ตอนที่ 379 อาหารโฮมเมดของจักรพรรดิเงือก
ตอนที่ 379 อาหารโฮมเมดของจักรพรรดิเงือก
โดยปกติแล้วชาวเงือกจะต้องปลีกตัวออกไปยืนอยู่สองข้างทางทันทีที่เห็นพวกเขา แต่ตอนนี้ทุกคนกลับเมินเฉย
ดอลลี่เหลือบเห็นพวกเขา และรีบว่ายไปที่ด้านหลัง “ฝ่าบาทกับจักรรพรรดินีอยู่นี่กันเองหรือเพคะ?”
จักรพรรดิเงือกพยักหน้า “ดอลลี่ สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
ดอลลี่ส่ายหัว “ตอนนี้พวกเงือกมารวมตัวกันมาก หากเป็นเช่นนี้ต่อไป หม่อมฉันเกรงว่าพวกเขาคงจะไม่ได้พักจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้”
ข่าวของชาวเงือกแพร่กระจายเป็นวงกว้าง ทุกคนต่างรู้ดีว่ามนุษย์กำลังทำอาหารอยู่ที่นี่ และอาหารที่พวกเขาทำนั้นอร่อยมาก ทว่าราคาค่อนข้างแพง!
แต่หากไม่มีเงินก็ไม่เป็นอะไร เพราะสามารถเอาอาหารมาแลกเปลี่ยนได้
ส่งผลให้ชาวเงือกแห่เข้ามากันมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่เงือกผู้รับผิดชอบล่าสัตว์อยู่นอกเมือง ไม่สามรถหยุดล่าได้
“จะทำยังไงกันดี?! เมื่อไหร่เราจะได้เจอมนุษย์คนนั้น?” จักรพรรดิเงือกไม่สามารถอดทนรอได้นาน!
ถึงเขาจะเป็นจักรพรรดิ เขาก็ไม่กล้ารุกรานชาวเงือกตามความต้องการของตัวเอง
เพราะช่วงสิ้นปีเขาจะได้ไม่ถูกโหวตให้เป็นจักรพรรดิเงือกที่ไร้คุณสมบัติที่สุด!
“มีวิธีหนึ่งเพคะ!” ดอลลี่พูด
“วิธีอะไร?” จักรพรรดินีเงือกถาม
หากมีวิธีการสักทาง มันคงจะดีขึ้นไม่น้อย!
“แลกสิ่งของ!” ดอลลี่พูด “ชาวเงือกเอาของที่สวยงามที่สุดในบ้านพวกเขามาแลกเปลี่ยน ฝ่าบาทที่มั่งคั่งก็เอาทรัพย์สมบัติออกมาแลกสิเพคะ!”
พูดแบบนั้นก็ถูก…
“นั่นสินะ!” เขาหยิบเพชรขนาดเท่ากำปั้นออกจากกระเป๋า เพชรนี้คือของมีค่าที่เขาเอาใส่ไว้ในกระเป๋าทุกวัน และบางทีเขาอาจจะซื้อของอร่อยสักหม้อได้?
“ฝ่าบาท หม่อมฉันเกรงว่านั่นจะไม่พอเพคะ!” ดอลลี่เหลือบมองจักรพรรดิผู้ขี้เหนียวแล้วถึงกับพูดไม่ออก
เพชรเม็ดนี้สามารถแลกเปลี่ยนอาหารได้เพียงห้าถึงหกกระบวยเท่านั้น จะเอาไปแลกเปลี่ยนทั้งหม้อได้อย่างไร? ตลกไปหรือเปล่า?!
“ฮึ่ม! นี่คือเขตควบคุมของเรา! เราซื้อได้แน่นอน!”
จักรพรรดิเงือกมั่นใจ!
ดอลลี่ทำความเคารพเสียงละห้อย ก่อนจะพาเงือกผู้สูงส่งทั้งสองเข้าไปพบสวี่หลิงอวิ๋น
สวี่หลิงอวิ๋นนั่งอยู่ในลานด้วยท่าทีสบาย ๆ!
เสี่ยวอ้ายกับนากายังคงออกไปล่าสัตว์อยู่ข้างนอก ไม่รู้ว่าพวกมันจะได้วัตถุดิบอันแสนอร่อยอะไรกลับมาบ้าง
แขนกลมีหน้าที่ปรุงอาหาร ขณะที่เธอคอยป้อนระบบคำสั่งการ
เธอนั่งอยู่ในลานอาหารขนาดย่อมเพื่อสูดดมกลิ่นอาหารอันโอชะเป็นครั้งคราว
อา! หอมจัง!
