ตอนที่ 268 งานเลี้ยงนัดดูตัว 9
ตอนที่ 268 งานเลี้ยงนัดดูตัว 9
“อร่อยไหม?” สวี่หลิงอวิ๋นเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอยากกินอีก ก็แค่ตอบฉันมา!”
กิบสันครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน ประสบการณ์ในชีวิตของเขาล้วนเป็นความลับ มีเพียงสมาชิกราชวงศ์เท่านั้นที่รู้
หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเป็นถึงองค์หญิงสามแห่งจักรวรรดิ ดังนั้นมันคงไม่เป็นอะไรหากจะบอกเธอ
“มันติดตัวผมมาตั้งแต่เกิด” กิบสันเก็บอาหารทั้งหมดเข้าไปในปุ่มมิติกักเก็บของเขา ก่อนจะกระโดดลงจากเก้าอี้และวิ่งหนีไป
สวี่หลิงอวิ๋นหัวเราะขณะมองดูเจ้าเด็กน้อยที่วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับติดสปริงไว้ที่ขา
ช่างเป็นเด็กที่ร่าเริงเหลือเกิน
ตั้งแต่เกิดอย่างนั้นเหรอ? น่าตลกชะมัด! เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีใครเกิดมาพร้อมกับเกล็ดคอ!
เกล็ดเรืองแสงพวกนั้นช่างงดงามเสียจริง!
หลังจากหยอกล้อเด็กน้อย อารมณ์ของสวี่หลิงอวิ๋นก็ดีขึ้นมาก
โอคาซีที่อยู่ตรงนั้นรู้สึกราวกับถูกชกต่อยจนได้รับบาดเจ็ดสาหัส ชาร์ลที่กำลังอารมณ์ดีรู้สึกตกใจเมื่อเห็นเขา!
“ท่านพลเอก เกิดอะไรขึ้นครับ?” ชาร์ลจ้องมองท่านพลเอกด้วยความประหลาดใจและวิตกกังวล ก่อนจะเอ่ยถามออกไปด้วยความกังวล
โอคาซียังคงนั่งอยู่ที่เดิมโดยไม่พูดไม่จา
รูปลักษณ์ที่ดูสลดใจทำให้ผู้คนรู้สึกเป็นห่วง
งานเลี้ยงเต้นรำยังคงดำเนินไปจนถึงเวลาเที่ยงคืน และในที่สุดก็จบลง
ทุกคนรู้สึกพึงพอใจที่ได้รับของชำร่วยขนาดเล็กเป็นตลับน้ำตาลทรายขาว
น้ำตาลทรายขายเป็นสิ่งของที่มีคุณค่ามาก ทุกคนต่างกอดมันไว้แน่นและเดินจากไปด้วยความเต็มใจ
พ่อครัวทั้งหลายที่อยู่ในห้องครัวรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจนแทบจะหมดแรง!
แม้แต่แขนกลยังเริ่มยืดยาดเล็กน้อย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าแขกเหล่านี้กินเก่งกันมากแค่ไหน!
“การบริโภคครั้งนี้เกินตามที่คาดคิดเอาไว้ตั้งสามสิบเปอร์เซ็นต์แน่ะ!” หัวหน้าพ่อครัวรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยเมื่อจ้องมองวัตถุดิบที่หายไป
โชคดีที่พลเอกโอคาซีสั่งเป็ดกุนดักเข้ามาอีกล็อตหนึ่ง ไม่เช่นนั้น สถานการณ์อาจจะเลวร้ายจนคาดไม่ถึง!
โอคาซีไม่อาจทนรอการกลับมาของสวี่หลิงอวิ๋นจนกระทั่งงานเลี้ยงเต้นรำจบลง เขาต้องการพบเธอ แต่กลับถูกองค์ชายใหญ่ห้ามเอาไว้
“วันนี้น้องสาวบอกว่ารู้สึกเหนื่อย และขอให้ท่านกลับไปก่อน” สายตาของสวี่เจี้ยนอวิ๋นมองดูโอคาซีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
โอคาซีบ้านี้ทำอะไรให้น้องสาวรู้สึกไม่สบายใจกันแน่? ก่อนหน้านี้น้องสาวของเขายังดูมีความสุขอยู่เลย!
ฮึ่ม! พ่อหนุ่มคนนี้! เขาจะต้องจูบกับผู้หญิงคนอื่นตอนที่น้องสาวไม่ทันได้สังเกตแน่นอน!
แน่นอนว่าชายหนุ่มผู้ที่ไม่แยแสมักจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เมื่อเห็นผู้หญิง!
