ตอนที่ 297 การล้างแค้นของมหาสงคราม 4
ตอนที่ 297 การล้างแค้นของมหาสงคราม 4
เมื่อคิดว่าพวกสารเลวจากจักรวรรดิชิงเหย้ากำลังโจมตีพวกเขาด้วยอาวุธของพวกเขาเอง เหล่าทหารของจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์กลับรู้สึกไม่สบายใจราวกับกลืนแมลงวันเข้าไป
“แย่แล้ว ท่านรอง!” ทหารนายหนึ่งวิ่งเข้ามารายงานด้วยท่าทีตื่นตระหนก “เกราะป้องกันพลังงานกำลังจะหายไป”
“เกิดอะไรขึ้น? อยู่นานกว่านี้สักยี่สิบนาทีไม่ได้เหรอ? ทำไมถึงหายไปในเวลาแค่สิบนาที?”
“ท่านครับ เดิมทีเกราะป้องกันพลังงานพร่องลงไปเยอะแล้ว ตอนนี้พลังงานของเรายังไม่มีเพียงพอ เพราะงั้นเกราะป้องกันพลังงานเลยไม่สามารถรองรับเป็นเวลานานได้”
ช่างเทคนิคพูดออกมาอย่างไม่มีทางเลือก
“ไปรายงานพลเอกมาการ์” ผู้ช่วยส่ายหัวอย่างเหลืออดขณะพูดออกไปเช่นนั้น หากตัวเขามีอำนาจในกำมือมากพอ เขาคงจะไปรายงานเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
แต่น่าเสียดายที่พลเอกมาการ์ไม่ไว้ใจผู้ช่วยเหล่านี้ และคิดว่าพวกเขาเป็นเพียงคนที่ไร้ประโยชน์
“ครับ ท่านรอง” ช่างเทคนิครีบส่งข้อความหาพลเอกมาการ์ในทันที
มาการ์ยังคงฝันหวาน แต่ในเวลาไม่ถึงสิบนาที ช่างเทคนิคก็ทำลายจินตนาการอันแสนหวานของเขา
“นายว่าไงนะ? เกราะป้องกันพลังงานรับรองไม่ไหวเหรอ?” มาการ์รู้สึกวิตกกังวลเล็กน้อย “แล้วดาวเคราะห์อีกสองดวงล่ะ?”
ทันทีที่น้ำเสียงของเขาสิ้นสุดลง ช่างเทคนิคจากดาวเคราะห์ทั้งสองดวงก็มารายงานว่าเกราะป้องกันพลังงานไม่สามารถรองรับได้อีกต่อไปเช่นกัน
“เราไม่มีแร่พลังงานอีกเหรอ?” มาการ์เตรียมความพร้อมสำหรับการสู้รบเสมอ แต่กลับไม่ได้สนใจเกี่ยวกับการสนับสนุนของกองหลังมากนัก เนื่องจากเขาคิดว่าจักรวรรดิจะเตรียมการสำหรับเขา
“แร่พลังงานมีไม่พอครับ” ใบหน้าของช่างเทคนิคเหยเก “ท่านพลเอก ควรทำยังไงดีครับ?”
“ควรทำยังไงงั้นเหรอ? ก็ให้ทหารไปประจันหน้ากับศัตรูสิ!” มาการ์ตะคอก “พวกแกโง่จนไม่รู้ว่าต้องทำอะไรเลยหรือไง? ในเมื่อตอนนี้เกราะป้องกันหายไปแล้ว ทำไมไม่รีบไปโจมตีซะล่ะ? มัวรออะไรอยู่? รอตัดริบบิ้นหรือไง?”