ส่วนจักรพรรดิเงือกกับจักรพรรดินีเงือกที่ดอลลี่พามาล่ะ?! ฮึ! โทษทีนะ! มีเงือกอยู่ตั้งเยอะแยะ ใครจะไปมองเห็นพวกเขากัน!
สวี่หลิงอวิ๋นยังคงกินอย่างมีความสุข หลับตาและพักผ่อน
จักรพรรดิเงือกโกรธเคือง! นางองค์หญิงมนุษย์ผู้นี้จงใจเมินเขา!
“เฮ้ย! เจ้ามนุษย์หญิง! อย่าแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเราหน่อยเลย! ฉันเห็นว่าเธอตื่นแล้ว!” จักรพรรดิเงือกพูดอย่างขุ่นเคือง
สวี่หลิงอวิ๋นลืมตาขึ้นและลุกขึ้นนั่งช้า ๆ “ท่านกำลังพูดอะไร?! เราเป็นมนุษย์ที่เกิดมาพร้อมกับความอ่อนแอ เทียบกับ 10 ดาวอย่างท่าน เราก็เป็นแค่คนหูหนวกตาบอดเท่านั้นแหละ”
“ท่านบอกว่าเราลืมตาแล้ว แต่บางครั้งเราก็มองส่งเดช ต่อให้ท่านมายืนตรงหน้าเราก็มองไม่เห็นท่านหรอก!”
จักรพรรดินีเงือกบีบมือสามีและค่อย ๆ เดินออกไป “ต้องขอโทษด้วยที่เรามารบกวนท่าน!”
สวี่หลิงอวิ๋นส่ายหัว “ไม่หรอก ไม่ได้รบกวนอะไร”
เธอยิ้มและพูดว่า “เรายินดีที่ท่านมาหาต่างหาก!”
สวี่หลิงอวิ๋นผลักถ้วยที่อยู่ตรงหน้าออกไป “ท่านลองชิมดูสิ เราเพิ่งทำมันเสร็จ”
ในถ้วยมีปลาตากแห้งอยู่ประมาณสามถึงห้าตัว ปลาตากแห้งแต่ละตัวมีขนาดห้าเซนติเมตรเท่านั้น ปลาตากแห้งดังกล่าวถูกนำไปตากจนแห้ง ก่อนจะเอาไปทอดจนได้รสอร่อย พวกเขาจะเคยกินปลาตากแห้งแบบนี้ได้ที่ไหนกัน?
จักรพรรดินีเงือกกินจนเกือบหมด เหลือเพียงปลาตัวเดียวให้จักรพรรดิเงือกผู้น่าสงสาร
หลังจากจักรพรรดิเงือกกินหมดแล้ว เขาก็มองดูหม้อที่อยู่ถัดออกไป
“เรามีเพชรเม็ดงามด้วยนะ พวกเราจะได้กินอีกเท่าไหร่?!” จักรพรรดิเงือกยังคงรักษาหน้าด้วยการไม่พูดออกไปว่าเขาต้องการอาหารทั้งหม้อ
หากเขาพูดออกไป เกรงว่าสวี่หลิงอวิ๋นจะไล่ตะเพิดเขา!
สวี่หลิงอวิ๋นเหลือบมองอย่างอวดดี ก่อนจะร้องตะโกนว่า “เอาปลาแห้งมาถวายให้จักรพรรดิเงือกอีกกระบวย!”
เยี่ยมไปเลย! เพชรเม็ดงามขนาดนี้ได้แค่ปลาแห้งหนึ่งกระบวยอย่างนั้นหรือ?!
นี่คือการโกงกันอย่างเห็นได้ชัด!
ใบหน้าของจักรพรรดิเงือกบูดบึ้ง!
“ทำไมเจ้าให้เราแค่หนึ่งกระบวย!? เจ้าไม่เห็นหรือไงว่าเพชรเม็ดนี้ทรงคุณค่าขนาดไหน!”
สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า “เห็นแล้ว! เราถึงจะให้ท่านหนึ่งกระบวยไง หรือถ้างั้นจะลดเหลือครึ่งกระบวยก็ได้นะ!”
เฮอะ! จักรพรรดิเงือกหัวร้อนเมื่อได้ยินเช่นนั้น!
