ตอนที่ 318 การกลับมาของหัวหน้า
ตอนที่ 318 การกลับมาของหัวหน้า
ถึงเนี่ยหานจะได้รับความไม่เป็นธรรม แต่เนี่ยหานก็ไม่กล้าพูดออกไป
ในเมื่อเขาไม่สามารถขยับร่างกายทุกส่วนได้ เขาจะไปห้องน้ำและร้องขอให้คนพวกนี้ช่วยเหลือได้อย่างไร?
แน่นอนว่ามันน่าอายเกินกว่าจะพูดเรื่องน่าละอายเช่นนั้น หวังแค่ว่าคนเหล่านี้จะมีความคิดและค้นพบความต้องการของเขา
แต่บ่อยครั้งที่สิ่งที่น่าละอายเช่นนี้กลายเป็นเรื่องที่น่าอับอายยิ่งกว่า หากเขาไม่ยอมพูดออกมาตั้งแต่ต้น
ขณะที่ทั้งสองคนยังเอาแต่เถียงกันอยู่ ผู้คนที่เดินผ่านไปมาด้านนอกยังสามารถรู้ได้ว่าเขาต้องการไปห้องน้ำ เขาล่ะอยากจะเอาหัวโขกกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด
ถึงแม้ว่าในที่สุดแขนกลจะช่วยพาเขาไปเข้าห้องน้ำ ทว่าเขาก็ยังอายเกินกว่าจะพูดอะไรออกไป
เพราะฉะนั้นอดอาหารยังคงจะดีกว่า!
“แกเป็นพลเอกที่ใจแคบถึงขนาดนี้เชียวเหรอ?” นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งพูดติดตลก “จะมีใครบ้างที่ไม่ยอมกินไม่ยอมดื่มแบบนี้?”
“โอเค บางทีตอนจบจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์อาจจะมาไถ่ตัวแก แต่ถ้าแกตายลงไปแบบนี้ ครอบครัวของแกก็จะหายไปด้วย แต่ต่อให้แกตายไปเราก็ไม่เดือดร้อนอะไรอยู่ดี” นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งพึมพำ
รุย เบนเน็ต ฉินหยวน และลุค ทั้งสี่คนว่างมากจนไปนั่งอาบแดดอยู่บนระเบียง พวกเขาได้รับความดีความชอบเล็กน้อยจากการช่วยกันโจมตีคลื่นพลัง
“ไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านหัวหน้าจะอยู่ที่ไหน พอไม่มีหัวหน้าแล้วอะไรก็ยากเหลือเกิน” รุยพูดและหยิบอาหารกระป๋องขึ้นมาจากปุ่มมิติกักเก็บ
“พวกนายกินไหม? โชคดีที่ฉันมีสำรองไว้เยอะ ไม่อย่างงั้นตอนนี้คงหมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่เศษขยะจะให้ปล้น”
ทหารที่ประจำการอยู่ที่นี่ล้วนจมูกดีราวกับสุนัข เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาควักอาหารกระป๋องขึ้นมากิน เหล่าทหารจะเข้ามาแย่งชิงพวกเขาในทันที
หากพวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับ 8 ดาว พวกเขาคงจะไม่สามารถกักตุนอาหารไว้ได้มากมายขนาดนี้ และตอนนี้คงจะต้องดื่มอาหารเสริมแทน
พวกเขาต่างกำลังรอคอยองค์หญิงสาม แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนของช่างเทคนิคดังลั่นมาจากแนวหน้า ยานรบอวกาศของจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์กำลังแล่นเข้ามา
“เฮ้ย! ฉันจะไปดูหน่อยซิว่าไอ้คนไหนจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์มันกล้าโอหังเข้ามา! เราโจมตียานรบอวกาศของพวกมันไปหมดแล้วแท้ ๆ มียานอวกาศแล่นเข้ามาได้ไง” รุยผู้ขุ่นเคืองพับแขนเสื้อขึ้นและเดินออกไปดู
“นายอย่าเพิ่งใจร้อน ถ้าเกิดพวกมันมีกระสุนล่ะ ต้องระวังให้ดี” ฉินหยวนพูดและเดินกลับไปตรวจสอบสัญญาณ
“โอเค ๆ แล้วแต่นายแล้วกัน” รุยนั่งลงขณะที่ควบแน่นดาบพลังดวงดาวไว้ในมือ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เขาจะรีบลุกขึ้นไปทันที
อีกสองสามคนได้ควบแน่นดาบพลังดวงดาวเอาไว้ในมือเหมือนกับรุยเช่นกัน ก่อนจะค่อย ๆ เดินไปที่แนวหน้า หากมีอะไรผิดปกติไป พวกเขาจะโจมตีทันที!
“เฮ้ย ๆ! เดี๋ยวก่อน! ทุกคน!” คนที่เหลือยืนขึ้นอย่างกล้าหาญ แสดงท่าทีราวกับเป็นวีรบุรุษ ทว่าพวกเขากลับถูกฉินหยวนที่อยู่ด้านหลังหยุดเอาไว้!
ก่อนที่รอยยิ้มเขินอายจะปรากฏบนใบหน้าของเขา “คือว่า หัวหน้าอยู่ในยานอวกาศลำนั้น!”
“อะไรนะ? หัวหน้ากลับมาแล้วเหรอ?” ทุกคนต่างรู้สึกประหลาดใจ!
นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งอีกร้อยกว่าคนมาฟังข่าวดีเช่นกัน!
“อา! ท่านหัวหน้ายังนึกถึงพวกเราอยู่สินะ!” นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งบ่นอุบอิบ “ตั้งแต่ท่านหัวหน้าออกไปก็ไม่เคยส่งข้อความมาหาพวกเราเลย!”
“เข้าใจล่ะ! นายนี่มันขี้บ่นจริง!” นักเรียนอีกคนหนึ่งเยาะเย้ยเขา “องค์หญิงสามต้องยุ่งตลอดทุกวัน นายยังไม่พอใจอีกหรือไง? ระวังไว้เถอะว่าฝ่าบาทจะหายไปเลย และทิ้งนายให้นับดาวอยู่บนนี้!”
“อ๊ะ! ไร้สาระ! ฉันไม่ได้บ่นอะไรสักหน่อย! ฉันแค่หวังว่าองค์หญิงสามจะพาพวกเราไปที่สนามรบบ้าง!”
“โอเค หุบปากได้แล้ว! องค์หญิงสามกำลังจะลงมา! พวกเราควรทำตัวให้ดีเข้าไว้ หัวหน้าจะได้พาพวกเราไปด้วย! ที่พวกเราต้องมานั่งเฝ้าเชลยทั้งวัน โคตรน่าเบื่อเลย!”
“ใช่ ๆๆ!” ทุกคนพยักหน้า!
สวี่หลิงอวิ๋นพาเชลยกลับมาด้วยจำนวนหนึ่ง ก่อนจะค้นหาตำแหน่งที่ตัวเองเคยประจำการและลงมาจอด
นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง เช่น จอมพลคนนั้น เรียกได้ว่าเชลยระดับสูงสุดของเธอ!
“ท่านหัวหน้า!” นักเรียนทั้งหลายเห็นสวี่หลิงอวิ๋นเดินลงมาจากยานอวกาศตั้งแต่ระยะไกล!
พวกเขาวิ่งเข้าไปหาด้วยความตื่นเต้น “ฝ่าบาท พวกเราคิดว่าท่านจะลืมพวกเราแล้วซะอีก!”
สวี่หลิงอวิ๋นครุ่นคิดเงียบ ๆ กับตัวเอง อย่าพูดแบบนั้นเลย เพราะเธอลืมไปสนิท!
“จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ! พวกนายเป็นเด็กน้อยของฉัน! ต่อให้ฉันจะลืมใครไปบ้าง แต่ไม่มีทางลืมพวกนายได้หรอก ใช่ไหมล่ะ?” สวี่หลิงอวิ๋นหัวเราะ และพูดต่อว่า “เป็นยังไงกันบ้าง?”
“กองทัพศัตรูบุกมาที่นี่ด้วยหรือเปล่า?”
“มาสิมา! แต่พวกเราโจมตีไปหมดแล้ว!” เหล่านักเรียนเล่าถึงวีรกรรมที่พวกเขาได้ลงมือทำไปก่อนหน้านี้ให้สวี่หลิงอวิ๋นฟัง
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้พวกเขายังต่อสู้กับผู้คนจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์อยู่เลย! ต้องบอกว่านักเรียนเหล่านี้มีฝีมือมาก!
พลังดวงดาวของพวกเขาอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ทุกคนต่างสวมใส่เสื้อเกราะและขึ้นไปบนเครื่องบินรบ พลังจิตของพวกเขาแข็งแกร่ง และมีสัญชาตญาณการต่อสู้ที่น่าทึ่ง ลูกกระสุนทุกนัดไม่เสียเปล่า ทั้งหมดล้วนถูกใช้กับพวกหัวแข็ง
“ทำได้ดีมาก สมแล้วที่เป็นทหารของฉัน” สวี่หลิงอวิ๋นพูดชมเชย เธอไม่คาดคิดว่าผู้ติดตามของเธอจะเติบโตขึ้นมามีบทบาที่สำคัญเช่นนี้
“ฝ่าบาท คราวหน้าพาพวกเราไปกับท่านด้วยสิครับ ท่านก็เห็นว่าพวกเราเก่งกันมากแค่ไหน พวกเราทุกคนอยู่ในระดับ 8 ดาว แต่พวกทหารที่นี่มีพละกำลังกันแค่ 6 ดาวเท่านั้น ไม่มีระดับ 7 ดาวด้วยซ้ำ”
เบนเน็ตพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“ฝ่าบาท ถึงพวกเราจะอยู่ในระดับ 7 ดาวที่ไม่เก่งเท่าพวกเบนเน็ต ฉินหยวน ลุค แต่พวกเราก็เก่งไม่แพ้กันนะครับ!”
นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งร้องขอกับสวี่หลิงอวิ๋น พวกเขาไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป! โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาได้รับชมการถ่ายทอดสดขององค์หญิงสามเมื่อสองวันก่อน ฝ่าบาทละทิ้งพวกเขาให้อยู่ที่นี่ แต่กลับทำอาหารอันแสนอร่อยให้ทหารคนอื่นกิน นั่นทำให้พวกเขากระหายเป็นอย่างมาก
โชคดีที่พวกเขากักตุนอาหารกระป๋องไว้เป็นจำนวนมากก่อนที่จะเดินทางมายังสนามรบ ไม่อย่างนั้น ช่วงแห่งการถ่ายทอดคงจะทำให้พวกเขาคงจะรู้สึกลำบากใจอย่างยิ่ง
“โอเค ๆ จะพาทุกคนไปด้วย” สวี่หลิงอวิ๋นส่ายหัว อย่างไรเสียเธอกำลังขาดกำลังคนอยู่
นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งต่างรู้สึกโล่งใจและมีความสุขเมื่อได้คำพูดของสวี่หลิงอวิ๋น
ขณะเดียวกัน มอร์ริส ผู้ช่วยของหลี่อาหรันที่มีตำแหน่งสูงสุดบนฐานทัพแห่งนี้ได้เดินเข้ามา
“ถวายความเคารพพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ต้องขอประทานอภัยที่กระหม่อมมาถึงช้าไปหน่อย” ผู้ช่วยมอร์ริสพูดขอโทษหลังจากโค้งคำนับสวี่หลิงอวิ๋น
“ไม่เป็นไร รองมอร์ริสทำได้ดีมาก ที่ช่วยป้องกันพื้นที่ของเราเอาไว้ได้”
สวี่หลิงอวิ๋นพูดยกย่อง “อีกอย่าง ครั้งนี้เราเดินทางขึ้นยานอวกาศมาพร้อมกับพวกเชลย เรากักขังพลังจิตของทุกคนไว้หมดแล้ว และจะส่งต่อให้ท่านมาช่วยดูแลต่อ”
มอร์ริสพยักหน้าและตอบรับ “พ่ะย่ะค่ะ”
“เราจะสั่งให้ทหารไปพาตัวเชลยมา”