ตอนที่ 260 งานเลี้ยงนัดดูตัว 1
ตอนที่ 260 งานเลี้ยงนัดดูตัว 1
‘องค์หญิงสามกลับมาที่วังและใช้เป็ดกุนดักไปทำอาหารอร่อย ๆ มากมาย ว่ากันว่าพวกเขาจะใช้มันเป็นเมนูหลักในงานเลี้ยงเต้นรำวันพรุ่งนี้ครับ’
…
สิ่งเหล่านี้ทำให้พลเอกหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจ
งานเลี้ยงเต้นรำหรืองานประชุมนัดบอดของจักรวรรดิชิงเหย้าถูกจัดขึ้นในเวลากลางคืน
ยานอวกาศหรูหราจำนวนมากจอดเทียบท่าที่เมืองหลวงทีละลำ องค์หญิง หญิงสาวทั่วทั้งจักรวาล องค์ชาย พี่น้องของจักรพรรดิทั้งหลาย และขุนนางชนชั้นสูงปรากฏกายขึ้นทีละคน
เมืองหลวงของจักรวรรดิเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
นิโคลรู้สึกไม่สบายใจที่ต้องใช้น้ำตาลจำนวนมากในงานเลี้ยงเต้นรำ เขายิ้มแย้มขณะจ้องมองคำสั่งซื้อจากทั่วทั้งจักรวาลที่โปรยลงมาราวกับเกล็ดหิมะ
ปลาหมึกกระป๋องเป็นที่นิยมที่สุด!
จักรวรรดิเหมยรุ่ยมีความต้องการซื้อมันเทศหวานเช่นกัน ฮึ่ม! ช่างกล้าคิด! จะซื้อมันเทศหวานอบแห้ง เครปเค้กมันเทศหวาน ขนมเปี๊ยะมันเทศหวาน หรือวุ้นเส้นก็ได้ แต่ถ้าต้องการผลมันเทศหวานสด ๆ น่ะเหรอ? ไม่มีทางเสียหรอก!
มันเทศหวานของจักรวรรดิชิงเหย้าเป็นสิทธิพิเศษที่เทพเจ้ามอบให้ ดังนั้นพวกเราจึงไม่สามารถส่งมอบมันต่อให้จักรวรรดิอื่นได้!
นอกจากนี้ยังมีเครื่องปรุงรสมากมายหลายอย่าง ถึงแม้ว่าสินค้าทุกอย่างจะมาจากร้านเถาเป่าขององค์หญิงสาม แต่องค์หญิงสามครอบครองดาวเคราะห์แค่เพียงสองดวงเท่านั้น และรัฐชาติยังไม่ได้ซื้อเครื่องปรุงรสของเธอด้วยซ้ำ?
สำหรับสิ่งที่องค์หญิงสามปลูกไว้ นิโคลและรัฐมนตรีกระทรวงการเกษตรได้ปลูกพืชตามที่องค์หญิงสามเคยปลูกไว้ เยี่ยมไปเลย แค่นี้ก็มีรายได้เพียงพอแล้ว!
เครื่องปรุงรสสามารถทำกำไรได้มากจนตอนนี้เครื่องปรุงรสขององค์หญิงสามก็มีจำนวนไม่เพียงพอต่อการขาย ส่วนเครื่องปรุงรสที่ทางจักรวรรดิจัดทำขึ้นก็ยังถูกขายในราคาส่ง!
“องค์หญิงสามเป็นดวงดาวนำโชคจริง ๆ!” นิโคลรู้สึกภาคภูมิใจ!
ลูกหลานของขุนนางชนชั้นสูงล้วนดูดีจนสื่อทั้งหลายดวงตาเปล่งประกาย หลังจากถ่ายทอดสดออกไป ชายหญิงจำนวนนับไม่ถ้วน ทั้งแก่และเด็กต่างนอนดูอยู่ด้านหน้าคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์ เพื่อมองดูชนชั้นสูงลงพรมแดงลงมาจากยานอวกาศของพวกเขา และขึ้นไปบนรถเหาะคันหรูที่ถูกออกแบบมาให้รับส่งผู้คนโดยเฉพาะ
“สมาชิกราชวงศ์พวกนี้ทรงอิทธิพลจริง ๆ ทั้งหล่อทั้งสวย อิจฉาชะมัด!”