“ทำไมเจ้าให้เราแค่หนึ่งกระบวย?! ทีเงือกพวกนั้นเอาไข่มุกมาแลก เจ้าก็ให้หนึ่งกระบวย!”
สวี่หลิงอวิ๋นยิ้ม “แต่ท่านกับเงือกพวกนั้นต่างกัน! ท่านเป็นถึงจักรพรรดิเงือกที่สามารถเอาทรัพย์สมบัติมาแลกได้ แต่เงือกพวกนั้นไม่ใช่ พวกเขาเอาสิ่งของที่มีค่าที่สุดในครอบครัวออกมาแลก และของของท่านเทียบไม่ได้เลย!”
“พวกเขาเอาของที่มีค่าที่สุดในวงศ์ตระกูลออกมาแลก แล้วเราจะเอาให้พวกเขานิดเดียวได้อย่างไร?!” สวี่หลิงอวิ๋นครุ่นคิด หากครั้งนี้เราจัดการท่านไม่ได้ ท่านก็คงจะคิดว่าเราเป็นแม่พระสินะ?!
เราอยู่ในระดับ 9 ดาวแล้ว และก็จะยึดมั่นในแนวคิดของตัวเอง!
“จักรพรรดิเงือกยังอยากจะกินอยู่หรือเปล่า? ถ้าไม่อยากกินก็ลืมไปมันไปเถอะเพคะ” สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองเขาอย่างเกียจคร้าน โยนไข่มุกรัตติกาลที่อยู่ในมือเล่นด้วยความหยิ่งยโส
ท่าทางของเธอทำให้จักรพรรดิเงือกโกรธแทบตาย เขาหันกลับและพูดว่า “ฮึ่ม ถ้าเราไม่ได้ เราก็ไม่เชื่อหรอกว่าเราจะทำแบบนี้บ้างไม่ได้!”
ก็แค่จุดไฟกองเล็ก ๆ โรยเกลือหรืออะไรสักอย่างลงไป? เมื่อคิดเช่นนั้น จักรพรรดิเงือกผู้มีความสามารถ เฉลียวฉลาด และทำอะไรก็ย่อมสำเร็จจะจัดการกับของแบบนี้ไม่ได้หรือไง?
ตลกสิ้นดี!
จักรพรรดินีเงือกมองดูจักรพรรดิเงือกอย่างทำอะไรไม่ถูก แต่ในตอนนี้เธอยังอยู่ข้างนอกจึงต้องไว้หน้าสามี
ดังนั้นเธอจึงตามสามีกลับมา แม้ว่าในใจจะเริ่มคำนวณจำนวนทรัพย์สมบัติของตัวเองแล้วก็ตาม ไม่รู้ว่าเธอจะแลกเปลี่ยนอาหารได้มากน้อยแค่ไหน
ทั้งคู่รีบแหวกว่ายออกออกมา และลืมประเด็นสำคัญไปว่าพวกเขาต้องการมาที่นี่เพื่อสอบถามเกี่ยวกับน้ำพริกไข่ปู
จักรพรรดิสั่งให้องครักษ์ออกไปล่าสัตว์ ขณะที่เขากลับไปต้มน้ำที่พระราชวัง เมื่อน้ำเดือดแล้วเขาก็โยนปลาลงไป
โรยเกลือลงไปเล็กน้อย และรอให้ปลาตากแห้งสุกได้ที่
หลังจากนั้นไม่นาน กลิ่นคาวก็โชยออกมา ปลายังคงคาวอยู่ และชาวเงือกก็คุ้นเคยกับกลิ่นนี้เป็นอย่างดี
หลังจากนำปลาตากแห้งตัวเล็กออกมา จักรพรรดิก็ลิ้มลองรสชาติของมัน ก่อนจะวางลงเงียบ ๆ รสชาติของมันยากจะบรรยายเหลือเกิน และแย่กว่าปลาดิบด้วยซ้ำ!
จักรพรรดินีเงือกเข้าไปในคลังสมบัติ และคัดเลือกอัญมณีทั้งหมดที่เธอไม่ชอบออกมา
ความวิจิตรของอัญมณีเหล่านี้ตระการตาและสว่างแวววาวกว่าอัญมณีที่ชาวเงือกทั่วไปนำออกมา มันดูงดงามเจิดจรัสดุจดังฤดูใบไม้ผลิ