ตอนที่ 292 การช่วยชีวิตจากมหาสงคราม 7
ตอนที่ 292 การช่วยชีวิตจากมหาสงคราม 7
แม้ว่าดาวเคราะห์ทั้งสามดวงจะได้รับความสูญเสีย ทว่าข่าวดีก็คือมีผู้รอดชีวิตจำนวนมาก
โอคาซีรีบติดต่อหาสวี่หลิงอวิ๋นทันทีที่ผ่านพ้นวิกฤต และรู้สึกโล่งใจเมื่อรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายพ้นภัยอันตรายแล้ว
ชาร์ลเริ่มดูรายการถ่ายทอดสดหลังจากสงครามจบลง พวกเขาใช้เวลาอันน้อยนิดเฝ้าดูพลังอันยิ่งใหญ่ขององค์หญิงสาม!
“เชี่ย! องค์หญิงสามเจ๋งสุด ๆ ไปเลยใช่ไหม?” ชาร์ลรู้สึกถึงความเยือกเย็นในหัวสมอง การปรากฏตัวของนักรบผู้เลือดร้อนมักดูน่าทึ่งเสมอ!
“เมื่อไหร่ฉันจะมีทักษะเหมือนองค์หญิงสามบ้าง!” ชาร์ลรู้สึกอิจฉาจนแทบบ้า! อย่างน้อยก็ควรจะมอบทักษะรอบด้านแบบนั้นให้ผู้ชายบ้างไม่ใช่เหรอ?
นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งของจักรวรรดิชิงเหย้ารู้สึกตื่นเต้นและภูมิใจมาก!
การฝึกฝนพลังจิตของพวกเขาราบรื่นขึ้นเรื่อย ๆ แต่ข้อเสียคือเจ้าใบไม้ตัวน้อยคอยกระตุ้นให้พวกเขาฝึกฝนทุกวัน และพวกเขามักจะถูกทุบตีแม้แต่ความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ เสมอ
ดังนั้นพวกเขาจึงต้องฝึกฝนอย่างหนัก…
โชคดีที่การฝึกฝนรอยประทับทำให้พลังจิตของพวกเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และพวกเขารู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เห็นต้นกล้ากระจิริดนี้เจริญงอกงามขึ้น
ตอนนี้ห้องสนทนาของนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งไม่เกี่ยวข้องกับรายการบันเทิง รายการโทรทัศน์ และดาราอีกต่อไป
พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนคุยเกี่ยวกับ…
‘วันนี้ต้นกล้าน้อยของนายโตขึ้นกี่เซน?’
‘ต้นกล้าน้อยคอยกระตุ้นให้พวกนายฝึกฝนมะ?’
‘ต้นกล้าน้อยทุบตีนายไหม? มันโกรธหรือเปล่า?’
…
พวกเขาปฏิบัติการฝึกฝนอย่างเคร่งครัด เพื่อหวังว่าสักวันหนึ่งพวกเขาจะสามารถเข้าร่วมกองทัพขององค์หญิงสามและแสดงความจงรักภักดีต่อหัวหน้าได้
ต้องตามหัวหน้าไปกินเนื้อให้ได้! พวกเขาครุ่นคิดเช่นนี้
เมื่อไหร่ที่เห็นเปลวไฟแห่งสงครามลุกโชน เมื่อนั้นจะเป็นเวลาที่พวกเขาต้องเข้าสู่สนามรบ
“ขอให้จักรวรรดิของเราจงเจริญ” นี่คือสิ่งที่ทุกคนกำลังตั้งจิตอธิษฐาน
จักรวรรดิเอเดนและจักรวรรดิเหมยรุ่ยเข้ามาเสริมกองทัพ
ดาวเคราะห์ที่เสียหายอยู่ในตำแหน่งสำคัญ สวี่เทียนอวี๋จึงสั่งการสวี่หลิงอวิ๋นอีกครั้ง และรีบกระจายกำลังเสริมจากจักรวรรดิเอเดนและจักรวรรดิเหมยรุ่ยไปยังพื้นที่ที่เสียหายทันที!
