ตอนที่ 352 นากาจะเป็นแขก
ตอนที่ 352 นากาจะเป็นแขก
องค์หญิงสาม ท่านไร้คุณธรรมไปหรือเปล่า?!
ถึงแม้จะรู้สึกคับข้องใจ ทว่าจอมพลทั้งหลายที่อยู่บนยานรบเหนือน่านฟ้าจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ก็ยังลงมารวมกองกับกองกำลังทหารที่อัดแน่น
ทหารทั้งหลายมองดูเมืองที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังด้วยความงุนงง ไม่มีเอเลี่ยนเหลืออยู่สักตัว พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะเก็บดาบเล่มใหญ่ในมือไปหรือไม่
สำหรับเอเลี่ยนหุ้มเปลือกผู้ซื่อสัตย์เหล่านั้นน่ะเหรอ? ตอนนี้พวกมันหวาดกลัวที่จะตกเป็นเป้าหมายของมนุษย์!
แม้ว่าระดับความแข็งแกร่งของเอเลี่ยนหุ้มเปลือกจะค่อนข้างสูง และมีสติปัญญาค่อนข้างดีก็ตาม!
หลังจากมองดูผู้ยิ่งใหญ่ระดับ 10 ดาวทั้งสองตัวกินและดื่ม สวี่หลิงอวิ๋นก็เก็บจานขนาดใหญ่และหม้อคืนที่เดิม
จอมพลทั้งหลายค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้
อ๊ะ ไม่เหลืออาหารทิ้งไว้ให้พวกเขาบ้างเลยเหรอ?! แม้แต่บะหมี่ที่อยู่ในถ้วยก็ยังไร้เนื้อ!
ไม่มี! ไม่มีอะไรเลย!
นากาสัมผัสท้องของมัน ตอนนี้มันอิ่มมาก!
ถึงมันจะยังกินอาหารไม่หมด แต่มันก็หยิบจานขึ้นมาและเทเศษอาหารใส่เข้าไปในช่องกักเก็บที่อยู่บริเวณหน้าท้องของมันโดยตรง
หิวเมื่อไหร่ก็สามารถหยิบขึ้นมากินได้!
จอมพลทั้งหลายมองดูสิ่งมีชีวิตระดับ 10 ดาวทั้งสองตัวอีกครั้ง น่าอิจฉาพวกมันเหลือเกิน!
โดยเฉพาะเสี่ยวอ้าย เจ้าตัวนี้ดูดีและมีน้ำใจ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพละกำลังที่ทรงพลังของมัน!
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นยอดนักสู้ผู้แข็งแกร่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกอิจฉา!
“เอาล่ะ มาจัดการกับสนามรบกันเถอะ!” สวี่หลิงอวิ๋นยิ้มและหันไปออกคำสั่งกับจอมพลทั้งหลาย “ดูว่ายังมีของมีค่าอะไรเหลืออยู่ไหม และเอามันกลับไปกับพวกเราด้วย! กว่าจะจัดการอะไรได้มันไม่ง่ายเลย เพราะงั้นเอาของที่น่าสนใจกลับไปด้วยล่ะ!”
ชาวเน็ตทั้งหลายไม่ได้สนใจ
เพราะนี่คือธรรมเนียม!
กติกาซ่อนเร้นพวกนี้คือสิ่งที่มีมาตั้งแต่สงครามเมื่อหลายพันปีก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ?!
และพวกเดียวที่รู้สึกไม่พอใจน่าจะเป็นจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์หรือเปล่า?!
ทว่าตอนนี้พวกเขาก็ไม่เต็มใจจะพูดอะไร เพราะสวี่หลิงอวิ๋นเป็นคนช่วยให้พวกเขาก้าวผ่านช่วงเวลาวิกฤตมาได้!
อย่างน้อยที่สุด จักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ก็ไม่ต้องเผชิญหน้ากับสงครามกลางเมืองที่อาจเกิดจากกองกำลังหลักแย่งชิงบัลลังก์จากราชวงศ์ที่ล่มสลายลง
ทว่ากองกำลังหลักพวกนั้นกลับรู้สึกเศร้าใจ
เพราะอะไรราชวงศ์ถึงไม่ล่มสลายลงเสียที?! ถึงแม้ว่าจักรพรรดิจะสิ้นชีพลงแล้ว แต่ก็ไม่มีหลักประกันอะไรว่าจักรพรรดิจะไม่ละทิ้งราชโองการเอาไว้
ตอนนี้ขุนนางชั้นสูงของปีกพิสุทธิ์ต่างก็ล้มตายกันไปกว่าครึ่งหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าอำนาจการปกครองจะตกอยู่ในมือของใคร!
