ตอนที่ 249 ลูกพี่ลูกน้องลงชื่อเข้าร่วมการแข่งขันหัวหน้าครั้งใหญ่ 20
ตอนที่ 249 ลูกพี่ลูกน้องลงชื่อเข้าร่วมการแข่งขันหัวหน้าครั้งใหญ่ 20
หลังจากได้ยินพิธีกรประกาศว่า ‘เริ่ม’ ทุกคนก็ส่งผ่านพลังจิตออกไปหาเครื่องดนตรี
เสียงขับขานอันไพเราะของเครื่องดนตรีดังก้องกังวานไปทั่วทั้งวิทยาเขต
ทันทีที่พิธีกรได้ยินบทเพลงขับขาน ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยและกล่าวว่า
“ทุกท่านได้ยินไหมครับ พวกคุณคุ้นเคยกับเพลงนี้กันไหม? ฮ่า ๆ! ใช่แล้วครับ! นี่คือเพลง ‘ความงามที่ร่วงโรย’ ที่องค์หญิงสามเคยขับร้องเอาไว้!”
“เพลงนี้ถึงกับไต่ลำดับขึ้นไปครองที่หนึ่งของชาร์ตหลักได้ ต้องบอกว่าองค์หญิงสามนั้นมากฝีมือจริง ๆ”
“โอ้! ทุกท่านดูสิครับ! นักเรียนจากชิงเหย้าของเราน่าทึ่งมาก ขับร้องบทเพลงผ่านไปครึ่งทางแล้ว!”
ทั้งบทเพลงใช้เวลาสี่นาทีเต็ม แต่ตอนนี้ขับร้องไปถึงสองนาทีแล้ว!
“อดทนไว้! ยืนหยัดต่อไป! ยืนหยัดต่อชัยชนะ!” พิธีกรร้องคำรามดังลั่น! จนเสียงตะโกนดังก้อง!
นักเรียนที่อยู่ด้านล่างไม่สามารถยืนหยัดได้อีกต่อไป ใบหน้าของเขาเริ่มซีดเซียว และทันใดนั้นแขนกลก็ยืดตัวออกไปและผลักเขาออกไปอย่างอ่อนโยน
เพื่อป้องกันไม่ให้นักเรียนบางคนได้รับความเสียหายจากการใช้พลังจิตที่มากเกินไป
หลังจากที่นักเรียนคนดังกล่าวลงไปแล้ว นักเรียนคนอื่นที่เหลืออยู่ก็ถูกผลักลงไปทีละคน
หญิงสาวผู้มารยาทงามเดินเข้ามาและพานักเรียนเหล่านี้ไปที่ด้านข้าง เพื่อรอนักเรียนกลุ่มใหม่ที่จะถูกผลักลงมา
ทันทีที่บทเพลงขับขานมาถึงสามนาที นักเรียนเกือบแปดสิบคนก็ถูกผลักลงไป
มีเพียงนักเรียนมากกว่าระดับหกดาวเท่านั้นที่ยังเหลือรอดอยู่ช่วยประปราย
และเมื่อบทเพลงขับขานจบลง มีนักเรียนจากสถาบันการศึกษาทางการทหารของจักรวรรดิชิงเหย้าเพียงสี่คนเท่านั้นที่เหลืออยู่
พลังจิตของสวี่หลิงอวิ๋นมีสำรองเพียงพอ และทำให้เธอสามารถยืนหยัดต่อไปได้ เยลที่อยู่ในระดับ 8 ดาวยังคงฝืนให้ยืนนิ่ง
หัวหน้าประจำชั้นปีที่สามและหัวหน้าประจำชั้นปีที่สี่กัดฟันแน่นเพื่อต้องการยืนหยัดต่อไป ทว่านักเรียนที่อยู่ด้านล่างถอนตัวออกไป แรงกดดันทั้งหลายจึงมาตกอยู่ที่ทั้งสองคนมากขึ้น หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาทั้งสองก็ถูกแขนกลผลักออกไปด้านข้าง
ใบหน้าของพวกเขาทั้งสองเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว
พวกเขาเป็นถึงหัวหน้าระดับสูง แต่กลับไม่ดีเท่าหัวหน้าประจำชั้นปีที่หนึ่งและปีที่สองอย่างนั้นเหรอ?!
สำหรับเยลไม่อะไรมาก เนื่องจากเขาเลื่อนขั้นไปถึงระดับ 8 ดาวแล้ว แต่สำหรับสวี่หลิงอวิ๋นล่ะ? เธอก็แค่ระดับ 7 ดาวเท่านั้น!
