สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ [她靠吃播征服星际 – ตอนที่ 310 ถั่วชมพูแสดงอิทธิฤทธิ์ในมหาสงคราม 5

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ [她靠吃播征服星际

ตอนที่ 310 ถั่วชมพูแสดงอิทธิฤทธิ์ในมหาสงคราม 5

ตอนที่ 310 ถั่วชมพูแสดงอิทธิฤทธิ์ในมหาสงคราม 5

“เมี๊ยว…พร้อมกันหรือยัง?” ถั่วชมพูมองดูดาวเคราะห์ที่มีมนุษย์พลุกพล่านอยู่ด้านหน้า

มันใช้กรงเล็บแมวเกาหัวที่เต็มไปด้วยขนปุย และเอ่ยถามลูกสมุนที่อยู่ด้านหลังด้วยความภาคภูมิใจ

“เจี๊ยบ ๆๆๆๆ!” พร้อมแล้ว มหาราชาถั่วชมพู

เอเลี่ยนเกอหลัวที่อยู่ด้านหลังตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน

“ดีมากเมี๊ยว” ถั่วชมพูหยิบของที่สวี่หลิงอวิ๋นมอบให้ออกมาจากปุ่มมิติกักเก็บ

มันพ่นยาลงบนดาวเคราะห์อย่างระมัดระวัง เห็นได้ชัดว่าดาวเคราะห์ดวงนี้มีเกราะป้องกันที่หนาแน่น แต่ไม่สำคัญอะไรนัก

ถั่วชมพูพ่นยาทั้งหมดลงบนเกราะป้องกันดังกล่าว

“เมี๊ยว…กลิ่นหอมมาก ถ้าไม่ได้เป็นมหาราชา ถั่วชมพูคงจะเดินเที่ยวเล่นอยู่ที่นี่แน่นอน” ถั่วชมพูอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปเลียอกของมัน

“เมี๊ยว…เก็บน้ำลายของพวกแกเดี๋ยวนี้ หัดนึกถึงคุณธรรมบ้าง ไร้จริยธรรมจริงเลย! อยู่กับมหาราชาทั้งทียังหิวกันอยู่อีกเหรอ?” ถั่วชมพูพูดจาดูถูก

เอเลี่ยนเกอหลัวตัวอื่นไม่สามารถเข้าไปพัวพันได้ พวกมันจึงทำได้เพียงกลิ้งไปมาและพยายามใช้ลิ้นเลียของเหลวที่ติดอยู่บนเกราะป้องกัน

ขณะที่เกราะป้องกันกำลังส่งเสียงเตือน

จอมพลแห่งจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเฝ้าระวังขมวดคิ้วเมื่อเห็นกลุ่มสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดเหนือเกราะป้องกัน

“ไปดูทีว่ามันคืออะไร” จอมพลลอสสั่งทหารที่อยู่ใต้การบังคับบัญชา

“ครับท่านจอมพล” ทหารรับคำสั่งและถอยออกไป

“ต่อให้มีอะไรอยู่แต่ก็คงไม่เป็นอะไร เว้นแต่ว่าจะมีความแข็งแกร่งระดับ 10 ดาวที่สามารถทำลายด้วยการทุบเพียงครั้งเดียว” ลอสคิดกับตัวเองโดยปราศจากท่าทีประหม่า

อีกอย่างพวกเขายังมีเกราะป้องกันอยู่ ตราบใดที่มีเกราะป้องกัน เอเลี่ยนทั่วไปจะโจมตีแค่สองถึงสามครั้งเท่านั้น หากพวกมันพบว่าเกราะป้องกันไม่แตกออก พวกมันก็จะจากไป

ขณะเดียวกัน ถั่วชมพูเริ่มส่งสัญญาณถึงเอเลี่ยนทรงพลังที่อยู่ใกล้เคียง

“เมี๊ยว…ราชินีของเราบอกแค่ว่าปล่อยให้เอเลี่ยนมาโจมตี แต่ไม่ได้บอกว่าอยากได้กี่ดาวสักหน่อย” ถั่วชมพูครุ่นคิดกับตัวเอง และมองหาที่ทรงพลังที่สุด

มันตรวจพบเอเลี่ยนระดับ 9 ดาวที่ลอยตัวอยู่ใกล้กับทางเชื่อมมิติธรรมชาติที่สุด นอกจากนี้ยังมีเผ่าพันธุ์ที่เหนือกว่าระดับ 6 ดาวอยู่ด้วย

“เมี๊ยว…นี่แหละเป็นเอเลี่ยนที่เหมาะสมที่สุดแล้ว!”