สวี่หลิงอวิ๋นลากสังขารอันหนักอึ้งของเธอกลับไปที่ห้อง
ขณะเดียวกัน สวี่รุ่ยอวิ๋น องค์ชายรองก็ได้สติตื่นขึ้นมา รู้สึกเหนื่อยล้าขณะจ้องมองไปที่หญิงสาวที่อยู่ด้านข้างเขา
“ลูตี้? ฮ่า ๆ! ยัยผู้หญิงสารเลว! เธอเอายาอะไรมาหยดใส่ฉัน?!” สวี่รุ่ยอวิ๋นจ้องมองหญิงสาวด้วยสายตาเย็นชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่านี่ไม่ใช่การกระทำครั้งแรกของหญิงสาวคนนี้ ซึ่งทำให้เขารู้สึกขยะแขยงเป็นอย่างมาก
“อย่าทำตัวเป็นหญิงสาววัยแรกแย้มไปหน่อยเลย ใครบ้างจะไม่รู้เรื่องขยะแขยงของเธอกับพ่อทูลหัว!” สวี่รุ่ยอวิ๋นจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าและรู้สึกว่าร่างกายของเขาแปดเปื้อนเพราะผู้หญิงคนนี้ เขาลุกขึ้นยืน และเดินตรงไปทางห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวจะอาบน้ำ
แต่ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างออก
ใช่แล้ว! ผู้ชายคนนั้นยังอยู่ในห้องกับน้องสาม!
ตามแผนเดิมที่เขาวางไว้ เขาตั้งใจจะหยดยาให้ยัยน้องสามเวียนศีรษะและกลับไปพักผ่อนที่ห้องของเธอเอง จากนั้นชายหนุ่มคนหนึ่งก็จะปรากฏตัวขึ้น…
เขาพาใครบางคนมาเพื่อทำการ ‘ย่ำยี’ เธอ…
ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในห้องของน้องสาม? ยังทันเวลาลงมืออยู่ไหม?!
ในห้องของสวี่หลิงอวิ๋นมีชายหนุ่มคนหนึ่งรอคอยเธออยู่เป็นเวลานาน เขาเป็นลูกนอกสมรสของขุนนางชนชั้นสูงจากจักรวรรดิอื่น
คืนก่อนหน้านั้น เขาได้รับบัตรเชิญให้มาเข้าร่วมงานเลี้ยงเต้นรำของจักรวรรดิชิงเหย้า
งานเลี้ยงเต้นรำตามแบบฉบับชนชั้นสูงเป็นสิ่งที่เขารอคอยมาเสมอ หากเขาสามารถเกี่ยวดองกับหญิงสาวผู้มีชื่อเสียงได้ ก็อาจจะสามารถขจัดตัวตนแห่งการเป็นลูกนอกสมรสและกลายเป็นผู้มีพลังชั้นสูงได้!
นั่นคือสาเหตุที่เขามายังจักรวรรดิชิงเหย้า และหลังจากนั้นเขาก็ได้รับข้อความลึกลับโดยกล่าวไว้ว่าให้ซ่อนตัวอยู่ในห้องและรอคอยให้หญิงสาวผู้สลบไสลกลับมา…
หากสำเร็จ เขาจะกลายเป็นผู้สูงส่งอย่างแน่นอน!
ถึงแม้ว่าจะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง ทว่าผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับจากความเสี่ยงนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้มีความสุขไปตลอดชั่วชีวิตแล้ว
แค่ลงมือทำ!
ทว่า…จี๋เป้ยตั้งตารอคอยแต่กลับไม่มีใครเข้ามา เกิดอะไรขึ้น? แผนการล้มเหลวเหรอ? จนกระทั่งเขาผล็อยหลับไปและสังเกตเห็นว่ามีใครบางคนเข้ามา
เขาซ่อนตัวอยู่หลังม่านและเห็นว่าหญิงสาวแสนสวยคนหนึ่งเดินเข้ามาทางประตู
“ว้าว! สวยอะไรขนาดนี้!” จี๋เป้ยรู้สึกว่าตนเองช่างโชคดีเหลือเกิน! เยี่ยมมาก! ตอนนี้ก็แค่รอให้เธอผล็อยหลับไป และเขาก็จะ…
สวี่หลิงอวิ๋นเดินเข้าไปในห้อง และรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ
สัมผัสที่หกของเธอกำลังบอกว่ามีใครบางคนเข้าอยู่ในห้องนี้!
เธอแปรสภาพพลังจิตให้กลายเป็นตาข่ายขนาดยักษ์ และค้นหาทั่วห้อง
อย่างที่คิดไว้! เธอเห็นผู้คนหนึ่งซ่อนตัวอยู่หลังม่านตรงระเบียง!
