ตอนที่ 386 กาน่า
ตอนที่ 386 กาน่า
โอคาซีกับเมอร์ริลรู้สึกถอดใจแต่ไม่สามารถวางมือได้!
เมอร์ริลหันไปมองโอคาซีและพูดเบา ๆ ว่า “ท่านพลเอก ท่านหนีไปเถอะครับ!”
ที่นี่ไม่ใช่สนามรบของท่าน ท่านอย่าได้เสียสละชีพเพื่อพวกเราเลย
“ในเมื่ออยู่ที่นี่ ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น!” โอคาซีพูดอย่างหนักแน่น เขาเพียงแต่กังวลเรื่องสวี่หลิงอวิ๋นและเสี่ยวอ้ายที่กำลังจะมาถึง
หากพวกเธอมาที่นี่แล้วอสุรกายยักษ์ทำให้บาดเจ็บล่ะ?
สวี่หลิงอวิ๋นยังอยู่แค่ระดับ 9 ดาว!
โอคาซีส่งข้อความไปหาสวี่หลิงอวิ๋น “ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว กลับไปได้”
คำพูดนับพันคำสามารถทดแทนกันได้ด้วยประโยคที่เรียบง่าย เพื่อบอกลาความขมขื่น
สวี่หลิงอวิ๋นมองดูข้อความ ก่อนจะร้องตะโกนออกมาอย่างโกรธจัด!
“เกิดอะไรขึ้นกับโอคาซี? เขาคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่นหรือไง? จะมาบอกให้ฉันกลับไป! ไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ!”
และสิ่งที่ชัดเจนที่สุดคืออสุรกายยักษ์ตัวนั้นเดินทางไปถึงน่านฟ้าเหนือจักรวรรดิไอเดนแล้ว
“เร่งความเร็ว!”
สวี่หลิงอวิ๋นกังวลใจมาก ในขณะที่เสี่ยวอ้ายยังนิ่งเงียบ
แม้ตอนนี้จะรู้สึกไม่ปลาบปลื้มแฟนหนุ่มของนายท่านนัก แต่ใครที่ทำให้เขามีต้นไม้แห่งชีวิตกันเล่า?!
ต้องไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าต้นไม้แห่งชีวิตมีอยู่จริง!
การถือกำเนิดของต้นไม้แห่งชีวิตทุกต้นจะทำให้เกิดพายุนองเลือด! ตามหลักแล้ว ผู้คนและสิ่งมีชีวิตที่มาจากดาวเคราะห์นอกระบบจะแข็งแกร่งขึ้นตามระดับสติปัญญาและพละกำลัง ทว่าพวกเขาไม่อาจก่อกำเนิดต้นไม้แห่งปัญญาขึ้นเองได้
พวกเขาล้วนคิดว่าพระเจ้าได้ละทิ้งพวกเขาไปแล้ว แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น
เพราะพวกเขาไม่ใช่สุดยอดอัจฉริยะต่างหาก!
แม้แต่เสี่ยวอ้ายก็ยังเคยเห็นสุดยอดอัจฉริยะไม่เกินสามคนในช่วงหลายพันปีที่ผ่านมา!
คนแรกคือนายท่านของมันก่อนหน้านี้ และอีกสองคนคือสวี่หลิงอวิ๋นกับโอคาซี
นายท่านใช้พละกำลังของตัวเองเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับบาเรีย เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับมนุษย์ธรรมดาที่ไร้ความสามารถและพรสวรรค์เหล่านี้ และบาเรียนั้นสร้างมาจากต้นไม้แห่งชีวิต
แต่กลับไม่คาดคิดว่าบาเรียจะอ่อนแอลงภายในเวลาไม่กี่พันปี เสี่ยวอ้ายมองดูบริเวณรอบข้างซึ่งเต็มไปด้วยแสงดาวระยิบระยับและดาวเคราะห์ที่กำลังโคจร
ใครจะคิดว่าดาวเคราะห์จำนวนมากจะแตกกิ่งสาขาออกมามากมายเช่นนี้?!
