ตอนที่ 376 มาเถอะ มาทำอาหารกัน
ตอนที่ 376 มาเถอะ มาทำอาหารกัน
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา!
เงือกเป็นสัตว์น้ำ และหวาดกลัวความร้อนมากที่สุด เขารู้สึกถึงเลือดที่แผดเผาไปทั่วทั้งร่างกาย! เขาจะตายไหม?
จะไม่มีชีวิตอยู่ต่ออีกแล้วหรือ?!
คาชาพึมพำกับตัวเอง เขาทั้งน่าเกลียดและถูกพ่อแม่ทอดทิ้งหลังจากถือกำเนิดได้ไม่นาน หลายปีที่ผ่านมา มีแต่ป้าที่คอยเลี้ยงดูเขาอยู่ในสลัม จนกระทั่งป้าเสียชีวิตไปเมื่อปีก่อน และเขาก็ต้องอยู่คนเดียวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ถ้าตอนนี้เขาตาย เขาจะได้กลับไปอยู่ในอ้อมกอดของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล!
จากนี้คงไม่ต้องเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว!
คาชาคิดในใจ ความรุ่มร้อนเริ่มแผดเผามากขึ้นเรื่อย ๆ เกล็ดบนร่างกายของเขาถูกความร้อนบดขยี้จนหลุดลอกออกมา
เขาคิดในใจว่าเดิมทีตัวเองก็น่าเกลียดอยู่แล้ว ตอนนี้ดูเหมือนจะดีขึ้นแท้ ๆ แต่ถ้าเขาไม่มีเกล็ด เขาจะไม่น่าเกลียดกว่าเดิมหรือ?!
เขาครุ่นคิดด้วยความมึนงง และไม่รู้ว่าพลังในร่างกายของตัวเองแพร่กระจายออกมาทั่วทุกสารทิศ!
พลังแห่งท้องทะเลอันบริสุทธิ์โหมกระหน่ำออกมาและสร้างความปั่นป่วนให้กับร่างกายของเขา พลังดังกล่าวขับไล่สิ่งเจือปนทั้งหมดในร่างกายออกไป นอกจากนี้มันยังส่งผลถึงพลังจิตของเขาโดยตรง
นิ้วมือของเขาเรียวยาวขึ้น อีกทั้งเล็บก็ยาวขึ้นเช่นกัน นิ้วทั้งสองข้างก่อตัวขึ้นเป็นดั่งตะขอเหล็กกล้าที่แสนอันตราย
แก้มของเขาถูกปกคลุมไปด้วยชั้นเกล็ดสีดำ ดูคล้ายคลึงกับหน้ากากของนักฆ่ารัตติกาลที่สามารถปกป้องเขาจากสัตว์ร้ายแห่งท้องทะเล
กระดูกของเขามีน้ำหนักเบาลงจนว่ายน้ำได้เร็วขึ้น รูม่านตาทั้งสองข้างขยายออกเป็นแนวตั้ง ช่วยให้เขามองเห็นได้ไกลขึ้นและยังมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
…
วิวัฒนาการของเขาดึงดูดเงือกจำนวนนับไม่ถ้วน จนจักรพรรดิเงือกถึงกับเข้ามาตรวจสอบด้วยตัวเอง
“เกิดอะไรขึ้น!? มีเงือกอีกตัวที่เป็นเหมือนบรรพบุรุษงั้นเหรอ?”
จักรพรรดิเงือกรับรู้ถึงพลังแห่งท้องทะเลอันบริสุทธิ์ที่ผสมปนเปกับพลังงานที่โหดเหี้ยม
จักรพรรดิเงือกทั้งประหลาดใจและยินดี
ไม่รู้ว่าเงือกตัวนี้จะมีลักษณะนิสัยใจคออย่างไร และอะไรเป็นสาเหตุในการวิวัฒนาการที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน?!
องครักษ์เงือกออกไปตรวจสอบ และกลับมาพร้อมกับข้อมูลบางอย่าง
“ท่านจักรพรรดิ เท่าที่กระหม่อมทราบ วันนี้เขาพูดคุยกับพวกมนุษย์และแลกเปลี่ยนอาหารกับจี้กันพ่ะย่ะค่ะ”
“มนุษย์?” จักรพรรดิเงือกรู้สึกไม่สบายใจนัก เขาคิดว่ามันเกิดขึ้นเพราะวัตถุบางอย่างในดาวสมุทร!
