะเดินออกจากประตูไป
“ภรรยาสุดยอดไปเลย!” จักรพรรดิกล่าวเช่นนั้น ปรบมือและหัวเราะเสียง ‘ฮ่า ๆ’ ออกมา
ทักษะการแสดงที่เกินจริงของเขาส่งผลให้จักรพรรดินีเหลือบมองด้วยสายตาดุร้าย
จักรพรรดิจับมือภรรยา “โอ้ พี่รู้สึกว่ายิ่งมีอายุยืนยาวมากเท่านั้น ก็ยิ่งมีหวังมากขึ้นเท่านั้น!”
เมื่อมองดูการเปลี่ยนแปลงทางจิตวิญญาณของลูกสาวหลังจากกลับมาที่บ้าน!
เอเลี่ยนที่ไร้ประโยชน์ก็กลายเป็นอาหารบนโต๊ะกินข้าวของทุกคน และความกระตือรือร้นของทุกคนที่มีต่อเอเลี่ยนก็เพิ่มขึ้น!
จากนั้นก็มอบโอกาสให้คนธรรมดาได้มีงานทำ รวมถึงเปิดโอกาสพวกเขาได้เรียนรู้
เธอยังค้นพบสมุนไพรศักดิสิทธิ์และสั่งให้เอเลี่ยนเกอหลัวดูแลไร่อ้อยให้
เพียงแต่ไม่รู้ว่าพืชเพิ่มระดับพลังงานบนดาวเคราะห์หทัยกล้วยไม้คือพืชชนิดใด หากมันเป็นอ้อย นั่นหมายความอ้อยมีความสามารถในการกลายพันธุ์ได้ใช่หรือไม่? หรือมีบางอย่างที่ไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเจริญเติบโตของพวกมัน?
จักรพรรดิไม่ได้เรียนรู้ด้านชีววิทยามา เขาจึงไม่มีความรู้มากนัก
นี่เป็นเพียงการคาดเดาส่วนตัว…เขาถอนหายใจหลังจากครุ่นคิดอยู่นาน
เขาส่งข้อความถึงหัวหน้าพ่อบ้านเพื่อขอให้สวี่หลิงอวิ๋นไปยังดาวเคราะห์หทัยกล้วยไม้กับโอคาซี!
ตนไม่สามารถหยุดลูกสาวให้ตกหลุมรักได้จริง ๆ ใช่ไหม?
สวี่หลิงอวิ๋นยังคงใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ถ้าไม่นับรวมเรื่องการกลั่นแกล้งอาจารย์เฮอร์
เมื่อไม่นานมานี้ อาจารย์เฮอร์ตกอยู่ในความหวาดระแวง!
ครั้นไปเข้าห้องน้ำ ระบบกลไกกดน้ำของชักโครกยังพุ่งบางอย่างขึ้นมาติดก้นของเขา จนต้องรีบดึงกางเกงขึ้นอย่างลนลาน และทันทีที่เดินออกมาก็พบว่าลิฟต์เสียอีกครั้ง
แม้แต่นั่งกินอาหารในโรงอาหารก็ยังเผลอกินแมลงตัวเล็กเข้าไป
พอเดินบนถนนก็ชนกับเสาไฟฟ้า…
อารมณ์ที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองจะถูกส่งต่อให้ใคร? แน่นอนว่าต้องเป็นนักเรียนชั้นปีที่สอง!
การกลั่นแกล้งของสวี่หลิงอวิ๋นก่อนหน้านี้ทำให้เขาฝันร้ายไปหลายวัน ถูกกดดันให้อยู่ในระเบียบ แต่นักเรียนชั้นปีที่สองกลับแตกต่างออกไป!
พวกนั้นกล้าเยาะเย้ยเขาต่อหน้าต่อตาในโรงอาหารมาก่อน แล้วผู้มีความมั่นใจอย่างแรงกล้าอย่างเฮอร์จะอดทนได้อย่างไร?!
แน่นอนว่าคนพวกนั้นจะต้องรับโทษ!
นักเรียนชั้นปีที่สองโชคร้ายขึ้นทันควัน! ก่อนหน้านี้พวกเขาแค่มองดูอาจารย์เฮอร์จัดการกับนักเรียนชั้นปีที่หนึ่ง ส่วนพวกเขาแค่มองดูบทลงโทษเท่านั้น แต่กลับไม่คิดเลยว่าบทลงโทษเหล่านั้นจะส่งต่อมาถึงพวกเขาภายในชั่วพริบตา พวกเขากรีดร้องเสียงระงมและรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก
บอกคณบดีอย่างนั้นเหรอ? คณบดีพูลแมนเพียงตอบกลับว่า “ความเข้มงวดของอาจารย์จะเป็นประโยชน์ต่อพวกคุณ!”
เยี่ยมไปเลย! อดทนต่อไป!
นักเรียนทั้งหลายกัดฟันแน่นและคิดว่า ในเมื่ออาจารย์กล้าที่จะทำโทษพวกเรา เราก็จะจัดการอาจารย์เงียบ ๆ เหมือนกัน!
เป็นผลให้กลอนประตูห้องของอาจารย์เฮอร์พังทันที และอาจารย์เฮอร์ก็ค้นพบคำตอบหลังจากตรวจสอบทางเทคนิค!
“เอาล่ะ! ผมจะบอกให้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ผมถูกใครบางคนกลั่นแกล้ง และผมคิดมาตลอดว่าเป็นนักเรียนปีหนึ่ง แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นพวกคุณ!”
ทำไมอาจารย์เฮอร์ถึงขี้ขลาดน่ะเหรอ? ถึงกับต้องไปรวบรวมหลักฐานมา! ก็เพราะกลอุบายเล็กน้อยไม่สามารถทำอะไรองค์หญิงสามได้ เขาจึงรวบรวมสิ่งที่เธอลงมือทำเพื่อฟ้องร้องเธอ!
ทว่าผลลัพธ์กลับไม่คาดคิด!
คนที่ลงมือมีทักษะมาก ทุกครั้งที่เขาพยายามจะทำอะไรบางอย่าง หลักฐานทั้งหมดกลับถูกลบทิ้ง ไม่หลงเหลือแม้แต่ร่องรอย…
มันไม่ง่ายเลยที่จะได้หลักฐานมา แต่เขากลับพบว่านักเรียนชั้นปีที่สองเป็นคนลงมือทำ แล้วแบบนี้อาจารย์เฮอร์จะไม่โกรธได้อย่างไร?!
หลังจากโดนกลั่นแกล้งมานาน ปรากฏว่านักเรียนชั้นปีที่หนึ่งไม่ได้มีส่วนร่วมหรอกเหรอ?!
นักเรียนชั้นปีที่สองร้องไห้เพื่อขอความเมตตา ทว่าคนที่มีทิฐิสูงอย่างอาจารย์เฮอร์จะให้อภัยพวกเขาได้อย่างไร?
สำหรับเขาที่มีอาการผิดปกติทางจิตแล้ว นักเรียนพวกนั้นคิดว่าแค่พูดขอโทษแล้วเรื่องจะจบหรือไง?!
อะไรจะง่ายปานนั้น!
นอกจากนี้ อย่าแก้ตัวไปหน่อยเลย! ที่พวกคุณบอกว่าทำกันครั้งแรกน่ะ ล้อเล่นกันอยู่หรือไง?!