มันจึงเริ่มส่งสัญญาณไปยังทางเชื่อมมิติดังกล่าว ไม่เพียงเท่านั้น เอเลี่ยนเกอหลัวตัวอื่นก็ร้องเรียกเพื่อนของมันเช่นกัน!

พวกมันส่งสัญญาณออกไปหาเอเลี่ยนทั้งหลายที่สามารถตรวจพบได้ในบริเวณใกล้เคียง

“จัดการให้เรียบร้อย!” เจ้าถั่วชมพูส่งสัญญาณออกไปอย่างว่องไว กระตุ้นความสนใจของเอเลี่ยนระดับ 9 ดาวที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงทางเชื่อมทางมิติธรรมชาติให้พวกมันเปลี่ยนทิศทางมายังที่นี่ สัญญาณของเอเลี่ยนเกอหลัวตัวอื่นได้รับการตอบสนองจากเอเลี่ยนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเช่นกัน และพวกมันกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่

“เมี๊ยว… ถ้ามีอะไรผิดแปลกไปให้อพยพทันที!” หลังจากพูดจบ ถั่วชมพูก็รีบเปิดปากที่กว้างใหญ่และส่งเสียงร้องตะโกนสร้างทางเชื่อมมิติทันที “ถอนกำลัง!”

สหายทั้งหลายเดินตามก้นของถั่วชมพูอย่างเป็นระเบียบ และเข้าไปในทางเชื่อมมิติ

ขณะเดียวกัน อสุรกายหุ้มเกราะนำกองทัพของมันมาถึงจุดหมายปลายทาง

อสุรกายหุ้มเกราะมาถึงแล้ว พวกมันมีจำนวนหนาแน่นมากจนสามารถปกคลุมเกราะป้องกันไปถึงหนึ่งส่วนสาม!

จำนวนเยอะจนน่าตกใจ ครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือตรวจจับ เพราะแม้แต่มนุษย์ก็ยังสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

“พระเจ้า! อะไรอยู่บนท้องฟ้าน่ะ?” คนที่เดินทางผ่านไปมาสังเกตเห็นเงาที่ลอยตัวอยู่เหนือศีรษะ เขาค้นพบว่าด้านบนของเกราะป้องกันมีจุดสีดำหนาแน่นปกคลุมอยู่

ถ้าสังเกตใกล้ขึ้นอีกนิด จะพบว่าพวกมันกำลังเคลื่อนไหว

“นั่นเอเลี่ยน! ซวยแล้ว เอเลี่ยนบุก!” ผู้คนจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์เริ่มตื่นตระหนก ทั่วท้องถนนเริ่มผกผันและเต็มไปด้วยกลุ่มคนที่วิ่งไปมาด้วยความตระหนกตกใจ

ท่ามกลางความโกลาหล แม่หลายคนหาลูกของพวกเธอไม่เจอ ไม่มีใครประจำการอยู่ตามร้านค้า และบางคนถึงกับฉวยโอกาสนี้ก่อความวุ่นวาย…

“พระเจ้ากำลังโทษพวกเราอยู่เหรอ? ทำไมเอเลี่ยนถึงบุกมาโจมตี?”

คนที่ศรัทธาต่อพระเจ้าอย่างเคร่งครัดกำลังทำการเซ่นไหว้ และพึมพำกับตัวเอง

“กี่ปีมาแล้วที่เราไม่ได้ถูกเอเลี่ยนพวกนี้โจมตี? ทำไมตอนนี้เอเลี่ยนถึงบุกมาโจมตีเราได้?”