แต่ว่าไม่เป็นไร อย่างน้อยก็มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอน นั่นคือเงือกหนุ่มตัวนี้แลกเปลี่ยนสิ่งของกับพวกมนุษย์ เพียงเท่านี้ขอบเขตก็แคบลง
“มนุษย์พวกนั้นหายไปไหนแล้ว?” จักรพรรดิเงือกสั่ง “บอกให้ดอลลี่พาพวกนั้นกลับมา”
องครักษ์เงือกทำความเคารพก่อนจะถอยออกไป
ขณะเดียวกัน ดอลลี่ก็พากลุ่มสวี่หลิงอวิ๋นกลับมา
พวกเขาพบกับองครักษ์ที่ยืนตัวตรง ก่อนที่เหล่าองครักษ์จะรีบโค้งคำนับเมื่อเห็นดอลลี่ และพูดว่า “ท่านดอลลี่ จักรพรรดิรอท่านกับแขกมนุษย์พวกนี้อยู่ครับ”
ดอลลี่พยักหน้า และนำกลุ่มสวี่หลิงอวิ๋นเข้าไปหาจักรพรรดิเงือก
“โย่ ท่านจักรพรรดิเงือก ท่านเรียกเรามาให้ทำอะไรอีกล่ะ? เรากำลังเที่ยวเล่นกันสนุกอยู่เชียว!” สวี่หลิงอวิ๋นพูดขึ้นหลังจากทักทาย
หลังจากที่รับรู้ว่าทุกวันนี้ชาวเงือกกินอะไรเป็นอาหาร เธอก็อยากจะเปิดร้านอาหารขนาดย่อมบนดาวสมุทรนี้ขึ้นมาในทันที!
ชาวเงือกบนดาวสมุทรร่ำรวยกันมาก มีทั้งไข่มุกรัตติกาลและแร่เพชร พวกเขาล้วนมีแร่มากมายวางเรียงอยู่ที่บ้าน ราวกับมันเป็นเพียงสิ่งของไร้ค่า!
และระดับความใจเด็ดของพวกเขาก็ทำให้สวี่หลิงอวิ๋นตกหลุมรักเลยทีเดียว!
“เจ้าให้คาชากินอะไร?” จักรพรรดิเงือกจ้องมองสวี่หลิงอวิ๋น “เขากำลังวิวัฒนาการ!”
นับว่าเป็นเงือกตัวที่สองจากเผ่าเงือกที่มีพัฒนาการแล้ว!
สวี่หลิงอวิ๋นชะงัก ใครคือคาชา!?
“เจ้าตัวที่มอบเครื่องประดับให้เจ้าน่ะ!” จักรพรรดิเงือกจ้องมองเธอ และรับรู้ได้ว่ามนุษย์คนนี้คงหลงลืมไปแล้วสินะ! น่าผิดหวังนัก!
สวี่หลิงอวิ๋นลืมไปแล้วอย่างนั้นหรือ? แน่นอนว่าไม่ลืม เธอเพียงแค่ไม่ได้ถามชื่อของเงือกหนุ่มคนนั้น!
แค่เจอกันโดยบังเอิญ จะต้องรู้จักชื่อแซ่กันไปทำไม? เพียงเท่านี้ก็นับได้ว่าเป็นความสุขแล้ว
สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า เพื่อแสดงว่าเธอจำได้
“มันคือน้ำพริกไข่ปู” สวี่หลิงอวิ๋นตอบอย่างตรงไปตรงมา น้ำพริกไข่ปูนี้เป็นแก่นแท้ของอสุรกายเขี้ยวยักษ์!
ทั่วทั้งชิงเหย้ามักต้องการลิ้มรสของที่เธอกิน ยกเว้นสิ่งนี้ มีเพียงแฟนหนุ่มของเธอเท่านั้นที่กินมัน
เดิมทีสวี่หลิงอวิ๋นค่อนข้างเป็นกังวลกับแฟนหนุ่ม เพราะเธอรู้ดีว่าต่อให้น้ำพริกไข่ปูจะอร่อยสักแค่ไหน แต่มันก็เป็นส่วนผสมที่ชาวชิงเหย้าไม่อยากกลืนลงคอ
ดังนั้น เธอจะไม่เอาน้ำพริกไข่ปูออกมากินเมื่อเธอต้องกินอาหารกับโอคาซี
น่าเสียดายที่น้ำพริกไข่ปูแสนอร่อยกลับถูกละเลย และทำได้เพียงปล่อยทิ้งไว้ให้เสียเปล่า
“น้ำพริกไข่ปู?” จักรพรรดิเงือกขมวดคิ้ว “มันคืออะไร?”
