ตอนที่ 389 เสร็จสิ้น
ตอนที่ 389 เสร็จสิ้น
กาน่ามองดูเสี่ยวอ้ายด้วยความน้อยใจ มันไม่เข้าใจว่าบาเรียที่เสี่ยวอ้ายหมายถึงคืออะไร?
เสี่ยวอ้ายก้าวออกมา ขณะที่สวี่หลิงอวิ๋นรักษาโอคาซีอยู่ด้านหลัง
กาน่ามองดูหญิงสาวพูดคุยถามไถ่อาการบาดเจ็บของชายหนุ่มด้วยความริษยา
โธ่เอ๊ย มันคงจะดีกว่านี้หากอสุรกายสุดเท่รักษาบาดแผลให้มันบ้าง!
เสี่ยวอ้ายปวดหัวแทบจะระเบิดเมื่อมองดูเจ้าตัวโง่เขลา!
กาน่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่หมดหนทางจะเยียวยา! ไม่รู้ว่าพวกสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญากักขังระดับสติปัญญาของมันอย่างไรบ้าง แล้วก็เอาแต่เที่ยวเล่นกับเจ้าโง่นี่ไปตลอดทั้งวันงั้นเหรอ?!
เสนอให้มันอยู่ดีกินดี และใช้ชีวิตเหมือนกับตาลุง!
“เจ้ามาที่นี่ได้ยังไงโฮ่ง?!” เสี่ยวอ้ายหยั่งเชิงสติปัญญาของอีกฝ่าย โดยการค่อย ๆ อธิบาย
กาน่ากะพริบตา “ก็บินผ่านทางเชื่อมมิติมาไง!”
นี่มัน…
เสี่ยวอ้ายพูดกระตุ้นอีกครั้ง “เจ้าไม่บังเอิญเห็นอะไรบ้างเหรอโฮ่ง? บางอย่างที่เหมือนกับกระจก โฮ่ง?”
กาน่าครุ่นคิด “เห็นสิ!”
“โฮ่ง! แล้วเจ้ามาที่กระจกนั่นได้ยังไง?” เสี่ยวอ้ายดีใจและรีบเอ่ยถาม
“อืม…” กาน่าครุ่นคิด “ข้าไล่ตามอสุรกายยักษ์อีกตัวมาที่นี่”
อสุรกายยักษ์อีกตัว? ใช่อสุรกายยักษ์ที่ถูกเสี่ยวอ้ายใช้กรงเล็บฆ่าตายและจับกินหรือเปล่า?
แต่นั่นไม่ใช่ข่าวดี!
เสี่ยวอ้ายทำอะไรไม่ถูก “เจ้ามาที่นี่แล้วไม่รู้สึกถึงอะไรบ้างเหรอ?”
“รู้สึกเหรอ?” กาน่าคิดอีกครั้ง “ยังมีอสุรกายยักษ์อีกหลายตัวที่อยู่ในทิศทางเดียวกันกับข้า ข้าได้กลิ่นแปลกประหลาด กลิ่นมันหอมมาก!”
กลิ่นที่มันสัมผัสได้คล้ายคลึงกับกลิ่นของผู้หญิงคนนั้น! ต่างจากกลิ่นของผงที่โรยลงมาแล้วทำให้ระคายเคืองตา
คำพูดของกาน่าทำให้สีหน้าของเสี่ยวอ้ายจริงจังขึ้น
มันเดาไม่ผิด มีบางอย่างผิดปกติกับบาเรีย!
ไม่อย่างนั้น กลิ่นของต้นไม้แห่งชีวิตจะเล็ดลอดออกมาได้อย่างไร?!