ชาวเน็ตทั้งหลายส่งข้อความอิจฉาริษยาออกมาภายใต้จิตใต้สำนึก
สาวใช้ที่อยู่ภายนอกและภายในวังเปรียบดั่งผีเสื้อที่ร่ายรำ กระจัดกระจายไปคอยปรนนิบัติชนชั้นสูงทั้งหลาย
สวี่หลิงอวิ๋นถูกจักรพรรดินีลากไปที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อแต่งตัวเป็นเวลานานแล้ว ผมของเธอทั้งถูกดัดลอนและเกล้าขึ้น หลังจากผ่านไปสามชั่วโมง ทุกอย่างก็เสร็จสิ้น
แต่นั่นกลับทำให้เธอรู้สึกง่วงนอน
แต่งหน้าและเปลี่ยนเป็นชุดราตรี
ชุดราตรีสีเงินแสดงสัดส่วนสูงโปร่งและรูปร่างสวยงามของเธอออกมาได้เป็นอย่างดี เดิมทีความสวยของเธออยู่ในระดับแปดดาว แต่ตอนนี้เธอสามารถเทียบเท่าวินเซอร์ได้ครั้นเมื่อแต่งตัวอย่างพิถีพิถัน!
สวี่เจี้ยนอวิ๋นเห็นน้องสาวแล้วแทบจะจำเธอไม่ได้!
สาวสวยทรงเสน่ห์ที่อยู่ตรงหน้าเขาคือใครกัน!?
จักรพรรดินีพยักหน้า “ดีมาก! ลูกควรจะแต่งตัวให้เหมือนตอนนี้ซะบ้างนะ ดูสิว่าสวยขนาดไหน”
สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองตัวเองในกระจก และรู้สึกไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย!
ช่างแต่งหน้าคนนี้น่าทึ่งชะมัด! แต่งหน้ายังไงให้ออกมาเหมือนไม่ได้แต่งหน้า ทำได้ยังไงกัน?
แม้แต่ช่างแต่งหน้ายังตกตะลึง!
“องค์หญิงสามมีผิวพรรณที่ดีอยู่แล้ว หม่อมฉันไม่ได้แต่งอะไรเพิ่มมากเลยเพคะ!”
“พี่ล่ะอยากรู้ว่าตอนเด็ก ๆ น้องสาวคนนี้ออกจะน่ารัก ทำไมโตขึ้นมาถึงได้ดูธรรมดานัก ที่แท้น้องก็แค่ไม่รู้จักหัดแต่งตัวนี่เอง!” สวี่เจี้ยนอวิ๋นชมเชย “วันนี้น้องจะต้องโดดเด่นกว่าคนทั้งงานแน่!”
สวี่หลิงอวิ๋นกลอกตา “พอได้แล้ว น้องจะทำแบบนี้ครั้งเดียวเท่านั้น!”
ทุกวันเมื่อลืมตาตื่น เธอจะต้องออกไปฝึกซ้อมเป็นอย่างแรก จากนั้นจึงอาบน้ำ เช็ดหน้าด้วยออย และไปสถาบัน
ถ้าต้องมานั่งทำแบบนี้ทุกวัน จะไม่น่ารำคาญจนตายเลยหรือไง?! ไม่เอาด้วยหรอก!
“ว้าว! ลูกรักสวยจังเลย!” จักรพรรดิจ้องมองลูกสาวผู้ผอมเพรียวที่มีเสน่ห์ความเป็นผู้หญิงอย่างล้นหลาม แต่ทันใดนั้นกลับรู้สึกเศร้าใจ
โอ้โห! ลูกสาวเกิดมาสวยเกินไปแล้ว โอคาซีได้รับจนคุ้มค่าเชียวนะ!
ฮึ่ม!
ยิ่งจ้องมองโอคาซีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่เข้าตามากเท่านั้น! ถ้าไม่กลัวว่าลูกสาวจะแต่งงานออกจากจักรวรรดิไป เขาคงไม่มีวันส่งการ์ดเชิญไปให้ไอ้หมอนั่นแน่!
ไม่รู้ว่าตอนนี้โอคาซีอยู่ที่ไหน?
