ตอนที่ 258 เป็ดย่างในการแข่งขันหัวหน้าครั้งใหญ่ 5
ตอนที่ 258 เป็ดย่างในการแข่งขันหัวหน้าครั้งใหญ่ 5
“องค์หญิงสาม?!” สวี่รุ่ยอวิ๋นไม่มั่นใจว่าเขาควรจะก้าวเข้าไปดีหรือไม่?
ยิ่งเข้าใกล้ห้องครัวมากเท่าไหร่ กลิ่นหอมก็จะยิ่งดึงดูดฝีเท้าและติดอยู่ในจิตใจมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อย่างก้าวมาถึงปากประตู เสียงหัวเราะก็ดังลั่นออกมาจากด้านใน
เห็นได้ชัดว่าเวลาของมื้ออาหารได้จบลงแล้ว…
อีกทั้งยังมีไวน์รสหวานที่ครอบครัวของเขาโปรดปรานตั้งอยู่บนโต๊ะอาหาร ไวน์ชนิดนี้จะไม่มีวันตั้งอยู่บนโต๊ะอาหาร นอกจากเสียว่าวันนั้นจะเป็นวันพิเศษ
ถึงแม้สวี่รุ่ยอวิ๋นจะรู้สึกอึดอัด แต่เขากลับบีบบังคับตนเองให้เดินเข้าไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เสด็จพ่อ เสด็จแม่”
ทุกคนหุบยิ้มทันทีที่เห็นว่าสวี่รุ่ยอวิ๋นเดินเข้ามา ราวกับว่าเขาเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่บุกรุกเข้ามาโดยบังเอิญ
นั่นทำให้เขายิ่งรู้สึกไม่มีความสุข
จักรพรรดิส่งเสียงออกมาอย่างเกรี้ยวโกรธ “จะยืนนิ่งอยู่ทำไม? ถ้าอยากกินก็รีบนั่งลงซะ! อยู่ห่างบ้านทุกวี่ทุกวัน ไม่รู้ไปสร้างเรื่องอะไรไว้อีก!”
สวี่รุ่ยอวิ๋นรีบแก้ต่าง “ไม่ เสด็จพ่อ ลูก…”
“เอาล่ะ นั่งลงเถอะ!” จักรพรรดินีไม่ทันรอให้เขาพูดเสร็จ และโพล่งออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก่อนจะเทขวดไวน์ “นาน ๆ ทีจะมีความสุขแบบวันนี้ อย่าต่อล้อต่อเถียงกันนักเลย”
จักรพรรดิตอบรับด้วยเสียง ‘อือ’
สวี่รุ่ยอวิ๋นกลั้นหายใจและนั่งลงด้านข้างสวี่เจี้ยนอวิ๋น องค์ชายใหญ่ที่กำลังทำหน้าเยาะเย้ยอย่างชัดเจน
“น้องชายรองขยันไปทำงานราชการจังเลยนะ มานี่เร็ว มากินเยอะ ๆ!” องค์ชายใหญ่สวี่เจี้ยนอวิ๋นเอาเนื้อเป็ดกุนดักใส่เข้าไปในแป้งแผ่นบาง จากนั้นจึงห่อมันเข้าด้วยกันและยื่นไปตรงปากของสวี่รุ่ยอวิ๋น
“ลองชิมดู ตอนนี้พวกเรากำลังติดใจฝีมือทำอาหารของน้องสาว”
สวี่รุ่ยอวิ๋นได้กลิ่นหอมโชยมาทันทีที่หยิบแป้งแผ่นบาง ทว่าเขาไม่ได้คิดอะไรจริงจังมากนัก เพราะอาหารหลายอย่างที่มีกลิ่นหอมหวานมักจะมีรสชาติที่ไม่ได้เรื่อง!
แต่เมื่อแป้งแผ่นบางเข้าไปในปาก…? มันทำมาจากอะไรกันแน่? ทำไมเนื้อถึงได้นุ่มละมุนขนาดนี้?! อร่อยเหลือเกิน!
ปากของสวี่รุ่ยอวิ๋นไม่สามารถหยุดเคี้ยวไปได้ชั่วขณะหนึ่ง และจดจ่ออยู่กับการกิน!
จักรพรรดิพยักหน้าอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นสวี่เจี้ยนอวิ๋นห่อแป้งให้กับลูกชายคนรอง “สมกับเป็นพี่ชายใหญ่จริง ๆ ตอนนี้ดูเป็นพี่ชายมาบ้างแล้วสินะ รู้จักห่อแป้งให้น้องกิน”
สวี่เจี้ยนอวิ๋นรู้สึกปลาบปลื้มใจ! นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้รับคำชมเชยจากพ่อผู้แก่ชราคนนี้!
“เสด็จพ่อ…” นั่นคือสิ่งที่ลูกควรทำ!
แต่ก่อนที่จะกล่าวออกไปเช่นนั้น พ่อผู้แก่ชรากลับพูดกระตุ้นให้เขารู้สึกสำนึก!