“มันทำมาจาก ‘เนื้อ’ ของอสุรกายเขี้ยวยักษ์” สวี่หลิงอวิ๋นพูดโกหกออกไป เธอไม่รู้ว่าเงือกพวกนี้จะยอมรับน้ำพริกไข่ปูได้หรือไม่ หากพวกเขาไม่ยอมรับ เธอจะไม่โชคร้ายหรือ?
ดังนั้น เธอจะรอจนกว่าจะแน่ใจว่าเงือกพวกนี้วิวัฒนาการเพราะน้ำพริกไข่ปู!
วิวัฒนาการของคาชาใช้ระยะเวลาสั้นกว่าของกิบสันเป็นอย่างมาก! อีกฝ่ายใช้เวลาวิวัฒนาการถึงสามวัน!
ขณะเดียวกัน นักวิจัยของสถาบันวิจัยเงือกกำลังลูบไล้น้ำพริกไข่ปูราวกับมันคือทรัพย์สมบัติ!
“ใช่แล้ว! เป็นเจ้านี้แหละ! มันคืออาหารที่บรรพบุรุษเงือกเคยพูดเอาไว้!”
“ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่ชาวเงือกคิดว่าเป็นตำนานมาตลอด จะกลายมาเป็นเรื่องจริง!”
“ไปรายงานจักรพรรดิเดี๋ยวนี้!”
…
สวี่หลิงอวิ๋นยังคงไม่รู้เกี่ยวกับงานวิจัยของนักวิจัยเหล่านั้น
หลังจากอุดอู้อยู่ภายใต้ก้นบึ้งทะเลเป็นเวลาสามวัน และต้องกลืนกินเนื้อปลาดิบทุกมื้อ ต่อให้ปลาดิบจะอร่อยเพียงใด แต่ก็ต้องรู้สึกเอียนบ้างใช่ไหม?!
โดยเฉพาะนากา มันรู้สึกขยะแขยงอย่างมาก!
ต่อมรับรสของมันมีพัฒนาการขึ้นแล้ว มันจะมองเห็นอาหารดิบอยู่ในสายตาต่อไปได้อย่างไร?
เพื่อปรับปรุงรสชาติอาหารให้ดียิ่งขึ้น สวี่หลิงอวิ๋นจึงทำได้เพียงพึ่งพาตัวเอง!
เมื่อพูดถึงเรื่องการทำอาหาร ดวงตาของเสี่ยวอ้ายกับนากาก็เป็นประกายในทันที พวกมันรีบพากันออกไปจับปลาขนาดใหญ่ที่สูงเท่าเนินเขา!
สวี่หลิงอวิ๋นแทบเป็นลมทันทีที่เห็น! ปลาอะไรใหญ่ขนาดนี้?!
เสี่ยวอ้ายกับนากาเพียงแต่หัวเราะ ‘ฮิฮิ’ ขณะจ้องมองเธอ
สวี่หลิงอวิ๋นทำอะไรไม่ถูก ทำได้เพียงครุ่นคิดว่าอาหารชนิดใดที่จะเหมาะกับปลาตัวใหญ่เช่นนี้!
ปลาตัวใหญ่มีชั้นไขมันอยู่มาก หากจะปรุงให้อร่อย จะต้องเอาไปทำเป็นปลาทอดเท่านั้น
แต่ว่าเธอไม่มีกระทะขนาดใหญ่ และนั่นทำให้เครื่องจักรกลรู้สึกเศร้าใจอีกครั้ง!
หากเครื่องจักรกลสามารถพูดได้ มันคงจะโบกมือแล้วบอกว่าไม่เป็นไร! ชินแล้วล่ะ!
ทันทีที่กระทะขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น เครื่องจักรกลก็หั่นเนื้อปลาขนาดใหญ่ออกเป็นแผ่นหนาเท่ากำปั้น เนื้อปลาถูกหมักเอาไว้ครู่หนึ่ง ก่อนที่สวี่หลิงอวิ๋นจะสั่งให้แขนกลเจาะรูขนาดเท่ารูเข็มลงบนเนื้อปลา เพื่อให้รสชาติแทรกซึมเข้าไปในเนื้อปลา
จากนั้นจึงราดน้ำมันลงเล็กน้อย และใส่เนื้อปลาลงไปทอดในกระทะร้อน
กลิ่นหอมของปลาทอดลอยตลบอบอวลไปถึงสิบไมล์!
ปลาดาวสมุทรมีรสชาติอร่อยอย่างยิ่ง! แค่ทอดในน้ำมันก็สามารถสัมผัสได้ถึงความหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของปลามาแต่ไกล! จนทำให้เงือกทั้งหลายที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงเริ่มน้ำลายสอ!