โอคาซีรับรู้ได้ถึงแรงสั่นไหวของเครื่องคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์ เขารู้ว่าสวี่หลิงอวิ๋นส่งข้อความตอบกลับมา เขาจึงไม่ได้สนใจแม้แต่จะมองดู
ในเวลาเดียวกัน อสุรกายร้ายกำลังย่างก้าวเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
โอคาซีนั้นเป็นฝ่ายเริ่ม เดิมทีเขาขับเคลื่อนอยู่ภายในเครื่องจักรกล แต่ตอนนี้เขาเลือกที่จะออกจากเครื่องจักรกล และใช้กล้ามเนื้อมนุษย์ต่อสู้โดยตรง
แม้กล้ามเนื้อมนุษย์จะมีขนาดเล็กกว่า แต่ก็มีประโยชน์!
ร่างกายของเขาคล่องแคล่วขึ้นมาก นับตั้งแต่ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นระดับ 10 ดาว เขายังไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมสนามรบ แต่ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังเผชิญหน้ากับอสุรกายร้ายที่แข็งแกร่งกว่าเขาเป็นเท่าตัว และเขากำลังก้าวเข้าสู่การนองเลือดโดยไม่คาดคิด!
นี่คือความปรารถนาในการต่อสู้ของลูกผู้ชาย!
การนองเลือดจากสงครามเดือด!
หากสวี่หลิงอวิ๋นอยู่ที่นี่ เธออาจจะก่นด่าเขาถึงสองครั้ง ต่อสู้นองเลือดหาแม่เธอสิ!
จะสู้เชี่ยอะไรนัก!
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องโง่เขลา! ไม่รู้หรือว่ายังต้องรักษาความแข็งแกร่งให้เสถียรภาพกว่านี้?
แลนเซล็อตเองก็ไม่ได้อยู่เฉย แม้ว่าเขาจะอยู่ในระดับ 9 ดาว แต่เมื่อเห็นโอคาซีกับเมอร์ริลผู้มียอดฝีมือระดับ 10 ดาวกำลังดึงลากอสุรกายร้ายกาจระดับ 10 ดาวอยู่นั้น เขาก็รีบเคลื่อนย้ายประชากรธรรมดาทันที
เหล่าทหารกระโดดออกมาจากชั้นใต้ดิน ฉุดกระชากประชากรธรรมดาเหล่านี้ให้รีบวิ่งไปบนพื้นอย่างรวดเร็ว!
ต้องอยู่ให้ห่างเข้าไว้!
พวกเขารับรู้ถึงการต่อสู้ระดับ 10 ดาวได้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยมีประสบการณ์ก็ตาม!
มันจะต้องเป็นเหมือนคลื่นลมที่ถาโถม ฟ้าถล่มดินทลาย!
ทันทีที่ดาบพลังดวงดาวปรากฏขึ้นในมือโอคาซี เขารีบกระโดดขึ้นไปบนตัวอสุรกายร้าย และแทงเข้าที่แขนขวาของมัน!
นี่มันบ้าอะไร? รอยหมัดกัดเหรอ?!
อสุรกายร้ายเห็นสิ่งมีชีวิตขนาดจิ๋วกระโดดขึ้นมาบนตัว และแสงสีทองก็ส่องประกาย ก่อนที่เลือดจะพุ่งออกมาจากแขนขวาของมัน!
ซี้ด! อสุรกายร้ายตกตะลึง!
ในโลกนี้มีสิ่งมีชีวิต 10 ดาวที่ป่าเถื่อนขนาดนี้ด้วยเหรอ?
แม้ว่าอสุรกายร้ายจะมีพละกำลังแข็งแกร่ง แต่สติปัญญาของมันถดถอยมาก มันจึงไม่คิดอะไรซับซ้อน
มันกางกรงเล็บออกและร้องคำราม มุ่งโจมตีด้วยพลังคลื่นเสียง อาคารบริเวณใกล้เคียงพังทลายลงเป็นเถ้าถ่านในทันที!
โชคดีที่เมอร์ริลกับโอคาซีผ่านประสบการณ์การต่อสู้มาอย่างโชกโชน พวกเขาปกป้องหูของตัวเองด้วยพลังดวงดาวอย่างรวดเร็ว!