กองกำลังหลักกำลังรอเพื่อจับตาดู…
เหมยหมี่พาแม่ และร่างไร้วิญญาณของพ่อออกมาจากห้องใต้ดิน
แดดข้างนอกหุบลงไปนานแล้ว!
ทันทีที่เหมยหมี่ออกมา จอมพลผู้ทรหดจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ก็รีบวิ่งเข้ามาโค้งคำนับและพูดว่า “ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงเหมยหมี่”
“สวัสดี ท่านจอมพลคาซี” เหมยหมี่มองดูชายชราและพยักหน้า “เราเสียใจด้วยนะ เราทำผิดพลาดไป”
จอมพลคาซีมองดูหญิงสาวที่ดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่สามารถกล่าวโทษอะไรออกมาได้ อันที่จริงแล้วมันไม่เกี่ยวข้องกับเธอเลย จักรพรรดิสเปนเซอร์ต่างหากที่เป็นคนทำสิ่งโง่เขลาพวกนี้ทั้งหมด
ราชวงศ์เป็นหนึ่งเดียว และไม่มีใครสามารถกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของใครได้
“ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ ท่านปลอดภัยก็ดีแล้ว”
ทั้งสองจ้องมองกันและไม่พูดอะไรออกมาอีก
สำหรับจอมพลคนอื่นของจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์น่ะเหรอ? เหมยหมี่รู้ดีว่าพวกเขาดูหมิ่นราชวงศ์ของเธอมาโดยตลอด
กล่าวได้ว่าราชวงศ์นั้นเป็นเพียงหุ่นเชิดที่คอยแต่รับความช่วยเหลือมาโดยตลอด
โชคดีที่พืชพลังงานของจักรวรรดิอยู่ในมือพวกเธอ เหมยหมี่จึงสามารถใช้พืชพลังงานมาเรียกหาเสียงได้
“ไปกันเถอะ ไปพบองค์หญิงสามที่เขาเลื่องลือกัน” เหมยหมี่พูดขึ้นขณะมองดูจอมพลคาซี
จอลพลคาซีพยักหน้าและเดินตามหลังเหมยหมี่
“อ๊ะ ใช่แล้ว!” เหมยหมี่หันไปพูดกับหัวหน้าองครักษ์ที่อยู่ด้านข้าง ราวกับนึกอะไรบางอย่างออก “เจ้าไปที่ดูที่คุกใต้ดินทีว่าสวี่รุ่ยอวิ๋นเป็นอย่างไรบ้าง”
ไม่ว่าสวี่รุ่ยอวิ๋นจะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า? บางทีเธออาจจะใช้ประโยชน์จากองค์ชายรองแห่งจักรวรรดิชิงเหย้าได้
อย่างเช่น…การเจรจาต่อรอง
ขณะเดียวกันเสี่ยวอ้ายกำลังพูดเร่งเร้านากา “ทำไมเจ้าไม่รีบออกไปซะล่ะ?!”
ถั่วชมพูมองดูปุ่มมิติกักเก็บที่ว่างเปล่าของมันแล้วอยากจะร้องไห้ออกมา!
นากาตัวนี้ขู่ว่าจะเอาทุกสิ่งอย่างในปุ่มมิติกักเก็บของมันไปให้หมด!
ฮือ ๆๆ! ของในคลังของมันหายไปหมดเลย!
นากาหันซ้ายทีหันขวาที และกระดิกหาง “นายท่านของเจ้าเชิญให้ข้าไปเป็นแขกรับเชิญไม่ใช่เหรอ? ข้ากำลังรอไปที่นั่นอยู่!”
ดวงตาของเสี่ยวอ้ายเบิกกว้างเมื่อได้ยินดังนั้น!
“เจ้าจะไปเป็นสัตว์เลี้ยงของนายท่านเหรอ?” เสี่ยวอ้ายพูดถาม “ถ้าเจ้าเต็มใจจะเป็นสัตว์เลี้ยงของนายท่านงั้นก็มาเลย เรายินดีต้อนรับเจ้า”
เป็นสัตว์เลี้ยง?
นากาครุ่นคิด ข้าไม่คิดจะเป็นสัตว์เลี้ยงของมนุษย์หรอกนะ…!