ช่างเทคนิคที่ถูกตำหนิวางสายสนทนาทางวิดีโอลงเงียบ ๆ
“ท่านรอง ควรทำยังไงดีครับ?” ช่างเทคนิคถอนหายใจและหันไปถามผู้ช่วยผู้บังคับบัญชา
“จะทำอะไรได้ล่ะ? ก็ทำตามที่ท่านพลเอกมาการ์สั่ง” ผู้ช่วยจัดแจงชุดเครื่องแบบสู้รบ สวมเกราะป้องกันบนศีรษะ และเดินไปที่เครื่องบินรบ
“ท่านรอง ท่านกำลังทำอะไร? ท่านจะออกไปรบเหรอครับ? อย่าไปเลยครับ ตอนนี้เครื่องบินรบของเรากำลังขาดแคลนกระสุน การขึ้นไปบนนั้นก็ไม่ต่างกับการฆ่าตัวตาย”
ช่างเทคนิคตกตะลึงและรีบหยุดผู้ช่วยเอาไว้
“ไม่ต้องห้ามผมหรอก มันไม่มีประโยชน์” ผู้ช่วยตอบรับ “ถ้าเราสูญเสียจุดยืนก่อนที่กองกำลังเสริมจะมาถึง เราเองจะกลายเป็นฝ่ายแพ้”
“ดูจากนิสัยของฝ่าบาทสเปนเซอร์แล้ว พวกเราทั้งหมดจะต้องถูกส่งไปศาลทหารแน่นอน”
เดิมทีดาวเคราะห์ทั้งสามดวงถูกโจมตี แต่ตอนนี้ดาวเคราะห์ทั้งสามดวงกำลังจะถูกยึดกลับคืนไปอีกครั้ง มันช่างเป็นเรื่องที่น่าละอายใจยิ่งนัก
ไม่จำเป็นต้องพูดถึงฝ่าบาท แค่พลเอกมาการ์เองก็จะต้องโยนความผิดมาให้ผู้ช่วยอย่างพวกเขาแน่นอน
เนื่องจากพลเอกมาการ์ไม่เคยสนใจเรื่องนี้มาก่อน ผู้ช่วยทั้งหลายจึงต้องคิดทบทวนเรื่องนี้กันเอง
ในความจริงแล้ว ผู้ช่วยทั้งหลายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคลังเก็บกระสุนอยู่ที่ไหน? เพราะพลเอกมาการ์ไม่เคยคิดจะส่งมอบกุญแจกักเก็บเสบียงของสำคัญเหล่านี้ให้กับพวกเขา
ช่างเทคนิคถอนหายใจ และล้มเลิกที่จะหยุดอีกฝ่ายไว้
“เกราะป้องกันกำลังจะหายไปแล้ว ทุกคนเดินหน้าสุดกำลัง!” สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกตื่นเต้นมาก อยากจะกระโดดออกจากเครื่องบินรบไปต่อสู้เอาเป็นเอาตายกับศัตรูที่อยู่ด้านล่าง
“ท่านใจเย็น ๆ นะพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ท่านเป็นผู้บัญชาการสูงสุด ถ้าท่านลงไปต่อสู้กับพวกศัตรู แล้วเราจะจัดการกับสถานการณ์ล่าสุดกันยังไง?” หลี่อาหรันตกใจ และรีบดึงองค์หญิงสามเอาไว้ ไม่ให้เธอไปไหน
“โอ๊ย! ฉันรู้แล้วน่า อย่าดึงนักสิ จะอะไรกันขนาดนี้!” สวี่หลิงอวิ๋นพูดอย่างเหลืออด
“การโจมตีของจักรวรรดิเอเดนกับจักรวรรดิเหมยรุ่ยเป็นยังไงบ้าง?”
เมื่อได้ยินว่าองค์หญิงสามสอบถามเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว หลี่อาหรันก็ปล่อยมือและตอบว่า “เป็นไปด้วยดีพ่ะย่ะค่ะ”
“ตามที่องค์ชายแลนเซล็อตคาดการณ์ไว้ เสบียงอาหารและกระสุนของพวกเขากำลังขาดแคลนกันอย่างมาก”
จากการคาดการณ์ในการประชุมก่อนหน้านี้ สวี่หลิงอวิ๋นกับไกอาได้ออกไปหลอกล่อเอเลี่ยนเกอหลัว พวกเธอจึงไม่รู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์ขององค์ชายรัชทายาทแลนเซล็อต
หลี่อาหรันพูดด้วยน้ำเสียงชื่นชม “องค์ชายรัชทายาทแลนเซล็อตเฉลียวฉลาดตามที่ข่าวลือว่าไว้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
“ก็ต้องแน่อยู่แล้วสิ! ถ้าไม่ฉลาดพอ จะรักษาสถานะองค์รัชทายาทไว้ได้ยังไง?”
“ในเมื่อพวกนั้นกำลังขาดแคลนลูกกระสุน พวกเราจะต้องโจมตีด้วยพลังการยิงที่เหนือกว่า และไม่ต้องกั๊กลูกกระสุนอะไรเอาไว้ทั้งนั้น” สวี่หลิงอวิ๋นสั่งการเหล่าทหารผ่านอุปกรณ์การสื่อสาร “จัดดอกไม้ไฟให้ฉันหน่อย ฉันอยากจะเห็นดอกไม้ไฟสวย ๆ”
“รับทราบ” เหล่าทหารอาจไม่ได้พูดจาสวยหรู แต่คำพูดที่เรียบง่ายเหล่านี้กลับต้องบีบเค้นออกมาอย่างหนักหน่วง!
