ตอนที่ 383 ภาวะวิกฤต 2
ตอนที่ 383 ภาวะวิกฤต 2
แม้ว่าแลนเซล็อตจะอยู่ในระดับ 9 ดาว และจักรวรรดิของเขาจะมีนักรบระดับ 10 ดาว แต่พวกเขาจะไปสู้กับราชาเอเลี่ยนและเหล่าระดับ 9 ดาวจำนวนนับไม่ถ้วนได้อย่างไร?!
ดังนั้นชาวต่างถิ่นผู้นี้จึงร้องขอความช่วยเหลือจากจักรวรรดิชิงเหย้า!
จักรพรรดิรับฟังคำขอร้อง เฮ้อ! จักรวรรดิชิงเหย้าจะต้องไปจัดการเรื่องนี้อีกแล้ว!
แต่สิ่งหนึ่งที่เขาต้องการจะพูดคือ อีกฝ่ายจะส่งมอบซากศพของเอเลี่ยนหุ้มเปลือกให้พวกเขา!
แน่นอน…เอาไปได้ตามที่ท่านต้องการ! หากท่านหอบกลับไปไม่หมด ก็ไม่มีปัญหา! จักรวรรดิไอเดนจะเอาไปส่งให้ท่านถึงที่!
ช่างเป็นจักรพรรดิที่ลงแรงน้อยแต่เอากำไรเยอะอะไรเช่นนี้!
แต่เกรงว่าลูกสาวเขาจะยังอยู่ในดาวสมุทร เพราะฉะนั้นส่งโอคาซีไปแทนก็แล้วกัน อย่างไรเสียก็ปลอดภัยกว่า!
เกิดอะไรขึ้นกับพวกเอเลี่ยน? ว่ากันว่าจักรวรรดิเบเกอร์ถูกเอเลี่ยนระดับ 10 ดาวเข้ามายึดครองเช่นกัน ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเขาอับอายเกินกว่าจะเข้ามาร้องขอความช่วยเหลือ แต่ก็คงอีกไม่นานใช่ไหม?!
จำเป็นต้องเรียกให้ลูกสาวกลับมาหรือไม่?!
ไม่ว่าจะจำเป็นหรือไม่มันก็ไม่สำคัญอะไร!
เมื่อตอนนี้สายฟ้าพาดผ่านและส่งเสียงร้องก้องสนั่นไปทั่วดาวสมุทร ทางเชื่อมมิติขนาดใหญ่ถูกเปิดออกจนท้องทะเลสั่นสะเทือน พื้นผิวน้ำกลายเป็นลูกคลื่นราวกับมีคนเอาไม้พายมากวนน้ำทะเล
ดวงตาขนาดยักษ์คู่หนึ่งปรากฏขึ้นบริเวณทางเชื่อมมิติที่ลอยตัวอยู่เหนือดาวสมุทร!
เวลานี้ ทุกคนในพระราชวังต่างรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน!
“เกิดอะไรขึ้น?! ทำไมถึงมีแรงผันผวนลูกใหญ่อยู่ที่นี่?” จักรพรรดิเงือกเพิ่งรู้สึกโล่งใจได้ไม่นาน แต่แล้วอะไรที่ทำให้เขาถึงกับยืนนิ่งไม่ไหวติง?!
องครักษ์เข้าไปตรวจสอบในทันที
แต่เมื่อเขาไปถึงเหนือน้ำทะเล เขาก็พบกับดวงตาขนาดยักษ์อยู่กลางท้องฟ้า หัวขนาดใหญ่ค่อย ๆ โผล่ออกมา!
มันมองดูองครักษ์เงือกด้วยดวงตาเป็นประกายแดงฉาน ครั้นมันร้องคำรามใส่องครักษ์ เลือดสีสดก็ไหลออกจากรูหูขององครักษ์ จนสลบไป
หลังจากเสี่ยวอ้ายได้ยินเสียงร้องคำราม มันก็สะบัดหางและรีบวิ่งไปที่พระราชวังพร้อมกับนากา
สวี่หลิงอวิ๋นตระหนักถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น
ทั้งนี้เหล่าเงือกที่อยู่บนท้องถนนถูกเหล่าองครักษ์ต้อนให้กลับบ้าน และไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมาอีก
คาชาเหยียดมือออก ตรีศูลขนาดใหญ่ที่ควบแน่นจากน้ำก่อขึ้นในมือของเขา
ก่อนหน้านี้เขาอยู่ในระดับ 7 ดาว แต่ตอนนี้เขาอยู่ในระดับ 9 ดาวแล้ว ถึงแม้ความแข็งแกร่งของเขาจะไม่เท่ากับยอดฝีมือในหมู่เงือก แต่พละกำลังของเขาก็ไร้ขีดจำกัด!