โชคดีที่บาเรียของต้นไม้แห่งชีวิตยังคงรองรับไว้ได้ และอย่างน้อยอสุรกายร้ายผู้แข็งแกร่งที่สุดที่ผ่านเข้ามาได้ก็เป็นเจ้าทึ่มตัวนี้
ส่วนที่เหลือล้วนเป็นพวกลูกกระจ๊อก
แต่พวกลูกกระจ๊อกทั้งหลายก็อยู่ในระดับ 10 ดาว และยากที่ผู้คนจะรับมือไหว
ดังนั้นจะต้องเพิ่มความแข็งแกร่ง
สวี่หลิงอวิ๋นกับโอคาซีสนทนากันเกี่ยวกับการคาดเดาของเสี่ยวอ้าย ใบหน้าของพวกเขาดูจริงจังขึ้น
ในการเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ มนุษย์ทุกคนจะต้องรวมกันเป็นหนึ่ง ไม่เช่นนั้น สหภาพห้วงดวงดาวของพวกเขาอาจถูกกำจัดออกไปจริง ๆ
พวกเขาไม่สามารถพึ่งพาเสี่ยวอ้ายตลอดไปได้
หลังจากที่กาน่าติดกับดัก มันก็จ้องมองเสี่ยวอ้ายตาไม่กะพริบ
เสี่ยวอ้ายพึมพำ “โฮ่ง! ทำไมเจ้าถึงมองเราแบบนั้น?!”
กาน่าสะบัดหางของมันอย่างแรง เปลวไฟที่ปลายหางของมันสั่นสะท้านเป็นครั้งคราว
“ก็ข้าหิวนี่!”
กาน่ามองไปที่เสี่ยวอ้าย และมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น
หนังนุ่ม ๆ แบบนั้น กินเข้าไปจะต้องอร่อยมากแน่ น่าเสียดายที่ผู้หญิงคนนั้นเป็นเจ้านายของอสุรกายยักษ์สุดเท่ ดังนั้นมันจะกินเธอไม่ได้
เสี่ยวอ้ายมองดูกาน่า และแยกเขี้ยวใส่ “ฮึ่ม! โฮ่ง! ยังหิวอีกเหรอ?! ให้เรากลืนเจ้าเข้าไปทั้งตัวเลยดีไหม?!”
คำพูดที่โหดร้ายและเลือดเย็นทำให้กาน่าตัวสั่นเล็กน้อย โดยเฉพาะเมื่อเห็นเขี้ยวและกรงเล็บของอสุรกายยักษ์รูปหล่อ แต่แล้วมันก็กระซิบว่า “อยากกินข้าก็ได้นะ แต่ช่วยมีลูกกับข้าก่อนได้ไหม?!”
บัดซบ! เสี่ยวอ้ายถึงกับกลอกตา ใช้หางทุบตีอีกฝ่ายที่อยู่ด้านข้างจนหมดสติไป
สงครามครั้งนี้จบลงด้วยพละกำลังอันแข็งแกร่งของเสี่ยวอ้าย แต่ทุกสิ่งยังห่างไกลจากความเรียบง่ายนัก
ทว่าแม้จะซับซ้อนแค่ไหน สวี่หลิงอวิ๋นก็ตัดสินใจทำอาหารมื้อใหญ่ก่อนเสมอ
สวี่หลิงอวิ๋นไม่คิดจะปล่อยให้เอเลี่ยนหุ้มเปลือกจำนวนมากหลุดมือไป!
เนื่องจากยอดฝีมือระดับ 10 ดาวหลายคนมารวมตัวกันที่ดาวเคราะห์เกษตรกรรมของจักรวรรดิไอเดน เอเลี่ยนหุ้มเปลือกทั้งหลายที่กำเริบเสิบสานจึงถูกจัดการจนราบคาบในเวลาไม่นาน
ประชากรของจักรวรรดิไอเดนจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาจากชั้นใต้ดิน พวกเขาพากันลากครอบครัวของตัวเองออกมา และได้กลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วค่ายทหาร เพียงได้กลิ่นน้ำลายก็ไหลแล้ว
แม้ว่าหนทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยภัยอันตราย แต่สวี่หลิงอวิ๋นไม่ใช่คนที่สนใจแค่อนาคต เธอถูกขัดเกลาในวันสิ้นโลกและสนใจแต่ปัจจุบันเท่านั้น
แค่กินอิ่มนอนหลับ แล้วยังจะต้องการอะไรอีก?!
หากจะต้องตาย อย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี
เธอเอาเครื่องปรุงรสมาไม่พอ จึงสั่งให้ยานอวกาศนำเครื่องปรุงรสมาเพิ่ม เพราะเธอจะได้ทำทันเวลาอาหารเย็น!