แม้แต่ฝ่าบาทสเปนเซอร์ก็ยังรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ

“ไปเรียกจอมพลลอสเข้ามา เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ใบหน้าของสเปนเซอร์ซีดเผือด เขาเพิ่งจะส่งกองทัพออกไป ไม่มีทางที่ให้พวกนั้นกลับมาได้ทันเวลา

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!” ผู้บังคับบัญชาระดับสูงตอบรับด้วยเสียงแผ่วเบา และเดินออกไป

ตอนนี้เผ่าพันธุ์มนุษย์ทั่วทั้งเมืองหลวงกำลังบ้าคลั่ง! พวกเขาตะเกียกตะกายเข้าไปในห้องใต้ดิน หวาดกลัวว่าถ้าช้ากว่านี้อีกสักวินาทีเดียว พวกเขาจะถูกเหล่าเอเลี่ยนกลืนกิน

คืนก่อนหน้านั้นพวกเขายังแสดงยินดีให้แก่ท่านจักรพรรดิที่ทรงเตรียมการโจมตีจักรวรรดิชิงเหย้าอย่างละเอียดถี่ถ้วน และรอรับชัยชนะไปพร้อมกับฝ่าบาท

แต่วันนี้เอเลี่ยนกลับบุกเข้ามาโจมตี!

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?!

และไม่เพียงแต่เอเลี่ยนจะบุกรุกเข้ามาเรื่อย ๆ เท่านั้น! แต่พวกมันคงจะกวาดล้างพวกเขาในคราเดียวด้วย!

“จบเห่แล้ว จักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ของเราจบแล้ว!” ผู้คนที่มองโลกในแง่ร้ายคิดว่าจักรวรรดิของพวกเขาจะต้องล่มสลายลงเพราะการโจมตีของเหล่าเอเลี่ยน ภรรยาและลูกของเขาจะต้องถูกเอเลี่ยนจับกิน…

ภาพดังกล่าวนองเลือดเกินไปจนพวกเขาไม่กล้าจินตนาการถึง!

ลอสเดินเข้ามาหาฝ่าบาทสเปนเซอร์ด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด

“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ในฐานะที่ท่านเป็นถึงผู้บังคับบัญชาการสูงสุดที่ประจำการอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้ มาอธิบายให้เราฟังทีว่าทำไมถึงมีเอเลี่ยนอยู่ที่นี่” สเปนเซอร์ตบโต๊ะอย่างรุนแรงและก่นด่า “นี่คือวิธีการที่ท่านปกป้องเมืองหลวงเพื่อเรางั้นเหรอ?”

“กองกำลังหลักเพิ่งออกไปได้ไม่ถึงห้าชั่วโมง แต่ตอนนี้ท่านกลับสร้างปัญหาให้เราซะแล้ว แล้วทีนี้ต่อไปเราจะเชื่อใจท่านได้ยังไง หรือเจ้าอยากจะฝังชาวปีกพิสุทธิ์ไปกับท่านด้วยกันแน่?”

สเปนเซอร์ด่าทอด้วยถ้อยคำรุนแรง

ลอสก้มศีรษะลงและอดทนรองรับคำสบประมาทเงียบ ๆ เป็นเวลานานก่อนจะเอ่ยขึ้น “ฝ่าบาท ถ้าท่านไม่อยากให้จักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ถูกทำลายย่อยยับ ได้โปรดเรียกกองทัพกลับมาเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ? เจ้ากำลังขอให้เราเรียกกองทัพกลับมางั้นเหรอ?” สเปนเซอร์จ้องเขม็งไปที่ลอส “เจ้าก็รู้ว่าเมื่อคืนนี้เราเพิ่งป่าวประกาศต่อหน้าสาธารณชนไป แต่ตอนนี้เจ้ากลับมาขอให้เราเรียกกองทัพกลับมา เจ้ารู้ใช่ไหมว่านั่นคือการหักหน้าจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์?”

