ตอนที่ 283 การจู่โจมของศัตรูในมหาสงคราม 3
ตอนที่ 283 การจู่โจมของศัตรูในมหาสงคราม 3
ไกอายืนหลับตาด้วยท่าทีสงบนิ่ง ขอให้ไปสู่สุคตินะครับ!
เนี่ยหานยกดาบเล่มใหญ่และขวางไปทางสวี่หลิงอวิ๋น ทว่าสวี่หลิงอวิ๋นกลับสามารถหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย และกักขังพลังของเขาไว้โดยตรง!
เนี่ยหานถึงกับพูดไม่ออก
“พลังดวงดาวของฉันหายไปไหน?! แล้วพลังจิตล่ะ?!” เนี่ยหานตกตะลึง ขณะจ้องมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาหาเขาด้วยท่าทีสบาย ๆ “แกทำมันงั้นเหรอ?!”
สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า “ใช่ ฉันทำมัน!”
ก่อนจะเอื้อมมือออกไปยกเขาขึ้น “เอาล่ะ ตอนนี้แกถูกจับกุมแล้ว ถ้าอยากจะมีชีวิตรอดก็หุบปากแล้วสั่งลูกน้องของแกให้ยอมแพ้ซะ!”
“แกโลกสวยเกินไปแล้ว! พวกเราปีกพิสุทธิ์ยอมสละชีพในสนามรบเท่านั้น ไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด!” เนี่ยหานปฏิเสธออกมาอย่างเย็นชา
สวี่หลิงอวิ๋นเกือบจะหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น!
“ไม่เป็นไร ถ้าแกไม่อยากทำก็ช่างมันเถอะ ยังไงซะพวกแกก็แพ้อยู่ดี!” สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองไกอาที่อยู่ด้านหลัง “มาเถอะ มายึดครองชัยชนะด้วยกัน!”
ทหารส่วนใหญ่ของจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ถูกสวี่หลิงอวิ๋นเปลี่ยนให้กลายเป็นคนธรรมดา
ต่อให้วิ่งหนีก็ไม่อาจเอาชนะได้ และต่อให้สู้ก็อย่าได้หวังว่าจะชนะ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะร้องขอความช่วยเหลือจากด้านนอก แต่นักรบเหล่านั้นกลับถูกปิดกั้นไม่ให้เข้ามา
สวี่หลิงอวิ๋นใช้พลังดวงดาวแปรสภาพเป็นเชือกจำนวนนับไม่ถ้วน ผูกทหารพวกนี้เข้าด้วยกัน
“ไม่เป็นไร แค่พูดกันตรง ๆ บางทีถ้าฉันอารมณ์ดีก็อาจจะไว้ชีวิตพวกแกก็ได้นะ” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวออกไปอย่างเกียจคร้าน
“ถ้ามีความสามารถก็ฆ่าพวกเราเลยสิ” ทหารจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ยั่วยุสวี่หลิงอวิ๋น
สวี่หลิงอวิ๋นมองดูและยิ้มเยาะ “ฉันไม่เคยได้ยินคำขอแบบนี้มาก่อนในชีวิตเลย ในเมื่อแกไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ ฉันก็จะสงเคราะห์ให้!”
เธอกล่าวและใช้ฝ่ามือเคาะเข้ากับศีรษะของทหารเล็กน้อย ทันใดนั้นศีรษะของทหารก็ผงกลงและเสียชีวิตในที่สุด
ทหารจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์รู้สึกหวาดกลัวขณะที่ขาทั้งสองข้างของพวกเขากำลังสั่นเทา ทำไมถึงมีคนแบบนี้อยู่? เธอเป็นปีศาจหรือไง? ทำไมเคาะศีรษะเพียงนิดเดียวถึงสามารถทำให้คนตายได้?
“แค่กลเล็กน้อยน่ะ ไม่น่าพูดถึงนักหรอก” สวี่หลิงอวิ๋นกำหมัดของเธอราวกับนักแสดง และกล่าวกับทหารจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ที่ถูกเชือกมัดอยู่ด้านล่าง
ทหารจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ก้มศีรษะลงเงียบ ๆ นี่คือกลเล็กน้อยอย่างนั้นหรือ?
หากนี่คือกลเล็กน้อย แล้วมันคืออะไรกันแน่?