“คนที่ดื้อรั้นก็ต้องใช้ความดื้อรั้นให้เกิดประโยชน์ อย่างน้อยก็ไม่ควรมีจิตตั้งทำร้ายใคร และรู้จักรักพี่น้อง”
องค์ชายใหญ่ก้มศีรษะลงเงียบ ๆ กินเถอะ! เขาเป็นแค่คนดื้อรั้น! ไม่สมควรพูดอะไรทั้งนั้น!
แม้ว่าลูกชายคนรองจะกำลังตั้งหน้าตั้งตากิน แต่เขาก็รู้ดีว่าพ่อผู้แก่ชรากำลังจะกล่าวหาว่าภายในใจของเขามีแต่เล่ห์เหลี่ยม!
“เสด็จพ่อ ลูก…”
“กินไปเถอะ! ต่อให้กินเท่าไหร่มันก็ไม่ได้ทำให้แผลในท้องของแกถูกเติมเต็มขึ้นมาหรอก!” จักรพรรดิทรงโกรธจัดเมื่อมองดูลูกชายคนรอง
เช่นเดียวกับจักรพรรดินี เธอเหลือบมองลูกสาวตัวน้อยผู้เป็นที่รักยิ่ง
สวี่หลิงอวิ๋นค่อย ๆ กินอย่างระมัดระวัง เธอสามารถสร้างส่วนผสมที่ลงตัวได้ดีที่สุดเสมอ และหลังจากจับคู่อาหาร จานทั้งสองใบก็วางอยู่ตรงหน้าเธอ
ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง ก็รู้ว่าจานทั้งสองใบตรงหน้าคือส่วนผสมทั้งสอง
จักรพรรดิชอบการกินเนื้อเป็ดตามแบบฉบับการห่อของสวี่หลิงอวิ๋น! จักรพรรดินีเองก็ไม่ลังเลที่จะกินต่อ
โชคดีที่สวี่หลิงอวิ๋นอิ่มแล้ว เธอจึงแสดงความกตัญญูด้วยการห่ออาหารให้พ่อแม่
เดิมทีสวี่รุ่ยอวิ๋นรู้สึกว่าอาหารมีรสชาติอร่อย แต่เมื่อมองดูพ่อแม่ที่มีอคติต่อเขา อาหารในปากก็จืดชืดทันที และยากเกินกว่าจะกลืนลงไปในลำคอ
องค์หญิงวินเซอร์กับองค์ชายไคกีนั่งกินด้วยท่าทางสบาย ๆ และจิบไวน์เป็นครั้งคราว
อา! ชีวิตช่างงดงามเหลือเกิน!
ไคกีชื่นชอบอาหารอันแสนอร่อยเช่นนี้! ถึงกับคิดว่าควรจะทำอย่างไรดีหากกลับไปแล้วไม่ได้ลิ้มลองอาหารอันโอชะแบบนี้อีก? คงเศร้าน่าดู!
“น้องหลิงอวิ๋น มีส่วนผสมหรือสูตรลับสำหรับการทำอาหารมื้อนี้ไหม?” ไคกีรู้สึกเกรงใจที่ถามออกไป “น้องพอจะขายสูตรลับให้พี่ได้หรือเปล่า?”
ทันทีที่สวี่หลิงอวิ๋นได้ยินว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงเรื่องธุรกิจ เธอจึงนั่งตัวตรงด้วยจิตวิญญาณความเป็นแม่ค้า “ถ้าสูตรลับคงเป็นไปไม่ได้หรอกเพคะ แต่เดี๋ยวน้องจะขายเครื่องปรุงรสบนร้านค้าออนไลน์ จากนั้นเสด็จพี่ก็แค่หมักเครื่องปรุงรสเข้าด้วยกันและเอาไปย่าง!”
“สำหรับขั้นตอนการย่าง เอาไว้น้องจะทำวิดีโอสอนขั้นตอนการย่างอีกที เสด็จพี่แค่ซื้อเครื่องปรุงรสในร้านค้าของน้องก็พอ!”
ไคกีรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่กลับเห็นด้วย
อย่างไรเสีย เขาก็รู้สึกพอใจเพราะเขายังสามารถกินอาหารอันโอชะแบบนี้ได้อีกในอนาคต
สวี่หลิงอวิ๋นมองดูท่าทีที่ผิดหวังเล็กน้อยของลูกพี่ลูกน้อง และทันใดนั้นความคิดบางอย่างก็ปรากฏขึ้น!
เอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์ที่อยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิชิงเหย้ากำลังจะสูญพันธุ์ลงในไม่ช้า ปัจจุบันยังไม่มีเอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์กลุ่มใหม่เต็มใจจะบุกรุกเข้ามายึดครองจักรวรรดิชิงเหย้าของพวกเขาด้วยซ้ำ และนั่นทำให้ทรัพย์สมบัติอันน้อยนิดของเธอลดน้อยลงอย่างมากจนน่ารำคาญ
นอกจากนี้ เอเลี่ยนต๋าหลู่ก็ใกล้จะสูญพันธุ์ลงเช่นกัน
หัตถกรรมงานฝีมือจากเอเลี่ยนต๋าหลู่ได้เปิดขายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเตรียมที่จะส่งออกไปยังจักรวรรดิอื่น ๆ แต่เนื่องจากเอเลี่ยนต๋าหลู่กำลังขาดแคลนอย่างหนัก อุตสาหกรรมจึงต้องหยุดชะงัก!
ไม่ต้องกล่าวถึงว่าสวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกร้อนรนมากแค่ไหน แม้แต่รัฐมนตรีนิโคลที่เพิ่งหายใจคล่องตัวก็ต้องเริ่มหนักใจอีกครั้ง!
และอสุรกายเคี้ยวยักษ์! ไข่ปูที่สวี่หลิงอวิ๋นทำมาจากอสุรกายเคี้ยวยักษ์ก็ได้รับความนิยมในทวีปกาตาร์อย่างล้นหลาม อาหารส่วนใหญ่บนทวีปกาตาร์ล้วนคล้ายคลึงกับอาหารของคนจีนในชาติที่แล้ว นั่นคือพวกเขากินทุกอย่าง!
แต่อสุรกายเคี้ยวยักษ์ก็ใกล้จะสูญพันธุ์ลง! แล้วแบบนี้จะทนไหวได้อย่างไร?!
สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดในตอนนี้คือเอเลี่ยนตั๊กแตน
เนื่องจากสามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าของเหลวจากเอเลี่ยนตั๊กแตนสามารถทำปฏิกิริยาลึกลับทางเคมีกับต้นอ้อยได้ จนวิวัฒนาการเป็นพืชระดับพลังงานที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของผู้คนได้โดยไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ
เรียกได้ว่าเป็นความมั่งคั่งที่คุ้มราคาอย่างแท้จริง!
ปัจจุบันเอเลี่ยนตั๊กแตนถูกจัดว่าเป็นความลับระดับชาติ อีกทั้งยังเริ่มลงมือจับเอเลี่ยนตั๊กแตนเป็นวงกว้าง แน่นอนว่ามีการอ้างเอกสิทธิ์ภายนอกโลกว่าองค์หญิงสามจะเป็นทั้งผู้รับซื้อและผู้ขายในการทำธุรกิจขาตั๊กแตนเป็นหลัก
น่าเสียดายที่ต่อให้คนฉลาดแค่ไหนก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้หากไม่มีเครื่องมือช่วย ไม่ว่าจะทรงพลังมากแค่ไหนก็ไม่สามารถกินเอเลี่ยนพวกนี้ได้ ไม่มีทาง!
ไม่มีดาวเคราะห์ดวงไหนบนจักรวรรดิชิงเหย้าถูกเอเลี่ยนรุกรานอีกแล้ว และได้แต่สงสัยว่าเป็นไปได้ไหมที่สองจักรวรรดิจะร่วมมือกัน?!
“พี่วินเซอร์ มาร่วมมือทำธุรกิจกับฉันไหม!?” สวี่หลิงอวิ๋นถาม ขณะจ้องมองวินเซอร์ที่นั่งเงียบราวกับกำลังตกอยู่ในภวังค์
“ธุรกิจ?” วินเซอร์ตกตะลึง “ลิปสติกเหรอ? หรือว่าเครื่องสำอางล่ะ?”
นี่เป็นธุรกิจทั่วไปสำหรับองค์หญิงในราชวงศ์
ยี่ห้อเครื่องสำอางขององค์หญิงทั้งหลายเป็นที่นิยมในหมู่สาธารณชน นอกจากจากมียังมีคำชวนเชิญที่ว่าองค์หญิงใช้ได้ พวกคุณก็ใช้ได้เช่นกัน!
“ไม่ใช่แบบนั้น!” สวี่หลิงอวิ๋นไม่มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องสำอางมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องสำอางบนห้วงดวงดาว
เมื่อก่อนนี้เธอเคยทำลิปสติกจากเม็ดสีของดอกคำฝอย น่าเสียดายที่ที่แห่งนี้ไม่มีวัตถุดิบแบบนั้นให้เธอได้ทดลอง
นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีเอเลี่ยนที่ทำกำไรได้มากกว่าไม่ใช่เหรอ?!
“ธุรกิจเอเลี่ยนต่างหาก!” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ฉันบอกแล้วไงว่าเอเลี่ยนทำกำไรได้เยอะมาก ถ้าพี่ร่วมมือกับฉัน ฉันรับรองได้ว่าพี่จะทำเงินได้เยอะเลยล่ะ!”
“เอ๊ะ?” วินเซอร์ขมวดคิ้ว เธอไม่ค่อยเชื่อมากนัก