ทักษะการควบคุมน้ำของเขาเริ่มเป็นใจมากขึ้น!
แต่เหล่าองครักษ์กลับห้ามไว้ทันทีที่เขาเตรียมจะออกไป
“ห้ามออกไป!” องครักษ์รักษาการณ์พูดด้วยถ้อยคำเคร่งขรึม “ข้างนอกนี้อันตรายมาก ด้วยความแข็งแกร่งเท่านี้ นายอาจจะถูกมันฆ่าตายได้!”
ถูกต้อง! องครักษ์คนนี้อยู่ในระดับ 10 ดาว!
คาชาที่ไม่แม้แต่จะจัดการองครักษ์คนนี้ได้ นับประสาอะไรกับการไปต่อสู้ด้านนอก!?
“ไม่ ตอนนี้ผมเป็นนักสู้แล้ว ผมก็อยากมีส่วนร่วมกับดาวสมุทรเหมือนกัน!” คาชายืนกรานที่จะไปข้างนอก เมื่อองครักษ์เห็นว่าตนเองไม่สามารถหยุดยั้งคาชาได้ เขาจึงตบอีกฝ่ายจนสลบไป
“โฮ่ง! นายท่านเป็นอะไรหรือเปล่า?” เสี่ยวอ้ายรีบวิ่งเข้ามาดูสวี่หลิงอวิ๋นที่นั่งอยู่อย่างปลอดภัยในห้องโถง ก่อนที่มันจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก และพูดขึ้นอย่างระแวง “ดูเหมือนว่าตอนนี้จะมีอสุรกายร้ายจากเขตดาวต่างแดนมาอยู่ที่นี่”
“อะไรนะ? เขตดาวต่างแดน? มันคืออะไร?” สวี่หลิงอวิ๋นยังคงไม่เข้าใจ
“มันอยู่นอกสหภาพห้วงดวงดาวของเรา” เสี่ยวอ้ายอธิบาย “ที่นั่นมีมนุษย์ที่อันตรายกว่า มีอสุรกายยักษ์ทุกชนิด และมีอารยธรรมจักรวาล”
“เหมือนกับเงือกที่มาจากเขตดาวต่างแดน รวมถึงพวกเอเลี่ยนด้วย” เสี่ยวอ้ายพูดสรุป “หวังว่าบาเรียจะไม่พังลง หากอสุรกายยักษ์หนึ่งหรือสองตัวมาที่นี่ เขตดาวจะบีบอัดความแข็งแกร่งของพวกมันให้สูงสุดที่ระดับ 10 ดาว”
“บาเรียที่พูดถึงหมายความว่ายังไง? แล้วถ้าบาเรียพังลงล่ะ?” สวี่หลิงอวิ๋นจับประเด็นในสิ่งที่เสี่ยวอ้ายพูด
“หากบาเรียพังทลายลง ความแข็งแกร่งของพวกมันจะไม่ถูกยับยั้งเอาไว้ได้อีก”
ดวงตาของสวี่หลิงอวิ๋นเบิกกว้าง มีความแข็งแกร่งที่เหนือกว่า 10 ดาวอีกเหรอ?
ตามที่เสี่ยวอ้ายพูด ความแข็งแกร่งของสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญานั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่า
เสี่ยวอ้ายพยักหน้า ถูกต้อง! ที่นั่นล้วนแข็งแกร่งยิ่งกว่า!
จักรพรรดิเงือกกับองครักษ์เงือกทั้งหลายในห้องโถงได้ยินเสียงบทสนทนาของสวี่หลิงอวิ๋นกับเสี่ยวอ้าย สีหน้าของพวกเขาพลันเปลี่ยนไปมาก
โดยเฉพาะจักรพรรดิเงือกที่คุ้นเคยกับมรดกตกทอดของบรรพบุรุษเป็นอย่างดี เขารู้ดีเพราะพวกเขามาจากเขตดาวต่างแดน แต่ไม่คาดคิดว่าเสี่ยวอ้ายจะรู้ข้อมูลนี้เช่นกัน
ความจริงนั้นเป็นอย่างที่เสี่ยวอ้ายบอกไม่มีผิด เขตดาวต่างแดนอันตรายและน่ากลัวเสียยิ่งกว่า!