ไม่อย่างนั้นหูของพวกเขาคงจะแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแน่ หรืออาจจะเสียชีวิตลงได้
อสุรกายร้องคำราม แม้ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในระดับ 10 ดาว แต่พละกำลังกลับเทียบเท่าเห็บหมัด! จะมาเทียบเท่ากับกาน่าที่แข็งแกร่งและกำยำได้อย่างไร!
อสุรกายร้ายตัวนี้มีลักษณะสูงใหญ่ แต่กลับมีความคล่องตัวสูง หลังจากโอคาซีกับเมอร์ริลจู่โจมอยู่หลายครั้ง มันก็พบว่าหมัดตัวจิ๋วพวกนี้ใช้ร่างกายที่ยืดหยุ่นหลีกเลี่ยงการโจมตีของมัน ดังนั้นมันจึงปรับขนาดตัวให้เล็กลง!
“กาน่าผู้ยิ่งใหญ่จะฉีกพวกเจ้าออกเป็นชิ้น ๆ!” อสุรกายร้ายพ่นคำแปลกประหลาดออกมา แม้คำพวกนี้จะคลุมเครือ แต่โอคาซีก็ไม่อาจเข้าใจได้
สรุปว่าอสุรกายตัวนี้ชื่อกาโควเหรอ?!
ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงที่อสุรกายร้ายตัวนี้อาจจะยังไม่รู้ว่ามนุษย์หน้าโง่เรียกชื่อของมันผิด! แต่ไม่เป็นไร! มันคงจะไม่มานั่งแก้ไขให้!
หลังจากที่กาน่าหดตัวลง ดูเหมือนว่ามันจะสูงเพียงสองเมตรเท่านั้น ขนของมันมีสีเข้ม แต่ดวงตากลับแดงฉาน
ปลายหางเป็นสีแดงเพลิง!
กาน่ามองดูสิ่งมีชีวิตสองขา ช่างเป็นพลังงานที่อ่อนแอเหลือเกิน!
ทันทีที่มันสะบัดหาง เปลวเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งตรงมายังพวกเขา
โอคาซีกับเมอร์ริลหลบได้ทันเวลา ทว่าเปลวเพลิงพวกนี้ดูเหมือนจะมีชีวิต และยังคงไล่ตามพวกเขาอยู่
โอคาซีขมวดคิ้ว จะวิ่งหนีแบบนี้ต่อไปไม่ได้!
กาน่ายกยิ้มมุมปากขณะเฝ้าดูโอคาซีกับเมอร์ริลวิ่งหนีลูกไฟของมันไปโดยรอบ ก่อนที่มันจะอ้าปากกว้างขึ้น และลูกไฟบรรลัยกัลป์ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขาอีกครั้ง
พวกเจ้าตายแน่!
กาน่าคิดในใจ!
ทว่าทันใดนั้นมันก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ทำให้ใจเต้นรัว บางอย่างกำลังเข้าใกล้มันมากขึ้นเรื่อย ๆ
มันคืออะไร!?
กาน่ารีบหลบหลีก ทว่าลูกธนูสีทองกลับปรากฏขึ้นบริเวณที่กำลังหลบหนี!
ตามติดมาด้วยลูกธนูดอกที่สอง! ดอกที่สาม! และดอกที่สี่!
อีกทั้งยังมีลูกธนูอยู่เหนือฟ้า!
กาน่าหลบไม่ทัน และถูกลูกธนูแทงเข้าที่ด้านหลัง! มันเจ็บปวดจนร้อง ‘อุแว้’ ออกมาเสียงดังลั่น!
“อุแว้แงแงแง!” มันยังเป็นเด็กน้อยอยู่! ทำไมต้องใช้ลูกธนูยิงมันด้วย!
กาน่าร้องไห้สะอึกสะอื้น ลูกไฟบรรลัยกัลป์ที่เคยไล่ตามโอคาซีกับเมอร์ริลหยุดลงและจางหายไปในทันที
สวี่หลิงอวิ๋นลงมาจากฟากฟ้า ถือคันธนูสีเหลืองอร่ามอยู่ในมือ ยืนอยู่ตรงหน้ากาน่า ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา “บ้าชิบ! กล้ามาแตะต้องผู้ชายของฉัน! หงุดหงิดเป็นบ้า!”