ตอนที่ 315 เอเลี่ยนรุมล้อมจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ 2
ตอนที่ 315 เอเลี่ยนรุมล้อมจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ 2
“แย่แล้ว! อสุรกายหุ้มเกราะหาวิธีการได้แล้ว เอเลี่ยนเก้าดาวกำลังโจมตีในจุดเดียวกัน! ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เกราะป้องกันจะต้องพังลงมาแน่!” ลอสรีบหันไปรอบ ๆ
ประชากรทั้งหมดเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องใต้ดิน
ทุกคนตกอยู่ในความตกตะลึง หวาดกลัวว่าเอเลี่ยนบนเกราะป้องกันจะตามหาพวกเขาจนเจอ และจับพวกเขากิน
“แม่จ๋า หนูกลัว!” เด็กหญิงตัวน้อยกอดแม่ของเธอไว้แน่น ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
“ไม่ต้องกลัว! ลูกรัก แม่อยู่นี่แล้ว!” หญิงสาวกอดลูกของเธอไว้แน่น และพูดปลอบประโลม
ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ในห้องใต้ดินตกอยู่ในความสงบ
“มันเป็นความผิดของท่านทั้งหมด ฝ่าบาทสเปนเซอร์! เขาจงใจทำให้เกิดสงครามเพื่อกระตุ้นความโกรธของทวยเทพ” ชายหนุ่มที่บูชาเทพเจ้าพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “จักรวรรดิปีกพิสุทธิ์บูชาเทพเจ้ามาเสมอ และไม่เคยมีวิกฤตเลวร้ายแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน!”
“ว่ากันว่าองค์หญิงสามคือดาววีนัส ผู้ที่จะมาเปลี่ยนชะตากรรมของจักรวรรดิชิงเหย้าและคนทั้งห้วงดวงดาว นั่นหมายความว่ายังไงล่ะ? หมายความว่าท่านคือธิดาของเหล่าทวยเทพ! การที่เราโจมตีดินแดนของธิดาแห่งทวยเทพ มันคือการต่อต้านพระเจ้าไม่ใช่หรือไง?!”
“ได้ยินมาว่าองค์หญิงสามพลิกวิกฤตการณ์เอเลี่ยนให้ดีกับมนุษย์ และเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นขุมทรัพย์ เพราะงั้นท่านคือเทพธิดาที่พระเจ้าประทานมาให้ช่วยพวกเขาคลี่คลายวิกฤตการณ์เอเลี่ยน แล้วพวกเราทำอะไรกันลงไป?”
คำพูดของนักบวชช่วยปลุกผู้คนให้ตื่นขึ้นมา
ใช่แล้ว! องค์หญิงสามคือดาววีนัสที่ถูกทำนายมาเนิ่นนาน เธอถูกส่งลงมาเพื่อคลี่คลายวิกฤตการณ์เอเลี่ยน ทว่าในตอนนี้!
พวกเขากลับโจมตีองค์หญิงสาม และดาวเคราะห์ของพวกเขาก็รุมล้อมภายในชั่วพริบตา?!
นี่คืออะไรกัน? กรรมตามสนองอย่างนั้นเหรอ?
“เราต้องประท้วง! ต้องยอมจำนนซะ! ต้องยอมรับความพ่ายแพ้! ไม่อย่างงั้นวันนี้เราจะต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์เอเลี่ยน และไม่รู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นอีก!” นักบวชที่บูชาเทพเจ้าพูดคาดเดาด้วยความขุ่นเคือง
ผู้คนทั้งหลายพยักหน้า ใช่แล้ว! ต้องทำเช่นนั้น!
“ท่านนักบวชพูดถูก! พวกเราจะปล่อยให้ฝ่าบาททำแบบนี้ต่อไปไม่ได้!” ชายคนหนึ่งลุกขึ้นยืน และพูดต่อ “ผมจะไปเขียนข้อเสนอ ถ้าพวกคุณเห็นด้วย ก็ช่วยมาลงชื่อที!”
“เอาเลย!”
“ได้!”
…
ผู้คนต่างพยักหน้า ชายคนนั้นหยิบปากขึ้นมาเขียน ‘ข้อเสนอขอให้ยุติสงคราม’
เด็กชายตัวน้อยเอ่ยถามปู่ของเขา “คุณปู่ฮะ สงครามคืออะไร? ทำไมถึงต้องยุติลงล่ะครับ?”