ขณะเดียวกัน โอคาซีมีหน้าที่รับผิดชอบในการประสานงานกับเฝ้าดูสถานการณ์โดยรวม และคอยป้องกันตำแหน่งที่ประจำการอยู่
โอคาซีทำอะไรไม่ถูก รู้เพียงแต่เชื่อฟังคำสั่งของจักรพรรดิ
สำหรับผู้บังคับบัญชาคนอื่น พวกเขาได้รับคำสั่งให้เฝ้าระวังดาวเคราะห์ทั้งหลาย
สวี่หลิงอวิ๋นออกเดินทางอีกครั้ง
สวี่เจี้ยนอวิ๋นไม่มีเวลามากพอที่จะดึงตัวน้องสาวออกมาพูดคุยหรือแสดงความขอบคุณ ไม่มีแม้แต่เวลาจะอาบน้ำ เนื่องจากได้รับคำสั่งใหม่มาอีกครั้ง
สวี่เจี้ยนอวิ๋นทุบกำแพงอย่างบ้าคลั่งเมื่อจ้องมองไปที่แผ่นหลังของสวี่หลิงอวิ๋น
“พวกเจ้าพูดบ้าอะไรกัน เราเป็นถึงพี่ชายใหญ่ แต่กลับต้องมาชื่นชมชัยชนะอยู่ที่นี่ ทั้งที่น้องสาวต้องออกเดินทางไปสนามรบหลายแห่ง และไม่มีได้เวลาให้หยุดพัก”
ถงอู๋จ้องมององค์ชายใหญ่และพยายามโน้มน้าวว่า “จะมีที่ไหนในโลกนี้บ้างที่มีองค์หญิงสามถึงสองคน? องค์หญิงสามของเราแข็งแกร่งที่สุด และเป็นถึงอนาคตของจักรวรรดิชิงเหย้านะพ่ะย่ะค่ะ”
สวี่เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้าและถอนหายใจ
“เราแค่รู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์”
ไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวที่คิดแบบนี้ แต่ใครก็ตามที่ได้เผชิญหน้ากับองค์หญิงมักจะรู้สึกแบบนี้เช่นกัน
จู่ ๆ สวี่เจี้ยนอวิ๋นก็หัวเราะออกมา
“เจ้าบอกว่าเราดูหวาดกลัวทุกครั้งที่มองดูน้องสาวตัวเอง แล้วโอคาซีตกหลุมรักเธอได้ยังไง?” สวี่เจี้ยนอวิ๋นจินตนาการถึงความสัมพันธ์ทั้งสองคน และอดไม่ได้ที่หัวเราะ ‘คริคริ’ ออกมา
“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าองค์หญิงสามน่าจะอ่อนโยนต่อหน้าพลเอกโอคาซีหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ? ท่านอย่าได้เป็นกังวลกับท่านพลเอกโอคาซีเลยพ่ะย่ะค่ะ”
ถงอู๋มองดูท่าทางของฝ่าบาทที่กำลังรู้สึกยินดีในความโชคร้ายของคนอื่น
“ดูเจ้าพูดเข้า เราจะไม่กังวลได้ยังไง? ถ้าเกิดโอคาซีกับน้องสาวรู้สึกเข้ากันไม่ได้ขึ้นมาล่ะ? น้องสาวคงเสียใจน่าดู!” สวี่เจี้ยนอวิ๋นกล่าวออกมาอย่างจริงจัง “เราก็ต้องคิดเผื่อไว้สิ ถ้าเกิดสองคนนั้นทะเลาะกันอีกล่ะ?”
“แล้วถ้าโอคาซีเสียใจล่ะ?”