ความแข็งแกร่งอยู่ในระดับเดียวกันกับพวกเขาแท้ ๆ แต่กลับยืนหยัดได้นานขนาดนั้นเลยเหรอ?
ทันทีที่เหลือเพียงสวี่หลิงอวิ๋นและเยล ทั้งสองคนก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่หนักอึ้งราวกับภูเขาและลุ่มลึกราวกับมหาสมุทร
เหงื่อไหลรินออกมาจากหน้าผากของเยล พลังจิตที่ส่งออกมาก็เริ่มแปรเปลี่ยนจากขนาดเท่าลำต้นเป็นกิ่งไม้ และกลายเป็นลวดเส้นเล็กบาง ๆ
เขาทนไม่ไหวแล้ว!
เยลอดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปทางสวี่หลิงอวิ๋น เธอยืนหยัดด้วยตัวเธอเองหรือเปล่า?
สวี่หลิงอวิ๋นยังคงยืนหยัดอย่างสงบนิ่ง หาวเป็นครั้งคราว และดูเบื่อหน่ายยิ่งนัก
เมื่อมาถึงจุดสิ้นสุดของบทเพลง
เยลถูกแขนกลผลักออกไปทันทีที่ตัวโน้ตสุดท้ายบรรเลงจบ
เหลือเพียงสวี่หลิงอวิ๋นเท่านั้น
เสียงเพลงขับขานในตอนนี้ไม่ดังก้องเหมือนเมื่อก่อน แผ่วเบาลงมาก แต่ยังคงบรรเลงอยู่
บทเพลงรอบที่สองเริ่มต้นขึ้น
ขณะที่ผู้คนบริเวณโดยรอบเริ่มพูดคุยและกระซิบกระซาบ
ทันทีที่ดนตรีมหรสพวนขึ้นรอบใหม่ พิธีกรก็นิ่งเงียบและไม่พูดอะไรออกมา
หลังจากที่บทเพลงส่งเสียงขับขานได้หนึ่งนาที นักเรียนจากจักรวรรดิชิงเหย้าก็แอบยกนิ้วของพวกเขาขึ้น เพื่อส่งกำลังใจให้องค์หญิงสาม
บทเสียงขับขานมาถึงครึ่งทางจนกระทั่งผู้คนที่ยืนอยู่ทั่วเวทีเงียบสงบ ทุกสายตาจับจ้องไปที่นักเรียนผู้ดื้อรั้นที่ยังไม่ยอมลงมา
“ผู้หญิงคนนั้นคือใคร?!” นี่คือสิ่งที่ทุกคนสงสัย
ไม่ง่ายนักที่จะได้เห็นหัวหน้าที่เป็นผู้หญิง และยากยิ่งกว่าที่จะสามารถยืนหยัดได้ถึงตอนจบ มีเพียงต้าเหมย ผู้บังคับบัญชาหญิงแห่งจักรวรรดิชิงเหย้าเท่านั้นที่สามารถทำได้ไม่ใช่หรือ?
ทว่าผู้หญิงคนนี้กลับยืนหยัดได้มากกว่าต้าเหมย!
เธอสามารถควบคุมเครื่องดนตรีทั้งหมดได้ด้วยความแข็งแกร่งเพียงคนเดียว! ถึงแม้ว่าบทเพลงจะไม่ดังก้องเท่าตอนแรก แต่กลับยังบรรเลงอย่างขยันแข็งขัน!
ทุกคนรู้ดีว่าต้องใช้พลังจิตจำนวนมหาศาลในการควบคุมเครื่องดนตรีให้ร้องขับขาน!
แม้แต่ยอดฝีมือระดับ 9 ดาวที่ควบคุมเครื่องดนตรีเพียงลำพังก็ยังสามารถบรรเลงเพลงได้เพียงจบเดียวเท่านั้น!
แต่! เมื่อคำนวณดู ตอนนี้บทเพลงรอบที่สองได้ผ่านไปถึงสองในสามท่อนแล้ว!
หญิงสาวที่ยืนหยัดอยู่ด้านหน้ายังคงดูเฉยเมย ไม่มีแม้แต่หยาดเหงื่อที่ไหลลงมาตรงหน้าผาก และใบหน้าของเธอก็ยังเหมือนเดิม!
“ผมคิดว่าผมน่าจะเจออัจฉริยะขั้นสุดยอดแล้ว!” นักข่าวจากจักรวรรดิอีโน่พึมพำ
[อย่าใช้คำว่า ‘น่าจะ’! เพราะนี่คือของจริง!]
[ฉันคิดว่าคนจากสถาบันการศึกษาจักรวรรดิชิงเหย้ากำลังโกง! จะมีพลังจิตที่เกินจริงแบบนี้ได้ยังไง?]
