ตอนที่ 348 อสุรกายยักษ์ร้องขอการดูแล?
ตอนที่ 348 อสุรกายยักษ์ร้องขอการดูแล?
[บัดซบ! อสุรกายยักษ์ขอให้ดูแลมันจริงด้วย! ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหม? จักรวรรดิชิงเหย้าของเราข้ามไปอีกขั้นแล้ว! ข้ามขั้น! ข้ามขั้น!]
[จะต้องข้ามขั้นแน่นอน! มันคืออสุรกายยักษ์ระดับ 10 ดาวเชียวนะ! อสุรกายแข็งแกร่งกว่าราชาเอเลี่ยนระดับ 10 ดาวอีก! อ๊ากกก! จะมีใครอีก! ต่อไปนี้ใครจะกล้ารังแกจักรวรรดิชิงเหย้าของเรา?!]
[ถ้าไม่กลัวตายก็เข้ามาเลย! ใครไม่ชอบจักรวรรดิชิงเหย้าก็แสดงตัวออกมา แล้วเราจะสนองให้!]
[อ๊ากก! จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเฟอร์นิเจอร์ที่บ้านหรูหราขึ้นทันตาเห็นเลยแฮะ! ฮึฮึ นี่ฉันอยู่ในจักรวรรดิชิงเหย้าเหรอเนี่ย!? ไม่น่าเชื่อเลยอ่า!]
[จักรวรรดิชิงเหย้าของเราจะมีอสุรกายยักษ์ระดับ 10 ดาวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์! ต่อจากนี้ไปถ้าใครไม่ชอบเรา ก็เชิญมาที่นี่ได้เลย!]
[ทุกคนพูดไม่คิดกันเลยนะ พวกชิงเหย้าจะเอาจริงอย่างนั้นเหรอ? โง่กันหรือเปล่า?!]
[ใช่! พวกเราเริ่มทนไม่ไหวกับนิสัยชอบทำอะไรเกินจริงของคนพวกนี้แล้ว ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่! ฮึ่ม! คนอื่นก็แค่พูดเล่นกัน แต่พวกแกกลับจริงจังอย่างนั้นเหรอ?]
[ถึงเจ้าพวกนั้นจะจริงใจ แต่พวกแกดูแลมันได้เหรอ?! ดูร่างกายมันซะก่อน ฮึฮึ! มื้อหนึ่งต้องกินตั้งเท่าไหร่?! มันจะไม่จับพวกชาวชิงเหย้ากินจนเกลี้ยงเลยหรือไง!?]
[ฮ่า ๆ! พวกแกก็แค่อิจฉา! พวกเราชาวชิงเหย้ารู้ดี! ไม่ต้องห่วงหรอก พวกเราจะไม่หัวเราะเยาะพวกแก!]
[โอ๊ย!! กินเยอะก็ไม่เห็นเป็นไรเลย! ตอนนี้เรามีอสุรกายยักษ์ระดับ 10 ดาวแล้ว! ต่อให้อาหารมีไม่พอ เราก็จะออกไปหาให้พวกมัน!]
…
สวี่หลิงอวิ๋นมองดูเสี่ยวอ้าย ถูกต้อง! เสี่ยวอ้ายทำได้ดีมาก!
ทว่าเธอกลับแสร้งทำเป็นเขิน “โอ้ แต่แกก็รู้ว่าจักรวรรดิชิงเหย้าของเราเป็นเมืองเล็ก ๆ ถ้าแกไปที่นั่นแกจะรับได้เหรอ?!”
[โย่! องค์หญิงสามพูดถูก! ถ้ามาที่นี่มันคงจะไม่อิ่มแน่ เพราะอย่างนั้นต้องถามก่อนว่าจะรับได้ไหม!]
[ใช่ รีบหนีไปซะ! จักรวรรดิชิงเหย้ายากจนมาก ไม่มีอะไรให้กินหรอก ดูสิพวกเขาก็กินเอเลี่ยนกันทั้งนั้น!]
[เหลวไหล! องค์หญิงสามอย่าไปฟังคนพวกนั้น ท่านจะต้องเก็บอสุรกายยักษ์เอาไว้ให้ได้! สำหรับเจ้าอสุรกายตัวนี้ ผมยินดีจะเป็นมังสวิรัติ!]
[เหมือนคอมเมนต์บน! ฉันยินดีจะบริจาคเนื้อทั้งหมดในตู้เย็นเพื่อสนับสนุนท่าน!]