ถงอู๋ส่ายหัวอย่างเหลืออดและเดินจากไป องค์ชายใหญ่ ท่านควรหัดมีความสุขเสียบ้างนะพ่ะย่ะค่ะ
สวี่หลิงอวิ๋นอดหลับอดนอนตลอดทั้งคืน
ถึงแม้จะมีเจ้าตัวน้อยทั้งหลายคอยเป็นพลังจิตสำรองให้เธอ ทว่าพลังจิตของเธอกลับอ่อนล้าลงและต้องการการพักผ่อน
ระหว่างทาง สวี่หลิงอวิ๋นอาบน้ำชำระล้างรอยเลือดบนยานรบอวกาศอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ทหารจะนำชุดแบบใหม่มาให้เธอ…
“ยังอีกไกลจากจุดหมายมากไหม?” สวี่หลิงอวิ๋นเอนตัวลงบนเก้าบัญชาการและหลับตาลง
“พ่ะย่ะค่ะ เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงพ่ะย่ะค่ะ”
หลี่อาหรัน รองผู้บังคับบัญชาการอีกคนตอบรับ
“ฉันจะพักสายตาสักสิบนาที ถ้าถึงแล้วแค่มาเรียกฉัน”
“พ่ะย่ะค่ะ ท่านผู้บัญชาการ” หลี่อาหรันจ้องมององค์หญิงสามด้วยความชื่นชม
เธอคงเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไปต่อสู้ใช่ไหม? ดูสิ พอหลับตาลงเท่านั้น เสียงกรนก็ดังขึ้นทันที
เสียงฝีเท้าของทุกคนเบาลงเพราะเกรงกลัวว่าจะเผลอทำให้องค์หญิงสามตื่นขึ้นมาหรือไปรบกวนฝันอันแสนหวานของเธอ
เมื่อมองใบหน้าขององค์หญิงสาม แท้จริงเธอเป็นเพียงเด็กสาวที่เติบโตขึ้นเท่านั้น ควรจะได้สนุกสนานไปกับการเรียนรู้ในสถาบันโดยที่ไม่ต้องมีเรื่องกังวลอะไร…
องค์หญิงองค์อื่นที่อายุเท่าองค์หญิงสามต่างได้รับการปรนนิบัติที่ดีในพระราชวัง ได้เปลี่ยนชุดราตรีสวยงาม นั่งดื่มชายามบ่าย และรับประทานติ่มซำอร่อย ๆ
แต่องค์หญิงสามของพวกเขากลับต้องมาต่อสู้กับศัตรู เมื่อแก้ไขวิกฤตการณ์บนดาวเคราะห์สองดวงสำเร็จ ก็ต้องไปที่แก้ปัญหาต่อที่ดวงเคราะห์ดวงที่สาม
“ท่านผู้บัญชาการหลี่ ยานรบอวกาศของจักรวรรดิเอเดนส่งข้อความมาให้ตอบกลับโดยด่วน”
“ได้ เข้าใจแล้ว” หลี่อาหรันเดินไปที่ประจำการที่แท่นส่งสัญญาณ
ทันทีที่เชื่อมต่อวิดีโอ ชายรูปงามคนหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นต่อหน้าเขา
หลี่อาหรันจำได้ในทันทีว่านี่คือแลนเซล็อต องค์ชายรัชทายาทแห่งจักรวรรดิเอเดน
“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายรัชทายาทแลนเซล็อต กระหม่อมคือหลี่อาหรัน รองผู้บัญชาการขององค์หญิงสามพ่ะย่ะค่ะ”
หลี่อาหรันทำความเคารพ
แลนเซล็อตขมวดคิ้วขณะจ้องมองหลี่อาหรัน และเอ่ยถามว่า “องค์หญิงสามล่ะ เป็นอะไรไหม?”
“ฝ่าบาทบรรทมอยู่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจึงไม่อยากรบกวน ท่านมีอะไรหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ?”
หลี่อาหรันลดระดับเสียงลงและถาม
“ตอนนี้ไม่มีอะไร แค่อยากจะบอกว่าพวกคุณอย่าเพิ่งมาที่ดาวเคราะห์เอบีสาม” แลนเซล็อตกล่าว “ดาวเคราะห์ที่เสียหายสามดวงเชื่อมต่อกัน ถ้าเราตรงดิ่งไปช่วยเหลือพวกเขาทันที ดาวเคราะห์อีกสองดวงอาจจะถูกล้อมได้”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” หลี่อาหรันพยักหน้า “กระหม่อมจะรีบเปลี่ยนตำแหน่ง และแจ้งองค์หญิงสามทันที”
แลนเซล็อตพยักหน้า
เขามองลอดหลี่อาหรันและพบเข้ากับขากางเกงสีเงินที่โผล่ออกมาเล็กน้อย
ต้องเป็นสวี่หลิงอวิ๋นแน่ ๆ
เขาอ้าปากกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่ได้พูดออกไป
ช่างเถอะ รอให้สงครามจบลงก่อนก็ได้
อย่างไรเสีย เขาก็กำลังจะได้พบเธอในอีกครึ่งชั่วโมง