“โฮ่ง! เจ้าไม่คิดจะเป็นงั้นเหรอ? ทำไมไม่มาเป็นด้วยกันล่ะ โฮ่ง? เจ้าจะมากินดื่มฟรีกับนายท่านหรือไง โฮ่ง?” เสี่ยวอ้ายเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้นก่อนจะพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “งั้นเจ้าก็ออกไปจากที่นี่ซะ โฮ่ง”
นากาเยาะเย้ยด้วยการแลบลิ้นออกมาและพูดว่า “นายท่านของเจ้าบอกว่าเธอต้องการกวาดล้างรังของพวกเอเลี่ยนไม่ใช่เหรอ? ข้าคุ้นเคยกับพวกเอเลี่ยนแถวนี้ดี ข้าบอกทางให้พวกเจ้าได้นะ ฟ่อ…!”
ถั่วชมพูแอบพูดสาปแช่งอีกฝ่าย
อย่าเข้ามาเลย! ถ้าอีกฝ่ายเข้ามา ตัวมันคงจะได้กินนิดเดียวสินะ? มันควรจะได้กักตุนของกินเอาไว้ไม่ใช่เหรอ?
ทุกครั้งมันต้องพยายามกักตุนอาหารด้วยการกัดกินทีละนิด หากเป็นเช่นนี้ นากาก็จะเข้ามาแย่งชิงอาหารส่วนของมันไปหมดน่ะสิ!
ถ้านากาเข้ามาร่วมด้วย มันจะไม่ถูกข่มขู่จนตายเลยเหรอ?!
ไม่ได้! จะให้มาไม่ได้!
มันจึงพูดขึ้นว่า “ฉันเองก็รู้ทาง เมี้ยว รู้จักเอเลี่ยนที่อยู่ละแวกนี้เหมือนกันนะ เมี้ยว…!”
ท้ายที่สุดมันมองไปที่เสี่ยวอ้ายด้วยสายตาจริงจังและพูดว่า “เมี้ยว ฉันพูดจริงนะ! เมี้ยว!”
พวกเราต้องเป็นพวกเดียวกัน!
มองแวบแรกก็รู้ว่านากาตัวนี้ไม่ใช่คนดีนัก วัน ๆ เอาแต่กินแล้วก็นอน ดูแค่นี้ก็รู้แล้ว!
สวี่หลิงอวิ๋นมองดูนากาที่ต้องการจะอยู่ต่อ ทว่าเสี่ยวอ้ายกับถั่วชมพูพยายามจะขับไล่มัน เธอจึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “นากาอยากไปที่จักรวรรดิชิงเหย้ากับฉันไหม?”
นาการู้สึกถึงแสงสว่างเมื่อได้ยินเช่นนั้น!
มันจึงรีบพยักหน้า “ฟ่อ! ได้สิ! ข้าก็อยากเห็นว่าโลกมนุษย์จะเป็นอย่างไรบ้าง!”
ไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องกินอีกแล้ว หากที่นั่นมีของกินมากมาย การอยู่เที่ยวเล่นบนโลกมนุษย์ให้นานกว่านี้อีกหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร!
เรื่องใหญ่สุดก็แค่ออกไปหาวัตถุดิบ!
ตัวอย่าง เช่น เอเลี่ยนระดับ 9 ดาว?! มันสามารถออกไปจับเอเลี่ยนพวกนี้ได้วันละหลายสิบตัวโดยไม่มีปัญหา!
สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า เธอมองดูเสี่ยวอ้าย “เสี่ยวอ้าย ในเมื่อนากาอยากมาด้วย เราก็ต้องดูแลมันนะ!”
เธอพูดเช่นนั้นและขยิบตาให้เสี่ยวอ้าย
เสี่ยวอ้ายรับรู้ได้ทันที และพยักหน้าโดยไม่มีปัญหาอะไร “ก็ได้ ในเมื่อนายท่านบอกให้เจ้ามาด้วย เจ้าก็มาด้วยกัน!”
“แต่ว่าเราขอบอกเจ้าก่อนว่าเจ้าจะต้องทำตัวให้ดี อย่าสร้างปัญหา! ถ้าเจ้าสร้างปัญหาอะไร เราจะจับตัวเจ้าถลกเกล็ดออกให้หมด จุ่มลงไปในซอสและกินเจ้าซะ!”
เกล็ดของนากากระชับขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงการเสียชีวิตที่น่าสลดใจของเอเลี่ยนหุ้มเปลือก “วางใจได้! ข้าจะเชื่อฟัง!”