“เราควรจะทำยังไงกันดี?” จักรพรรดินีเงือกถามพลางกุมมือสามี
“ไม่ต้องกลัว พี่จะปกป้องเจ้าเอง” จักรพรรดิเงือกกัดฟันตอบ มองดูสวี่หลิงอวิ๋นและพูดต่อ “ไปซ่อนตอนนี้จะยังทันหรือเปล่า?”
“ถ้ายังพอมีเวลา เราพอจะรู้ว่าอีกฟากหนึ่งของดาวสมุทรมียานอวกาศอยู่ มันจะพาท่านกับภรรยาของเราออกไปจากที่นี่”
จักรพรรดินีเงือกโกรธจัดเมื่อได้ยินคำพูดของสามี เธอร้องตะโกนว่า “น้องไม่ไป น้องจะอยู่ด้วย น้องจะไม่ทิ้งให้เสด็จพี่ต้องอยู่ที่นี่!”
จักรพรรดิเงือกลูบหลังภรรยาและพูดว่า “เราเป็นจักรพรรดิ จะไปได้อย่างไร? ชาวเงือกกำลังรอให้เราออกไปปกป้องอยู่”
“เจ้าพาลูกสาวและหลานชายออกไปด้วย”
ขณะที่สองสามีภรรยาไม่ต้องการที่จะแยกจากกัน เสี่ยวอ้ายก็กำลังเงี่ยหูฟังตั้งใจฟังการเคลื่อนไหวจากด้านบน
“พวกเจ้าไม่ต้องต่อสู้ ไร้ประโยชน์ หนีไปก็ไม่ได้” เสี่ยวอ้ายพูดพร้อมกับสะบัดหาง “มันปิดล้อมทั่วทั้งดาวเคราะห์แล้ว ยานอวกาศลำไหนก็แยกตัวออกไปไม่ได้”
จบเห่แล้ว จักรพรรดิเงือกนั่งลงอย่างสิ้นหวัง
เสี่ยวอ้ายมองดูเขาด้วยสายดูถูก และพูดว่า “เราบอกไปแล้วไม่ใช่หรือไง? ถ้าบาเรียยังไม่พังทลายลง อสุรกายยักษ์ตัวนี้จะอยู่ระดับ 10 ดาวเท่านั้น เจ้าเองก็สู้ได้ จะมามัวสิ้นหวังอยู่ทำไม?!”
“อีกอย่าง เราก็อยู่ที่นี่ด้วยไม่ใช่เหรอ? กลัวอะไรล่ะ?” เสี่ยวอ้ายโพล่งออกไปอย่างภาคภูมิใจ
“อย่าว่าเราดูถูกเลย แต่เราก็เป็นหนึ่งในยอดฝีมือบนเขตดาวต่างแดนนั้น!” เสี่ยวอ้ายเดินเข้าไปในห้องโถงด้วยท่าทางสงบนิ่ง
“เจ้ารับผิดชอบดูแลนายท่านของเรา เดี๋ยวเราจะขึ้นไปดูข้างบนให้”
เสี่ยวอ้ายให้ความสนใจกับความผันผวนของทางเชื่อมมิติด้านบน
เมื่อมันสังเกตเห็นว่าบาเรียยังคงไม่เป็นอันตราย ความวิตกกังวลของมันจึงผ่อนคลายขึ้น
ตราบใดที่ไม่ใช่การบุกรุกของอสุรกายขนาดมหึมา มันก็ไม่กลัว!
ทันใดนั้น พวกเธอก็สังเกตเห็นคลื่นทะเลที่สั่นสะเทือนอีกครั้ง!
พระราชวังเริ่มสั่นคลอน!
“มาเลย!” ใบหูของเสี่ยวอ้ายกระตุก มันร้องตะโกนบอกจักรพรรดิเงือก “โฮ่ง! ปกป้องนายท่านด้วย อย่าให้เธอได้รับอันตราย”
จักรพรรดิเงือกลุกขึ้นยืนทันที มือของเขากางออก เผยให้เห็นตรีศูลที่ควบแน่นจากน้ำ
“ไม่ต้องห่วง เราจะปกป้องนายท่านให้!”
สวี่หลิงอวิ๋นมองดูเสี่ยวอ้ายจากไป ขณะที่นากาเคลื่อนตัวออกมาตรงหน้าเพื่อปกป้องเธอ