ใช่การเปลี่ยนแปลงหรือไม่?
เนี่ยหานถูกไกอามัดไว้กับพื้นและลากออกไป
“ไม่คิดเลยว่าแกจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับ 9 ดาว” เนี่ยหานคาดเดากับตนเองถึงโอกาสความเป็นไปได้ของระดับ 9 ดาว เนื่องจากเขายังไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญระดับ 10 ดาวในจักรวรรดิชิงเหย้า
และเสียงของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าของเขายังดูเด็กมาก คาดว่าน่าจะยังไม่เกินยี่สิบปี
“โย่ นายฉลาดดีนี่ ไม่แปลกใจที่จะได้เป็นผู้บังคับบัญชา” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวติดตลก “ยังไงซะนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้รับบทนักโทษ รู้สึกยังไงบ้างล่ะ?”
ใบหน้าของเนี่ยหานบูดบึ้งไม่พูดไม่จา
สวี่หลิงอวิ๋นไม่สนใจเขาอีกต่อไป และหันไปทางเหล่าทหารของจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ที่ถูกมัดไว้รวมกันว่า “ใครจะบอกฉันได้ว่าคลังเก็บกระสุนและเสบียงอาหารอยู่ที่ไหน?”
ทหารทั้งหลายจ้องมองไปที่เนี่ยหานเงียบ ๆ และไม่ตอบอะไร
สวี่หลิงอวิ๋นส่ายหัว ก่อนจะใช้กลปีศาจชั่วร้ายทำให้เขาหมดสติลง จากนั้นจึงหันไปพูดกับทหารจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ที่อยู่ใกล้ที่สุดว่า “เอาล่ะ ตอนนี้จะบอกฉันได้หรือยัง?”
ทหารทั้งหลายรู้สึกลังเล หากกล่าวกันตามตรงใครกันจะกล้าทรยศต่อประเทศชาติ?
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีชีวิตรอดมาได้ แต่คงไม่อาจมีวันที่ดีในอนาคตอย่างแน่นอน!
“อย่าได้พูดว่าไม่ออกมาเชียว ถ้าแกไม่กล้าพูดก็ตายไปซะ” สวี่หลิงอวิ๋นเคาะหน้าผากของเขาเล็กน้อย ก่อนกลายเป็นร่างที่ไร้เสียง
เธอจ้องมองไปที่นายอีกนาย “ในเมื่อมันไม่กล้าพูด แกอยากจะพูดแทนไหม?”
“ว่ากันตรง ๆ ต่อให้พวกแกจะพูดหรือไม่ ยังไงฉันก็จะค่อย ๆ หามันเจออยู่ดี” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวออกมาทีละถ้อยคำ “ฉันให้โอกาสพวกแกแล้วนะ เนี่ยหานก็ไม่รู้ว่าพวกแกพูดอะไรอยู่ดีไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อทหารจ้องมองสหายร่วมรบของเขาที่เสียชีวิตลงครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งที่เคยพูดคุยหัวเราะด้วยกัน แต่ตอนนี้กำลังจะกลับไปเวียนว่ายตายเกิด เขาก็รู้สึกหวาดกลัวมายิ่งขึ้น
“ผมจะพูด”
ทหารพูดถึงข้อมูลทุกอย่างที่เขารู้ “ผมรู้ลูกกระสุนถูกเก็บไว้ในเขตแดนสามฝั่งตะวันออก แต่ไม่รู้ว่าเสบียงอาหารถูกเก็บไว้ที่ไหน”
“งั้นใครรู้ก็บอกฉันมา”
“พวกเราไม่รู้หรอกครับ มีแค่พลเอกเนี่ยหานเท่านั้นที่รู้” ทหารตอบกลับครั้งแล้วครั้งเล่า
“ปกติแล้วพวกหุ่นยนต์จะเป็นคนเก็บเสบียงอาหารและของอย่างอื่น”
สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า
มีความจริงอยู่เพียงหนึ่งถึงสองข้อ ท้ายที่สุดแล้ว เสบียงอาหารเป็นวัตถุดิบที่สำคัญที่สุดในสงคราม