โอคาซีอยู่ที่ไหนน่ะหรือ? ตอนนี้เขามาถึงหน้าปากประตูวังเป็นที่เรียบร้อย
ทันทีที่เขาปรากฏตัว ท่านพลเอกผู้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งห้วงดวงดาวก็ดึงดูดสายตาของหญิงสาวจำนวนนับไม่ถ้วน พวกเธอจ้องมองพลเอกด้วยท่าทีเขินอายเล็กน้อย โดยหวังว่าจะได้รับความเมตตาจากอีกฝ่าย
น่าเสียดายที่ท่านพลเอกไม่ได้มองไปด้านข้างแม้แต่น้อย เขาถูกสาวใช้ขยิบตาให้และนำทางไปยังที่นั่งที่เงียบสงบ
“ท่านพลเอก รออีกสักครู่นะคะ เดี๋ยวอีกประมาณครึ่งชั่วโมงองค์หญิงสามก็จะออกมาแล้ว”
การเลี้ยงเต้นรำหมายถึงการป่าวประกาศให้จักรวรรดิทั้งห้วงดวงดาวรับทราบว่าองค์หญิงสามแห่งจักรวรรดิชิงเหย้าเติบโตเป็นหญิงสาวเต็มตัวแล้ว
ซึ่งหมายความว่าหากมีความปรารถนาจะแต่งงาน สามารถส่งคำเชิญชวนมาล่วงหน้าได้
โอคาซีพยักหน้า
เขาจ้องมองไปบริเวณโดยรอบ
ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่แต่ในสนามรบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตัวเองจะไม่รู้เรื่องการเมือง
เขาสังเกตเห็นอย่างถ่องแท้ว่าผู้คนที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงเต้นรำล้วนเก่งกาจ และรูปลักษณ์ของพวกเขาก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน
ผู้คนส่วนใหญ่จะไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงธรรมดาเช่นนี้ ทว่าครั้งนี้พวกเขากลับมาเข้าร่วม
เรื่องนี้ทำให้เขาคิดมาก
พวกเขาทั้งหลายมาเพราะองค์หญิงสามใช่หรือไม่?!
การแสดงของสวี่หลิงอวิ๋นในการปิดงานการแข่งขันหัวหน้าทำให้จักรวรรดิทั้งหลายรับรู้ถึงหนึ่งสิ่ง นั่นคือองค์หญิงสามไม่ธรรมดา!
ควบคู่ไปพร้อมกับคำทำนาย พวกเขาล้วนคิดว่าองค์หญิงสามแห่งจักรวรรดิชิงเหย้าจะเป็นดวงดาวนำโชค หากจักรวรรดิใดก็ตามสามารถแต่งงานกับเธอได้ ความแข็งแกร่งของประเทศชาติจะต้องเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน!
หญิงสาวทั้งหลายมองดูรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของโอคาซีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางเย็นชาราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
เขาเพียงนั่งนิ่ง แต่กลับสามารถทำให้หญิงสาวทั้งหลายมองดูเป็นเวลานานจนไม่สามารถละสายตาได้
“ฮึ่ม สงสัยจังว่าใครจะเป็นผู้โชคดีได้แต่งงานกับโอคาซี?!”
“เธอหมดสิทธิ์แล้ว อย่าได้คิดเชียว!”
หญิงสาวสองคนกำลังพูดคุยกัน และหญิงสาวทั้งหลายบริเวณโดยรอบกำลังเผยรูปร่างอันภาคภูมิใจและใบหน้าที่งดงามแก่พลเอกโอคาซี
น่าเสียดายที่อีกฝ่ายหัวโบราณเกินกว่าจะเข้าใจอะไร เพียงแต่ก้มศีรษะลงและครุ่นคิดต่อไป
การขยิบตาให้คนตาบอดเป็นสิ่งที่น่าอารมณ์เสียอย่างยิ่ง
องค์ชายรัชทายาทแลนเซล็อตมาถึงงานเลี้ยงเต้นรำพร้อมกับขุนนางชั้นสูงทั้งหลายจากจักรวรรดิเอเดน
การปรากฏกายขององค์ชายรัชทายาทแลนเซล็อตผู้อ่อนโยนดุจดั่งหยกล้ำค่าดึงดูดความสนใจของหญิงสาวทั้งหมด
“ว้าว! ปีนี้เกิดอะไรขึ้น? นอกจากท่านพลเอกจะอยู่ที่นี่แล้ว องค์ชายรัชทายาทยังเข้าร่วมงานด้วย! อา ใจเอยใจฉัน!” หญิงสาวจ้องมองแลนเซล็อตที่อยู่ตรงหน้า และโอคาซีที่นั่งอยู่ด้านหลัง
ใจดวงนี้เหมือนถูกฉีกออกเป็นสองส่วน ไม่รู้ว่าทางไหนน่าดึงดูดกว่ากัน
“เธอไม่ได้สังเกตเหรอ? ไม่ใช่แค่สองคนนี้ แต่หนุ่มหล่อที่มีพรสวรรค์จากจักรวรรดิอื่นก็เข้าร่วมด้วย! โดยปกติแล้วคนพวกนี้จะไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงเต้นรำแบบนี้ด้วยซ้ำ!”
“ใช่ ๆ!” หญิงสาวตอบรับอย่างสมเหตุสมผล ใบหน้าแดงระเรื่อ “ฉันรู้แล้ว!”
“เธอรู้อะไรมา?” ทันทีที่หญิงสาวบริเวณโดยรอบได้ยินว่าคนพวกนี้รู้เรื่องราวภายใน ทั้งหมดก็ร่วมกลุ่มกันด้วยความสงสัย