เอเลี่ยนหุ้มเปลือกจำนวนมากถูกลอกเปลือกออก ขณะที่เครื่องจักรกลแปลงร่างเป็นหม้อขนาดใหญ่ ส่วนแขนกล เปลี่ยนบทบาทเป็นผู้ผลิตอาหารโดยการเริ่มทำความสะอาด ตัด ดอง และผัด…
นอกจากนี้ แขนกลยังนำเนื้อเอเลี่ยนมาผสมกับเนื้อปศุสัตว์ชนิดพิเศษในท้องถิ่น สับรวมกันจนกลายเป็นเนื้อบดละเอียด แล้วจึงนำมาทำเป็นลูกชิ้นกั้ง ลูกชิ้นกั้งพวกนี้สามารถนำมาทำแกงจืดลูกชิ้นได้ และรสชาติของมันก็กลมกล่อมเช่นกัน!
อีกทั้งเธอยังเอาเอเลี่ยนหุ้มเปลือกมาผัด นึ่ง และทำบาร์บีคิว…
กาน่าตื่นขึ้นมาท่ามกลางกลิ่นหอมโชย เมื่อมันเห็นว่าพวกมนุษย์กำลังดื่มด่ำกันอย่างมีความสุข มันก็ทำปากขมุบขมิบ แค่ได้กลิ่นก็รู้แล้วว่าจะต้องอร่อยมากแน่!
มันส่งเสียงร้องคำราม พยายามจะฆ่าและกลืนกินมนุษย์ทั้งหลาย เพื่อจะได้กินอาหารในหม้อ!
โฮก!
เสียงคำรามของกาน่าทำให้เหล่าทหารตกใจจนทิ้งอาหารในมือ และหยิบดาบพลังดวงดาวออกมาจัดการกับอสุรกายร้าย
เสี่ยวอ้ายที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยได้ยินเสียงร้องคำรามของเจ้าทึ่ม มันจึงรีบตะโกนก้องทันที “โฮ่ง! เจ้าโง่ ถ้าเจ้ากล้าทำร้ายมนุษย์ที่นี่ละก็ รอดูเสี่ยวอ้ายได้เลย เราจะเคี่ยวเนื้อกาน่าในหม้อและกินเจ้าซะ!”
กาน่าหดตัวลงร้องครวญคราง!
บัดซบ ทำไมอสุรกายตัวนี้ถึงได้ปกป้องมนุษย์อยู่ได้? มันไม่ได้จะกินเจ้าของของอีกฝ่ายสักหน่อย ทำไมต้องโหดใส่กันด้วย!
กาน่าน้อยใจ! ร้องครวญครางออกมาด้วยความหิวโหย!
แต่กลับไม่มีใครสนใจมัน!
เสี่ยวอ้ายกินอาหารอันแสนโปรดปรานที่นายท่านทำให้อีกครั้ง!
เมื่อทหารชิงเหย้าเห็นว่าเสี่ยวอ้ายผู้ยิ่งใหญ่สามารถปราบปรามอสุรกายร้ายตัวนี้ได้ พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจ เก็บดาบพลังดวงดาว และตบไหล่ทหารไอเดนเบา ๆ “เจ้าน้องชาย ไม่เป็นไรแล้ว! มีเสี่ยวอ้ายอยู่ที่นี่เราต้องไม่เป็นอะไรแน่!”
ใช่แล้ว สถานภาพของเสี่ยวอ้ายเริ่มมั่นคงขึ้น! มันมีแฟนคลับอยู่ทั่วทั้งจักรวรรดิชิงเหย้า แม้แต่ถั่วชมพูที่มักขายความน่ารักและขี้เล่นก็ยังเทียบไม่ติด!
ประชาชนไอเดนรู้สึกผ่อนคลายขึ้น พวกเขากินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย
องค์ชายรัชทายาทแลนเซล็อตมองดูบาดแผลบนแขนของสวี่หลิงอวิ๋นที่ได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเหลือบมองโอคาซีที่ป้อนอาหารให้เธอเป็นครั้งคราว ก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมา
เขาแพ้แล้ว!
ความแข็งแกร่งคือพลังอันหนักแน่น! หลังจากที่สวี่หลิงอวิ๋น โอคาซี และเสี่ยวอ้ายเล่าสถานการณ์ปัจจุบันให้เขาฟัง เขาก็พยายามเพาะเมล็ดพันธุ์ด้วยตัวเอง แต่กลับกลายเป็นว่า…
เขาล้มเหลว! แม้อาจฟังดูแล้วน่าตกใจ แต่ผลลัพธ์กลับโหดร้ายยิ่ง