[ฉันยินดีจะบริจาคเนื้อของลุงรองกับลุงเล็ก รวมถึงเนื้อของแฟนหนุ่มให้ด้วย!]
…
“ไม่เป็นไร แค่มีเนื้อให้ฉันกินทุกวัน ฉันก็รับได้ โฮ่ง!” เสี่ยวอ้ายมองดูเธอ และพูดต่อ “แล้วฉันก็ไม่ได้อยากกินอะไรเยอะด้วย ฉันจะหดตัวลงโฮ่ง!”
เมื่อพูดจบ มันก็เขย่าร่างของตัวเอง จากร่างสูงดั่งภูเขากลายเป็นซามอยด์สูง 2 เมตรในทันที
ขนของมันขาวโพลนไปทั่วทั้งตัว ฟูฟ่อง และดูน่ารักเป็นพิเศษ โดยเฉพาะใบหน้าที่ยิ้มแย้มดุจดั่งเทวดาผู้มีเมตตาตั้งแต่แวบที่แรกเห็น ทำให้มันพิชิตใจของชาวเน็ตได้ในทันที
[ว้าว!! น่ารักจังเลย ไม่คิดมาก่อนเลยว่าอสุรกายยักษ์จะกลายเป็นเจ้าตัวน้อยแสนน่ารักแบบนี้]
[ฉันก็อยากได้! ทำไมชีวิตขององค์หญิงสามถึงโชคดีนัก? เธอมีถั่วชมพูอยู่แล้ว แล้วตอนนี้ยังอสุรกายน่ารักเข้ามาเพิ่มอีก! ฮือ ๆๆ องค์หญิงสามอยากจะขายถั่วชมพูไหมคะ? ฉันเต็มใจจะขายของทิ้งทั้งบ้านเพื่อซื้อถั่วชมพูเลยนะ]
[คอมเมนต์บนกำลังเพ้อฝันอะไรอยู่? ถั่วชมพูจะอยู่กับเธอได้หรือไง? มันเป็นถึงเอเลี่ยนระดับ 9 ดาว เธอล้อกันเล่นเหรอ?]
[องค์หญิงสามมีอสุรกายยักษ์ระดับ 10 ดาวเป็นมือซ้าย และมีถั่วชมพูระดับ 9 ดาวเป็นมือขวา อาห์! องค์หญิงสามดึงดูดทุกอย่างได้ทุกครั้งที่เธอออกไป]
[ใช่ องค์หญิงสามของเราเป็นองค์หญิงที่เจ๋งที่สุดในพันธมิตรห้วงดวงดาวแล้ว! ใครจะมีสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในระดับ 9 ดาวและระดับ 10 ดาวกัน? แต่องค์หญิงสามกลับมีทั้งคู่!]
[อยากถามคนจากจักรวรรดิอื่นบ้างจัง ว่าหน้าแหกกันหรือยัง?]
ผู้ชมจากจักรวรรดิชิงเหย้าแสดงความคิดบนหน้าจออย่างดุเดือด พวกเขารู้สึกตื่นเต้นมากที่ผู้นำยอดเยี่ยมที่สุด!
นี่คือการก้าวข้ามประวัติศาสตร์ที่เคยมีมา!
โดยเฉพาะสวี่เทียนอวี๋ที่ดูบันเทิงใจเป็นอย่างมาก เขามัวเมากับการมองดูลูกสาวของตัวเอง และพูดว่า “ภรรยาข้า เจ้าเห็นหรือเปล่า? ดูสิว่าลูกเราเก่งแค่ไหน ลูกปราบอสุรกายยักษ์ระดับ 10 ดาวได้แล้ว!”