“สงครามคือการที่จักรวรรดิหนึ่งโจมตีอีกจักรวรรดิหนึ่ง ผู้คนหันมาต่อสู้กัน นี่ล่ะคือสงคราม” ชายชราตอบรับ “และทุกคนจะต้องตาย”
“พ่อก็ไปทำสงครามด้วยใช่ไหมฮะ? ผมไม่อยากให้พ่อไป ให้พ่อกลับมาได้ไหม?”
คำพูดของเด็กน้อยทำให้หลายคนร้องไห้
หลายคนที่ได้ออกไปทำสงครามว่ากันว่าทหารแนวหน้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่เพียงแต่จักรวรรดิปีกพิสุทธิ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงจักรวรรดิชิงเหย้า พวกเขาล้วนสูญเสียกันไปหลายชีวิตแล้ว
“เดี๋ยวพ่อของหลานก็กลับมา! ปู่สาบาน!” ชายชรากอดหลานชายเอาไว้แน่น ขณะที่ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสน
หากต้องอุทิศตนจริง ๆ เขาจะโกรธเคืองผู้คนจากจักรวรรดิชิงเหย้าหรือไม่?
คำตอบคือไม่! เพราะพวกเขาคือผู้บุกรุก พวกเขาจึงไม่สามารถแม้แต่จะเกลียดมันได้
“ทำไมกองทัพยังไม่กลับมาอีก!” ลอสรู้สึกวิตกกังวลและเอ่ยถามถึงการกลับมาของกองทัพ เมื่อเห็นว่าเกราะป้องกันพลังงานไม่สามารถรับมือได้อีกต่อไป
จอมพลเอลส์ที่กำลังนำกองทัพกลับ มองดูคำสั่งเรียกตัวกลับไปยังจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ “บอกพวกเขาไปว่าเรากำลังรีบกลับไปโดยด่วนที่สุดเท่าที่จะทำได้!”
นี่มันอะไรกัน?! สั่งให้พวกเขามาที่แนวหน้า ยังไม่ทันได้ตั้งหลักด้วยซ้ำ
แล้วเป็นยังไงล่ะ? พอมาถึงสนามรบ เพิ่งจะแตะปืนใหญ่ไปนิดเดียวก็โดนเรียกตัวกลับแล้วอย่างนั้นเหรอ?!
นี่ให้พวกเขาเล่นบ้าอะไรกัน!
พูดได้เต็มปากเลยว่าครั้งนี้กองทัพจะไม่มีวันประสบความสำเร็จแน่นอน!
“ไปดูซิว่ากองทัพอื่นอยู่ไหนกัน?” จอมพลเอลส์ถามช่างเทคนิคที่อยู่ด้านข้าง “ควรออกเดินทางไปพร้อมกับพวกเราสิ จะปล่อยให้ทหารของเราต่อสู้กับเอเลี่ยนลำพังแล้วตายไปงั้นเหรอ?!”
“ครับ ท่านจอมพล”
แหล่งข่าวมาถึงยังรวดเร็ว
“ท่านจอมพล พวกเขาบอกจะมาถึงภายในอีกหนึ่งชั่วโมงครับ!” ช่างเทคนิคตอบ
“อีกหนึ่งชั่วโมง? ดีมาก! งั้นเราไปถึงที่นั่นล่าช้าสักห้านาทีแล้วกัน” เอลส์เป็นคนหัวแหลม! เพราะใครก็ตามที่ไปถึงที่นั่นเป็นคนแรกจะต้องได้รับผลกระทบที่รุนแรงจากเหล่าเอเลี่ยนอย่างแน่นอน!
“ฝ่าบาทก็เหลือเกิน คุยโม้อยู่นั่น! อีกสักพักพวกมันคงปีนขึ้นไปบนเกราะป้องกันกันหมด! ถ้าเป็นอย่างนั้น การกลับไปของพวกเราจะมีประโยชน์อะไร?!”