เยี่ยมไปเลย! ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับเธออยู่อีกเหรอ?! สวี่หลิงอวิ๋นกดปุ่มสัญญาณแจ้งเตือน จากนั้นจึงก้าวไปข้างหน้าและดึงม่านออก
จี๋เป้ยยังคงฝันหวาน เขาจ้องสังเกตด้วยสายตาเป็นประกาย ขณะที่ใบหน้าแสนสวยปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา
สวี่หลิงอวิ๋นดึงเขาลงมาจากบริเวณขอบหน้าต่าง อีกฝ่ายพยายามจะต่อต้าน แต่เขากลับถูกสวี่หลิงอวิ๋นจัดการจนหมดสติไป
ทันทีที่องครักษ์เข้ามาถึง พวกเขาก็พบว่าองค์หญิงสามกำลังยืนอยู่บนร่างของอีกฝ่ายด้วยเท้าเปลือยเปล่า ขณะที่ชายหนุ่มนอนอยู่ด้านล่างด้วยอาการสาหัส
“ฝ่าบาท ไม่เป็นอะไรนะพ่ะย่ะค่ะ?!” องครักษ์รู้สึกตกใจ!
คนแปลกหน้าบุกรุกเข้ามาถึงชั้นหอคอยขนาดเล็กขององค์หญิงสามได้อย่างไร?! นี่มันเป็นบาปหนาชัด ๆ! องครักษ์พวกนี้สะเพร่าเกินไปแล้ว!
โชคดีที่องค์หญิงสามมีพละกำลังที่แข็งแกร่ง ไม่เช่นนั้น…เหตุการณ์ชั่วร้ายที่คาดไม่ถึงคงจะเกิดขึ้น!
สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองชายที่อยู่บนพื้นด้วยสายตาเย็นชา “ฉันจะสอบสวนแกให้รู้เรื่อง!”
กล้าที่จะวางแผนทำเรื่องสารเลวต่อเธอ! หงุดหงิดจะตายอยู่แล้ว!
เดิมทีจักรพรรดิและจักรพรรดินีมีความสุขมาก หลังจากพักผ่อนได้เพียงครู่หนึ่ง พวกเขาเกือบจะผล็อยหลับไปแต่กลับได้ยินข่าวจากองครักษ์ว่ามีชายคนหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในห้องขององค์หญิงสาม!
“อะไรนะ? ไอ้สารเลวคนไหน?!” จักรพรรดิแทบจะเป็นลมลงตึง!
จักรพรรดินีรู้สึกโกรธจัด และรีบสวมเสื้อคลุมทันที “ไปตรวจสอบซะสิ!”
สวี่รุ่ยอวิ๋นกำลังเร่งรีบ ขณะที่หอคอยขนาดเล็กของสวี่หลิงอวิ๋นถูกห้อมล้อมไปด้วยองครักษ์ และชายคนนี้ให้การยอมรับว่าตนเองเป็นลูกนอกสมรสของชนชั้นสูงจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์
“ทำไมเจ้าคนนี้ถึงเข้ามาได้งานเต้นรำของเราได้?” สวี่รุ่ยอวิ๋นยิงคำถามเพื่อกระตุ้น
ถูกต้อง…มันเป็นไปไม่ได้ที่ชายคนนี้จะเข้ามาในพระราชวังของพวกเขา!
“ทำไม? ทำไมถึงไม่ตรวจสอบให้ดี!” ใบหน้าของจักรพรรดิดูไม่น่าจ้องมองนัก!
นี่คือแผนการที่ถูกวางมาล่วงหน้า!
“ติดต่อจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ไปเดี๋ยวนี้ เราล่ะอยากจะเห็นเหลือเกินว่าจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์จะทำอะไร! นี่คือการยั่วยุให้เกิดสงครามระหว่างจักรวรรดิใช่ไหม?!”
หัวใจของสวี่รุ่ยอวิ๋นเต้นแรงขึ้น ‘ทันที’ เขารู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยเมื่อจ้องมองใบหน้าที่โกรธจัดของเสด็จพ่อและท่าทีที่นิ่งเงียบแต่กลับเห็นด้วยของเสด็จแม่
“เสด็จพ่อเสด็จแม่ พวกเราควรคิดถึงผลในระยะยาวหรือเปล่า?” สวี่รุ่ยอวิ๋นรีบกล่าวขึ้น “ถ้าเรารีบป่าวประกาศแบบนี้ ชื่อเสียงของน้องสามจะไม่แย่เอาเหรอครับ?!”