[+1]
[+2]
[+3]
…
[พวกคุณโง่หรือเปล่า? จะโกงเครื่องดนตรีพวกนี้ได้ยังไงในเมื่อมันผ่านการทดสอบจากคนนับไม่ถ้วนแล้ว? คุณคิดว่าช่างเทคนิคของจักรวรรดิอีโน่ไม่มีความสามารถหรือไง?!]
[ถ้าเป็นอย่างที่คุณพูด ผู้หญิงคนนั้นเป็นอัจฉริยะเหรอ?! ฉันไม่เชื่อหรอก!]
[หยุดเถียง และรอให้คนมาตรวจสอบเถอะ!]
ทุกคนจับจ้องไปที่การแสดงของสวี่หลิงอวิ๋น
สวี่เจี้ยนอวิ๋นอมยิ้มและพูดแนะนำกับไคกี “ถึงแม้ว่าน้องสาวของเราจะเป็นคนใจร้อน แต่เธอกลับมีพละกำลังที่แข็งแกร่ง เพราะงั้นต่อให้แต่งงานออกไป เธอก็จะไม่ถูกรังแก!”
ไคกีแอบชำเลืองมององค์ชายใหญ่ ครุ่นคิดว่าต่อให้เธอไม่มีพละกำลังที่แข็งแกร่งเท่านี้ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องถูกรังแก แค่ฝีปากของลูกพี่ลูกน้องตลอดช่วงวันเวลาที่ผ่านมาก็ทำให้เขาได้เรียนรู้แล้ว!
ยกเว้นองค์ชายรัชทายาทแลนเซล็อตที่สามารถทำให้ลูกพี่ลูกน้องหญิงของเขาทนทุกข์ได้เล็กน้อย แต่ว่าเขาก็ไม่เคยเห็นเธอล้มลงสักครั้งเดียว!
ใบหน้าของสวี่รุ่ยอวิ๋นดูไม่ดีนัก หมัดของเขากำเข้าหากันแน่น เมื่อไหร่กันที่สวี่หลิงอวิ๋นกลายเป็นผู้ที่มีพละกำลังแข็งแกร่งขนาดนี้? ดูเหมือนว่าจะปิดบังมาตลอดสินะ!
สวี่หลิงอวิ๋นในอดีตนั้นโง่เขลาและอ่อนแอ ในเมื่อเสแสร้งมาตลอด ทำไมตอนนี้ถึงไม่เสแสร้งต่อไปล่ะ?
ท้ายที่สุด เธอเสแสร้งทำเป็นว่าเขาจะได้รับการสืบทอดบัลลังก์ แต่แล้วก็เปิดเผยตัวตนของเธอเอง!
รอยยิ้มเริ่มปรากฏชัดเจนบนใบหน้าขององค์ชายรัชทายาทแลนเซล็อตมากขึ้นเรื่อย ๆ องค์หญิงสามทำให้เขารู้สึกประทับใจได้ตลอดสินะ!
เธอคงมีวิธีการฝึกฝนพลังจิตใช่ไหม? ไม่อย่างนั้น ทำไมพลังจิตของเธอถึงได้ยาวนานและทรงพลังขนาดนี้?!
ผู้หญิงคนนี้…จะต้องหาทางแต่งงานกับเธอให้ได้!
เดิมทีวินเซอร์ไม่ต้องการมาที่นี่ แต่เธอกลับได้ยินว่าเธอสามารถพบองค์ชายรัชทายาทได้ในวันนี้ และพอนึกถึงคำพูดของลูกพี่ลูกน้องว่าให้ดันทุรังต่อไป บางทีเธออาจจะได้รับโอกาสนั้นในชีวิต เธอจึงรวบรวมความกล้าทั้งหมดเข้ามาหาเขา
เป็นผลให้เธอเห็นว่าสายตาของเขาจับจ้องไปที่การแสดงของลูกพี่ลูกน้องตลอดเวลา
และแววตาของเขา… วินเซอร์รู้สึกกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก เธอเห็นท่าทางที่มุ่งมั่นจะเอาชนะของเขา!
เขาชอบลูกพี่ลูกน้องของเธอจริง ๆ เหรอ?!
วินเซอร์รู้สึกอกหัก!
แลนเซล็อตรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองมาที่เขา และทันทีที่เขาหันศีรษะกลับไป เขาจึงพบเข้ากับองค์หญิงวินเซอร์ที่กำลังจ้องมองลงมาและไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“สวัสดีครับ องค์หญิงวินเซอร์” แลนเซล็อตทักทายเธออย่างสุภาพ