“กระหม่อมรู้พ่ะย่ะค่ะ แต่ชีวิตของประชาชนสำคัญกว่า” ลอสถอดหมวกที่สวมอยู่บนศีรษะออก และวางไว้ด้านหน้าฝ่าบาท “ฝ่าบาท กระหม่อมรู้ดีว่ากระหม่อมไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นจอมพล แต่กระหม่อมยินดีที่จะรับผิดชอบเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ”

“เพื่อเห็นแก่จักรวรรดิของเราและประชาชนในจักรวรรดิ ได้โปรดเรียกกองทัพกลับมาเถอะพ่ะย่ะค่ะ” ลอสคุกเข่าลงบนพื้น อ้อนวอนอย่างขมขื่น

“เอเลี่ยนที่บุกรุกเข้ามาไม่ใช่เอเลี่ยนธรรมดา พวกมันคืออสุรกายหุ้มเกราะ ถึงแม้ว่ากระหม่อมจะใช้ไฟฟ้าบนเกราะป้องกันช็อตพวกมันและใช้ความร้อนทำให้มันถอยออกไป แต่มันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”

ลอสถอนหายใจและพูดต่อ “และไม่ใช่แค่อสุรกายหุ้มเกราะเท่านั้น ยังมีเอเลี่ยนประเภทอื่นอีกพ่ะย่ะค่ะ ตามบันทึกการสังเกตการณ์ของกระหม่อม ตอนนี้มีเอเลี่ยนที่อยู่ในระดับ 9 ดาวขึ้นไปถึง 10 ตัวพ่ะย่ะค่ะ”

“ตามกำลังสำรองที่เรามีอยู่สามารถปิดกั้นเอเลี่ยนพวกนั้นได้ไม่เกินหนึ่งวันพ่ะย่ะค่ะ ถ้าพ้นหนึ่งวันไปแล้วเอเลี่ยนยังไม่ถอยออกไป พวกเราจะต้องเผชิญหน้ากับความเลวร้ายที่สุด!”

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ [她靠吃播征服星际

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ [她靠吃播征服星际

Status: Ongoing
เมื่อมาเกิดใหม่ในที่ที่เต็มไปด้วยของอร่อย เรื่องอะไรจะต้องอยู่เฉยกันล่ะ อย่างนี้มันต้องจับหั่น ยัดลงหม้อไฟร้อนๆ แล้วก็ถ่ายทอดสดออกอากาศสิถึงจะถูก!สวี่หลิงอวิ๋น หญิงสาวที่อยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้มาหลายปีแล้ว แถมยังมีนิสัยชอบกินอีกตังหากก็ต้องมีชีวิตที่ถึงคราวจากไปก่อนวัยอันควร เพราะดันไปกินเนื้อแกะที่ติดเชื้อซอมบี้เข้าให้!จากนั้นเธอก็พบว่าตัวเองได้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในร่างของเจ้าหญิงองค์ที่สาม แห่งจักรวรรดิชิงเหย้า ในโลกยุคอวกาศ ซึ่งดูท่าทางไม่เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนสักเท่าไหร่ แต่ใครสนกันล่ะ! ตอนนี้เธอสนแต่เรื่อง กิน กิน และกินเท่านั้น แถมเอเลี่ยนดาวดวงนี้ยังมีแต่ของอร่อยเต็มไปหมด! เธอจะอยู่เฉยได้อย่างไร ต้องจับพวกมันมาหั่น มาต้ม มาย่าง แล้วก็อะไรอีกดีนะ? อ้อ…สตีมเมอร์ออกอากาศด้วยเลย!ทั้งหมดนี้จะถือเป็นสงครามอวกาศที่จะชวนให้คุณน้ำลายสอไปด้วยอาหารแบบต่าง ๆ ที่สวี่หลิงหยุนไปพิชิตและสรรค์สร้างมาได้ สวี่หลิงอวิ๋นหรือองค์หญิงสามนี้จะสามารถล่าเอเลี่ยนและคิดเมนูอะไรออกสตรีมเมอร์บ้าง ไปตามลุ้นเอาใจช่วยกันได้ที่ สตีมเมอร์สาวกินพิชิตอวกาศ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท