ตอนที่ 325 สเปนเซอร์ขอความช่วยเหลือ
ตอนที่ 325 สเปนเซอร์ขอความช่วยเหลือ
มันมีขนาดเล็กมากจนเผลอมองข้ามไป มันรวดเร็วมากจนมองเห็นได้ยาก
ตอนนี้ยอดฝีมือระดับ 9 ดาวจำนวนหนึ่งร้อยคนได้เสียสละชีพไปแล้วสามสิบคน!
“จะทำยังไงดี?”
ยอดฝีมือระดับ 9 ดาวรู้สึกเสียใจเล็กน้อย! พวกเขาไม่ควรมาที่เลวร้ายแบบนี้!
ตอนนี้สู้ต่อไปไม่ไหวแล้ว!
หน้าตาของทุกคนไม่สู้ดีนัก
เอเลี่ยนยังคงคับคั่ง โชคดีที่พวกมันดื่มและกินกันจนเพียงพอแล้ว ตราบใดที่พวกเขาไม่โจมตีพวกมัน พวกมันก็จะไม่โจมตีพวกเขา
ในที่สุดเหล่าทหารทั้งหลายก็มีโอกาสได้พักหายใจ
เหมยหมี่นั่งอยู่เงียบ ๆ ในห้องใต้ดิน
เธอครุ่นคิดทุกวิธีการแล้ว หากยังไม่สามารถแก้ไขของวิกฤตการณ์ของจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ได้อีก จักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ก็คงจะต้องเปลี่ยนผู้นำ
ดวงตาของหลี่ผิงผิงผู้เป็นแม่ก็บวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนัก และพยายามให้กำลังใจตัวเอง “พี่ชายจะต้องมาช่วยน้อง!”
สเปนเซอร์ถึงกับพูดไม่ออก ได้แต่ลูบหลังของเธอ
สถานการณ์ในตอนนี้เป็นเหมือนกับรถไฟเหาะ ไม่กี่วันก่อนจิตใจของเขายังคงฮึกเหิมเร่าร้อน ทว่าตอนนี้กลับต้องมาติดอยู่ในนี้
จักรวรรดิปีกพิสุทธิ์กำลังจะถึงคราวพังพินาศ!
ชีวิตเปลี่ยนแปลงมากเกินไปจนทำให้เขารู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ เป็นของไม่เที่ยง
“พี่ชายของท่านไม่มาหรอก” เหมยหมี่มองดูผู้เป็นแม่ด้วยสายตาเย็นชา และพูดว่า “พี่ชายของท่านถูกคนจากจักรวรรดิชิงเหย้าจับไปเป็นเชลยนานแล้ว!”
“อะไรนะ? เจ้าโกหก!” หลี่ผิงผิงมองดูลูกสาวแล้วไม่อยากจะเชื่อสายตา “พี่ชายของแม่เป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม! เขาไม่เคยแพ้!”
“ไม่เคยแพ้งั้นเหรอ?” เหมยหมี่เยาะเย้ย “ท่านควรพูดว่าเขาไม่เคยชนะมากกว่า!”
“มอบหมายผู้ช่วยที่ดีที่สุดให้เขา พอเขาชนะหลี่จื้อผิงก็ได้รับความดีความชอบ แต่พอแพ้ก็กลายเป็นความผิดของผู้ช่วยซะงั้น!”
“ใครบ้างจะไม่รู้จักชื่อเสียงของเขา?” เหมยหมี่พูดอย่างเย็นชา “ท่านควรจะดีใจที่เขาถูกจับเป็นเชลย อย่างน้อยก็ยังไม่ตาย!”
หลี่ผิงผิงมองไปทางเหมยหมี่ ราวกับไม่เชื่อข้อเท็จเรื่องนี้
สเปนเซอร์ขมวดคิ้ว เขารู้ดีว่าหลี่จื้อผิงคือใคร แต่ทำไมถึงใช้ไม่ได้แบบนี้?
เหมยหมี่มองดูพ่อของเธอ และรู้ว่าพ่อไม่เชื่อในสิ่งที่เธอกำลังพูดอยู่
ตามใจเลย จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่!
“เรายอมจำนนต่อจักรวรรดิชิงเหย้ากันเถอะ!” หลี่ผิงผิงโพล่งขึ้นมา “ขอให้สวี่หลิงอวิ๋นมาช่วยเราดีไหมเพคะ?”
“ก็เธอเป็นคนในคำทำนายไม่ใช่เหรอ? เธอน่าจะหาทางออกให้กับสถานการณ์ที่เลวร้ายได้!”
เหมยหมี่มองดูหลี่ผิงผิง “ท่านคิดว่าผู้คนจะเห็นด้วยหรือไง?”
หลี่ผิงผิงเงียบ
ไม่มีใครเชื่อว่าคนจากจักรวรรดิชิงเหย้าจะมาช่วยพวกเขา! หนำซ้ำจะเป็นการเติมเชื้อเพลิงให้กองไฟเสียเปล่า!
สเปนเซอร์ดูเซื่องซึมมาก
“ข่าวดีก็คือ ตอนนี้เอเลี่ยนกว่าครึ่งในเมืองหลวงถูกกวาดล้างออกไปแล้ว และผู้คนส่วนใหญ่ก็รอดชีวิตกัน” เหมยหมี่ถอนหายใจ
ใบหน้าของเธอดูเหนื่อยล้า
เธอไม่ได้นอนหลับมาหลายวันแล้ว เธอเหนื่อยเหลือเกิน!
สเปนเซอร์มองดูลูกสาว “ลูกหักโหมมาทั้งวัน พักผ่อนก่อนเถอะ! ยังมีพ่ออยู่ทั้งคน!”
เหมยหมี่พยักหน้า ในที่สุดก็ได้พักสายตาสักที
สเปนเซอร์เปิดกล้องวิดีโอขึ้นมาหลังจากเห็นเหมยหมี่ผล็อยหลับไปนาน
ชาวห้วงดวงดาวทุกคนกำลังมองดูใบหน้าของจักรพรรดิสเปนเซอร์
“สวัสดีทุกท่าน เราคือสเปนเซอร์” เขาหยุดและพูดต่อว่า “เราเป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์”
ฝ่าบาทสเปนเซอร์ที่ถูกปิดล้อมกำลังถ่ายทอดสดอย่างนั้นเหรอ? นี่อาจะเป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวในประวัติศาสตร์!
ในขณะนี้ผู้ชมทั่วทั้งห้วงดวงดาวต่างพากันเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์ของพวกเขาขึ้นมา เฝ้าดูจักรพรรดิองค์นี้ที่ไม่รู้ว่ากำลังจะพูดอะไรต่อ?
สวี่เทียนอวี๋ที่เอนตัวอยู่บนเก้าอี้รีบหยิบคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์ขึ้นมาทันทีที่ได้รับการแจ้งเตือนดังกล่าว เขาเปิดคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์ด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง และมองดูการถ่ายทอดสด
ฮิฮิ เป็นอย่างไรล่ะตาเฒ่า? ฮึ่ม! เขารู้ดีว่าจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์คงจะอยู่ไม่ได้นาน!
เขาต้องการดูว่าสเปนเซอร์จะพูดอะไร
“เราขอโทษที่รบกวนการพักผ่อนของทุกคน” ดูเหมือนว่าสเปนเซอร์จะมีท่าทีสงบลงมากหลังจากเหตุการณ์หายนะที่ทรมานสังขารเขามาถึงสองวันเต็ม และไม่ได้แสดงท่าทีหยิ่งยโสโอหังเหมือนเดิมอีกต่อไป “ก่อนอื่นเราอยากจะแสดงความเสียใจแก่ทหารทั้งหลายที่เสียชีวิตลงในจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์”
“เพราะความประมาทและเย่อหยิ่งของเรา ภรรยาและลูก ๆ ของทุกคนถึงได้ต้องพลัดพรากจากกัน” สเปนเซอร์ถอนหายใจและพูดต่อ “ตอนนี้เมืองหลวงถูกเอเลี่ยนปิดล้อม บางทีนี่อาจจะเป็นบทลงโทษของเรา”
“ถ้าเป็นไปได้ เรายินดีจะชดเชยชีวิตของทุกคนด้วยชีวิตของเรา”
เขาชี้ขึ้นไปเหนือศีรษะ “บางทีบทลงโทษนี้อาจอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม มีอสุรกายหุ้มเกราะจำนวนมากที่อยู่เหนือศีรษะของเรา และล้วนเป็นระดับ 9 ดาวที่ทรงพลังที่สุด”
สเปนเซอร์พูด “ถ้าเราตายเราคงไม่เสียใจแม้แต่น้อย แต่เราเสียใจแทนผู้บริสุทธิ์จำนวนมากที่อยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้”
“เรารู้ว่าผู้คนจากจักรวรรดิชิงเหย้าเกลียดเรา” สเปนเซอร์ “สวี่เทียนอวิ๋น ท่านกำลังดูวิดีโอนี้อยู่หรือเปล่า?”