ในเมื่อฝ่าบาทอยากเห็นดอกไม้ไฟ พวกเขาก็จะเติมเต็มปรารถนาของฝ่าบาท
“เอาล่ะ เจ้าตัวน้อยทั้งหลาย จุดดอกไม้ไฟกันได้!”
อีกไม่นานทหารจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์คงจะต้านทานไม่ไหว พวกเขาไม่มีลูกกระสุนเพียงพอ อีกทั้งยังต้องใช้มันอย่างประหยัด นอกจากนี้ยังถูกโจมตีอย่างรุนแรงจนไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้ และทำได้เพียงวิ่งหลบไปมาอยู่บนพื้น
“เฮ้ย! เจ้าพวกโง่เอาแต่ซ่อนตัวกันทำไม? ก่อนหน้านี้อาละวาดนักไม่ใช่เหรอ? ถ้ามีความสามารถก็ออกมาสู้กัน” ทหารที่อยู่ในช่องส่งสัญญาณก่นด่าทหารจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์
ทันทีที่อารมณ์พลุ่งพล่านเกิดขึ้นกลางสนามรบ พวกเขาก็ลืมไปเสียสนิทว่าหญิงสาวผู้ส่งศักดิ์คนหนึ่งกำลังรับฟังช่องรับสัญญาณอยู่
ไม่เพียงแต่ทหารคนนี้จะหลงลืม แต่ทหารอีกหลายคนก็ลืมนึกเช่นกัน
“เฮ้ย! ไอ้บ้าอย่าวิ่งหนีสิวะ แกเพิ่งยิงมาใส่ฉันไม่ใช่หรือไง? ทำไมวิ่งหนีไปซะแล้วล่ะ? เดี๋ยวเจอฉันตีลังกายิงสวนกลับให้!”
“บัดซบ ท่าตีลังกากลับหลังมันขี้อวดไปหน่อยป่ะ? เดี๋ยวเจอฉันยิงดิ่งหนึ่งร้อยไมล์!”
“เชี่ย!! มีคนบินเข้ามาชนหางเครื่องฉัน ทุกคนช่วยฉันด้วย” ทหารนายหนึ่งร้องขอความช่วยเหลือท่ามกลางบทสนทนา
“ได้เลยครับเพื่อน รอก่อน จะไปช่วยเดี๋ยวนี้ล่ะ”
สวี่หลิงอวิ๋นฟังบทสนทนาของเด็กแสบทั้งหลายในช่องส่งสัญญาณ หัวใจของเธอคันยุบยิบเพราะอยากจะไปเข้าร่วมด้วย
แต่เมื่อเหลือบเห็นน้าชายอายุสี่สิบปีที่กำลังจ้องเธอเขม็งจากด้านข้าง… ช่างมันเถอะ! สวี่หลิงอวิ๋นปลอบใจตัวเอง
ยังมีสนามรบรอเธออยู่อีกมากมาย ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร!
มาการ์เร่งกองกำลังเสริมที่อยู่ระหว่างทางด้วยความสิ้นหวัง
“พวกท่านใกล้จะถึงหรือยังครับ? เรากำลังขาดกระสุน ถ้าพวกท่านยังไม่รีบมาอีก ดาวเคราะห์ทั้งสามดวงจะถูกยึดกลับไปแน่นอน”
“ใกล้จะถึงแล้ว อดทนรอไปก่อนอีกสามสิบนาที” เสียงตอบรับจากหลี่จื้อผิง จอมพลที่เข้ามาเป็นกองกำลังสนับสนุนในครั้งนี้
“สามสิบนาที? ถ้าให้รออีกสามสิบนาทีมันคงสายไปแล้วล่ะครับ!”
มาการ์พยายามยับยั้งคำหยาบคายในปากที่โพล่งออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว! เขารู้สึกโกรธจัดจนอยากเขวี้ยงไม้กวาดใส่หลี่จื้อผิงที่อยู่ตรงหน้า
นี่คือคำพูดที่หลุดออกมาจากปากคนอย่างนั้นเหรอ?
ฝ่าบาทสเปนเซอร์ส่งคนแบบนี้มาเป็นกองกำลังสนับสนุนเขาได้อย่างไร? ใคร ๆ ก็รู้ว่าจอมพลหลี่จื้อผิงเป็นแค่ชายร่างใหญ่ที่ไม่มีความสามารถอะไรเลย!