“พี่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าราชวงศ์สวี่ของเราจะให้กำเนิดเด็กหญิงที่ทรงพลังขนาดนี้!” เมื่อพูดเช่นนั้น เขาก็ส่งเสียงสะอึกสะอื้น พร้อมจับมือภรรยาด้วยความเสน่หา และพูดว่า “ขอบใจภรรยาที่ให้กำเนิดลูกสาวผู้แสนวิเศษ ขอบใจเจ้าจริง ๆ”
“เธอเป็นลูกสาวของเสด็จพี่ด้วย เสด็จพี่เลี้ยงลูกมาอย่างดี” จักรพรรดินีมองดูสามีที่ลืมตัวเสียกิริยา และพูดตอบอย่างอ่อนโยน
เธอรู้ว่าการกระทำของบุตรชายคนที่สองสะเทือนจิตใจของสวี่เทียนอวี๋มากแค่ไหน นอกจากนี้ ถึงลูกสาวของเธอจะหักหลังต่อจักรวรรดิ แต่ในฐานะพ่อแม่ เธอก็ยังหวังว่าลูกชายจะยังมีชีวิตรอดปลอดภัยอยู่ในจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์
พ่อแม่ทุกคนคงคิดแบบเดียวกัน ต่อให้ตายก็สมควรตายต่อหน้า ดังนั้นพวกเขาจะได้เลิกกังวลเสียที ถึงแม้ว่าลูกชายคนนี้จะไม่เป็นดั่งหวังและทำให้พวกเขาขุ่นเคืองก็ตาม
“หลิงอวิ๋นเก่งมาก ในที่สุดพี่ก็สามารถสละบัลลังค์ได้อย่างสบายใจเสียที”
สวี่เทียนอวี๋ถือว่าตนเองเป็นจักรพรรดิมานานเกินพอแล้ว เขาถูกรัฐมนตรีเจ้ากี้เจ้าการมาตลอดทั้งวัน สั่งให้ทำนี่ สั่งให้ทำโน่น ทุกวันเขาต้องจัดการกับงานราชการที่ยังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก
รอจนกว่าลูกสาวจะกลับมา เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะจัดพิธีสละราชสมบัติ
“พี่อยากพาเจ้ากลับไปเยี่ยมบ้านพ่อแม่สักสองสามวัน! เห็นว่าเจ้าอยากกลับไปหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่มีโอกาสสักที ตอนนี้เจ้าออกไปเที่ยวเล่นได้แล้วนะ”
สวี่เทียนอวี๋มองดูภรรยาด้วยความรัก และพูดว่า “ขอบใจที่ตอนนั้นเจ้าเลือกพี่”
จักรพรรดินีมองดูสามีและจับใบหน้าของเขา “พูดอะไรอย่างนั้นเพคะ?”
“หากเสด็จพี่อยากขอบคุณ ก็ขอบคุณตัวเองที่ให้ความสำคัญกับน้องเสมอมาเถอะเพคะ”
จักรพรรดินีรู้ว่าเธอเองเป็นคนสงบสุขและมีเหตุผลมาโดยตลอด หากสวี่เทียนอวี๋ไม่กระตือรือร้นและแสดงความรักต่อเธอมากนัก บางทีเธออาจจะไม่สุขุมเช่นนี้
สวี่หลิงอวิ๋นมองดูเสี่ยวอ้ายและชื่นชอบมันมากขึ้นเรื่อย ๆ! เธอมองดูซามอยด์ที่ตัวสูงกว่าเธอเล็กน้อยเดินทอดน่องเข้ามาทางด้านข้างของเธอ และใช้หัวของมันถูเข้ากับเธอ
สวี่หลิงอวิ๋นลูบหัวของมันอย่างอ่อนโยน ช่างเป็นความรู้สึกที่แสนวิเศษนัก
ถั่วชมพูปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสาย
เสี่ยวอ้ายเจ้าเล่ห์นัก ไม่คาดคิดว่ามันจะปรับเปลี่ยนร่างกายภายในได้อย่างเงียบ ๆ! มันคิดว่าเสี่ยวอ้ายจะตัวใหญ่ตลอดไป แต่กลับกลายเป็นตัวเล็กลง
จบเห่แล้ว สวี่หลิงอวิ๋นผู้ไม่เคยจงรักภักดีจะต้องหลงลืมมันแน่นอน และจากนี้ไปเธอก็จะมีแต่เสี่ยวอ้ายอยู่ในสายตาเท่านั้น
ฮือ ๆๆ! เมื่อคิดว่าต่อจากนี้เสี่ยวอ้ายจะแก่งแย่งความดีความชอบของมันไป มันก็ไม่พอใจอย่างมาก!
[ฮึ ถ้านากาตัวนั้นเต็มใจจะมาเป็นสัตว์เลี้ยงขององค์หญิงสาม เราก็จะมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับ 10 ดาวอยู่ในจักรวรรดิชิงเหย้าถึงสองตัว!]
[ใช่ แล้วนากาตัวนั้นก็ตะกละมากไม่ใช่เหรอ? บางทีมันอาจจะเต็มใจมาที่จักรวรรดิชิงเหย้าของเราก็ได้]
[เป็นไปไม่ได้ เอเลี่ยนนากาหลงใหลในการต่อสู้ ถ้ามันเต็มใจจะมาที่นี่ ฉันคิดว่ามันจะต้องมาต่อสู้กับพวกเราแน่นอน หรือว่าจะมาแค่กินและดื่มเท่านั้น]