สวี่เทียนอวี๋ตกตะลึง เจ้าตาเฒ่านั้นติดกล้องแอบถ่ายเขาเอาไว้หรือเปล่า? ทุกคนถึงรู้ว่าเขากำลังดูการถ่ายทอดอยู่
และไม่กลัวที่จะหันไปมองด้านหลัง
ก่อนจะเชื่อมต่อกับการถ่ายทอดสดของสเปนเซอร์โดยตรง หลังจากนั้นอวตารของทั้งสองคนก็ปรากฏขึ้นในเวลาเดียวกัน
“โย่ นั่นใครน่ะ? ฝ่าบาทสเปนเซอร์ของเรานี่นา…” สวี่เทียนอวี๋ไม่พอใจและประชดประชันอย่างเย็นชา
“ทำไมท่านถึงไปอาศัยอยู่ที่อื่นล่ะ? ไม่ได้อยู่ในพระราชวังอันวิจิตรงดงามหรอกเหรอ? เข้าไปทำอะไรกันที่ชั้นใต้ดิน?” สวี่เทียนอวี๋เอ่ยถามอย่างรู้เท่าทัน “หรือมาอยู่ในพระราชวังของเราดีไหม? เรามีห้องว่างให้ท่านนะ”
สเปนเซอร์เงียบและเฝ้าดูการแสดงของเขา
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถอนหายใจและพูดว่า “ขอโทษ”
สวี่เทียนอวี๋พ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา “ขอโทษ? ท่านมาขอโทษเรื่องอะไร? ท่านกำลังพูดถึงทหารนับพันนายของจักรวรรดิชิงเหย้าที่ถูกจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ของท่านฆ่าตายหรือเปล่า”
“มันคงไม่เป็นอะไรถ้าทหารของจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์จะล้มตายในสงคราม แต่สำหรับชาวชิงเหย้าอย่างพวกเราแล้ว ท่านจะพูดขอโทษแล้วจบลงง่าย ๆ อย่างนั้นน่ะเหรอ?” สวี่เทียนอวี๋พูดออกมาอย่างไม่พอใจนัก
“ท่านพรากชีวิตของพวกเราไปกี่ครัวเรือนแล้ว? ท่านเห็นแก่ตัวเองจนลืมไปว่าเราต้องติดอยู่กับสถานการณ์ที่ยากลำบาก แล้วดูสิ ตอนนี้กรรมตามสนองแล้วสินะ”
“จักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ของท่านไม่ได้บูชาทวยเทพหรอกเหรอ? ทำไมท่านถึงลืมคำทำนายที่เทพเจ้าทิ้งไว้ให้ล่ะ?”
“มีแค่ความสามัคคีเท่านั้นที่จะเอาชนะเอเลี่ยนได้ แล้วนี่ท่านกำลังทำอะไรอยู่?”
คำพูดของสวี่เทียนอวี๋กระแทกเข้ากับหัวใจของสเปนเซอร์ราวกับแท่งไม้ปักเข้ามา
“เราขอโทษ” สเปนเซอร์เปิดปากพูดแต่กลับไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไป ดูเหมือนว่าจะมีเพียงคำว่า ‘ขอโทษ’ เท่านั้นที่จะแสดงความขอโทษได้
“งั้นพูดมาเลยว่าท่านต้องการอะไรถึงต่อวิดีโอเข้ามาหาเรา?” สวี่เทียนอวี๋จ้องเขาเขม็ง
เขารู้ว่าสเปนเซอร์ไม่ใช่คนที่จะก้มหัวให้ใครง่าย ๆ เขาจะต้องมีแผนการอะไรแน่นอน
“เราได้ยินคำทำนายมาว่าองค์หญิงจากจักรวรรดิของท่านสามารถคลี่คลายสถานการณ์ของเอเลี่ยนได้ เราจะขอให้เธอมาช่วยได้ไหม?”
สีหน้าของสเปนเซอร์แดงก่ำเมื่อพูดเช่นนั้น ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาจากความอับอายได้
สวี่เทียนอวี๋รู้สึกโกรธจัดเป็นอย่างมากและเริ่มด่าทอ “ท่านเสียสติไปแล้วเหรอที่กล้ามาขอร้องเช่นนี้? เราจะส่งลูกสาวไปเพื่ออะไร? ไปหาความตายหรือไง?!!”