“เอาล่ะ ไปหาอาวุธกันก่อนแล้วกัน”
นอกจากผนังด้านนอกของยานอวกาศที่มีตราสัญลักษณ์จักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ติดอยู่ สถานที่ส่วนอื่นก็ถูกสวี่หลิงอวิ๋นครอบครองไปจนหมด ขณะที่ทหารของจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ถูกมัดรวมกันและลากไปกับพื้น
ตอนนี้แหล่งจ่ายพลังงานของยานอวกาศกลับมาใช้งานได้ปกติเรียบร้อย ทว่าส่วนอื่นยังคงอยู่ในขั้นตอนการซ่อมแซม
สวี่หลิงอวิ๋นไม่ได้สนใจมากนัก…
ทุกคนที่พบกับสวี่หลิงอวิ๋นจะถูกมัดรวมไว้และลากไปกับพื้น ส่วนไกอามีหน้าที่ลากคนเหล่านั้นให้ตามหลังมา
ทว่าจำนวนคนที่มากเกินไปทำให้ยากเกินกว่าจะลากไหว หน้าผากของไกอาจึงเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ
“ทำไมคนพวกนี้ถึงดูหนักนัก? ถ้าเกิดมันหนักเกินไปก็ฆ่าทิ้งสักสองสามคน นายจะได้ไม่ต้องมานั่งลำบาก อีกอย่างเหลือนักโทษไว้แค่ไม่กี่คนก็พอ”
น้ำเสียงของสวี่หลิงอวิ๋นที่ทำเหมือนการฆ่าแกงกันเป็นเรื่องง่ายดาย ทำให้ทหารของจักรวรรดิปีกพิสุทธ์ที่อยู่ด้านหลังรู้สึกหวาดกลัว
รีบลุกขึ้นและเดินตามไป
ไกอาถอนหายใจด้วยความโล่งอกขณะจ้องมองนักโทษปีกพิสุทธิ์ที่อยู่ด้านหลัง เขาครุ่นคิดว่าทำไมพวกนี้ถึงทำตัวเหมือนไม่มีกระดูกสันหลังนัก!
แต่พอองค์หญิงสามทำให้พวกเขาหวาดกลัว พวกเขากลับลุกขึ้นยืนและเดินตามมา!
ทหารทั้งหลายจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ไม่คาดคิดว่าหญิงสาวคนนี้จะทำให้พวกเขาหวาดกลัวได้!
มองดูรังสีอำมหิตในดวงตาคู่นั้นสิ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต่อสู้ในสนามรบมาหลายปีแล้วแต่ก็ยังอ่อนไหวกับรังสีอำมหิตเป็นอย่างมาก
พวกเขาสามารถรับประกันได้ว่าหากไม่ให้ความร่วมมือ พวกเขาคงจะโดนเคาะกะโหลกอีกเป็นแน่
หากกล่าวตามตรง ถึงแม้ว่าเหล่าทหารจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์จะไม่เกรงกลัวต่อราชาเอเลี่ยน ทว่าพวกเขากลับรู้สึกหวาดกลัวสวี่หลิงอวิ๋นมากกว่าใคร ๆ
หากไม่ให้ความร่วมมือ หญิงสาวคนนี้จะกลายเป็นมือสังหารอย่างสมบูรณ์แบบ!
ณ เขตแดนสามฝั่งตะวันออก
สวี่หลิงอวิ๋นเดินเข้าไปในคลังเก็บของที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด
“มีลูกกระสุนอยู่ทุกชนิดเลยแฮะ” ตู้ทั้งหลายเรียงรายกันอยู่ในห้อง ด้านหน้าของตู้ทุกใบจะมีป้ายต่าง ๆ บอกชนิดของอุปกรณ์
“ป้ายแต่ละอันสอดคล้องกับอาวุธสินะ” สวี่หลิงอวิ๋นสั่งให้ทหารจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์เปิดตู้และมองดูปุ่มมิติกักเก็บที่อัดแน่นกันอยู่ด้านใน
“ว้าว เก็บเกี่ยวให้หมด! เก็บเกี่ยว!” สวี่หลิงอวิ๋นปรบมือและร้องออกมาอย่างมีความสุข!
น่าทึ่งเป็นบ้าเลย!
เดินเข้าไปเก็บ! เก็บออกมาให้หมด!
ไกอามองหากระเป๋าใหญ่ และเอาปุ่มมิติกักเก็บทั้งหมดใส่เข้าไปในกระเป๋า