เอลส์นั่งไขว่ห้าง ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นเช่นนี้
“ท่านจอมพล ผมคิดตั้งแต่ฝ่าบาทส่งข้อความมาแล้วเชียวว่าจะต้องมีเอเลี่ยนจำนวนมาก” ฝ่าบาทของพวกเขาเป็นคนที่ห่วงหน้ายิ่งชีพ หากเป็นสถานการณ์ปกติทั่วไป พวกเขาจะไม่ถูกเรียกตัวกลับอย่างแน่นอน
“ก็ใช่น่ะสิ!” จอมพลเอลส์ยกยิ้มและตอบรับ
จอมพลเอลส์ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก และคนอื่นที่หันลำกลับก็เกิดความสงสัยเช่นกัน คนบางส่วนเดินทางด้วยความเร่งรีบ ในขณะที่อีกส่วนออกเดินทางไปอย่างเชื่องช้า
ไม่มีใครอยากจะไปถึงเป็นคนแรก
“สิบนาทีสุดท้าย!” ลอสมองดูข้อความแจ้งเตือนบนเกราะป้องกันพลังงาน ก่อนจะถอนหายใจออกมา
เขาทำสุดความสามารถแล้ว!
“บอกให้ฝ่าบาทเข้าไปหลบในห้องใต้ดินซะ!”
ช่างทหารเงียบไปครู่หนึ่ง “แล้วท่านจอมพลล่ะครับ?”
“ฝ่าบาทพูดถูก ฉันคือคนที่ประจำการอยู่ที่นี่ เพราะงั้นฉันควรจะอยู่และตายไปกับดาวเคราะห์ดวงนี้” ลอสตบไหล่ทหาร “เอาล่ะ นายไปได้แล้ว! ตามฝ่าบาทเข้าไปในห้องใต้ดินด้วย!”
“ห้องใต้ดินของพระราชวังคือความลับสูงสุด เอเลี่ยนพวกนั้นเข้าไปไม่ได้หรอก” นอกจากนี้พวกเอเลี่ยนไม่ได้สนใจเนื้อมนุษย์มากนัก พวกมันชื่นชอบสิ่งของที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานมากกว่า
“ฉันจะต้านไว้จนกว่าทหารจะกลับมา”
ช่างทหารเดินไปที่พระราชวังด้วยน้ำตาคลอเบ้า
สเปนเซอร์รู้สึกอ่อนล้าไปทั้งตัว! เขากลายเป็นคนบาปแห่งปีกพิสุทธิ์!
“ฝ่าบาท! ไปกันเถอะพ่ะย่ะค่ะ!” ผู้บัญชาการสูงสุดพยายามลากสเปนเซอร์เข้าไปในห้องใต้ดิน ทว่าเขากลับปฏิเสธ!
“เราเป็นคนบาป! เราควรจะอยู่และตายไปกับปีกพิสุทธิ์!” สเปนเซอร์พึมพำขณะจ้องมองลูกสาว “เหมยหมี่ ถ้าพ่อตายแล้วไป ลูกจะได้ขึ้นครองบัลลังก์เป็นคนต่อไป!”
เหมยหมี่มองดูพ่อที่จิตใจอ่อนแรง ไม่มีแม้แต่จิตวิญญาณแห่งนักสู้ เธอขมวดคิ้ว ก้าวเท้าออกไปด้านหน้า โอบกอดศีรษะผู้เป็นพ่ออย่างอ่อนโยน และใช้ฝ่ามือทุบเข้าที่ท้ายทอย
สเปนเซอร์ถูกเหมยหมี่ทำให้เป็นลมสลบไป
“พาเสด็จพ่อออกไปซะ!” ดวงตาของเหมยหมี่แน่วแน่ ขณะที่ทหารระดับ 8 ดาวปรากฏตัวขึ้นด้านข้างเหมยหมี่ แบกจักรพรรดิขึ้นมาบนหลังและพาเขาออกไป!
จักรพรรดินีร้องไห้สะอึกสะอื้น!
เธอคิดไม่ตก เธอเพิ่งได้ทำตามความฝันในการเป็นจักรพรรดินีที่มีอำนาจเหนือทั้งห้วงดวงดาวไม่กี่วันก่อน แต่ทำไมวันนี้เธอถึงต้องเผชิญหน้ากับการล้มล้างเผ่าพันธุ์ด้วย?
“เหมยหมี่! ฮือ ๆๆ!” จักรพรรดินีร้องไห้ พยายามกอดลูกสาว เพื่อหวังว่าเหมยหมี่จะมอบความแข็งแกร่งให้เธอบ้าง
“หุบปาก!” ดวงตาของเหมยหมี่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง! เธอเหลือบมองแม่ที่ได้แค่ร้องไห้อย่างขยะแขยง ไม่เข้าใจเอาเสียเลยว่าทำไมเสด็จพ่อถึงได้ชอบผู้หญิงอย่างนี้?!