ตอนที่ 395 ประทับรอยคนทั้งจักรวรรดิ
ตอนที่ 395 ประทับรอยคนทั้งจักรวรรดิ
ชาวเน็ตสงสัย ทำไมอสุรกายถึงพบเจอได้ยาก?!
เสี่ยวอ้ายสะบัดหาง “นั่นเป็นเพราะว่าอสุรกายแข็งแกร่งกันมาก พวกมันทุกตัวอยู่ในระดับ 10 ดาวหรือสูงกว่านั้น ดังนั้นจึงยากที่จะข้ามผ่านบาเรียของต้นไม้แห่งชีวิตมาได้ พวกคุณจึงไม่ค่อยเห็นพวกมัน”
“แต่พวกเอเลี่ยนต่างกันออกไป สาเหตุที่พวกมันเข้ามาในห้วงดวงดาวของพวกคุณได้ เป็นเพราะความแข็งแกร่งของพวกมันมีน้อยมาก ส่วนใหญ่ไม่ถึง 9 ดาวด้วยซ้ำ เพราะงั้นพวกมันจึงข้ามผ่านบาเรียมาได้”
เสี่ยวอ้ายพูดต่อ “เอเลี่ยนที่พวกคุณเห็นล้วนเป็นเอเลี่ยนที่ค่อนข้างอ่อนแอ พวกมันข้ามมาตั้งรกรากถิ่นฐานเมื่อหลายพันปีก่อน”
[พระเจ้า! มีอะไรแบบนี้อยู่ด้วยจริง ๆ เหรอ?! ฉันรู้สึกเชื่อเสี่ยวอ้ายขึ้นมาเลย!]
[คุณไม่เชื่อเสี่ยวอ้ายแล้วจะไปเชื่อใคร!]
[เหลือเชื่อมาก! ปีนี้เสี่ยวอ้ายอายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย?!]
[คาดว่าอายุน่าจะไม่ต่ำกว่าเจ็ดหรือแปดพันปีไหมนะ?! โอ้โห! นี่มันระดับบรรพบุรุษ!]
[พวกคุณอย่านอกประเด็นกันนักเลย ตอนนี้คำถามคือทำไมถึงมาบอกเรื่องนี้กับพวกเราล่ะ? มีอะไรเกิดขึ้นกับบาเรียงั้นเหรอ? อสุรกายจากด้านนอกจะบุกมาหาเราอีกไหม?!]
จงบอกความจริงกับชาวเน็ตซะ!
[ถ้างั้นเสี่ยวอ้าย ท่านอยากจะบอกอะไรกับพวกเราเหรอ!?]
หูของเสี่ยวอ้ายกระดิก “อย่างที่พวกคุณพูดกัน บาเรียกำลังจะเปิดออก! โฮ่ง!”
[อะไรนะ?!]
[จริงหรือหลอก!?]
[อะไรนะ…?! นี่ฉันฟังเรื่องเล่านิทานอยู่หรือเปล่า?!]
“โฮ่ง! ต่อจากนี้พวกคุณจะเห็นอสุรกายพากันบุกเข้ามาโจมตีมากขึ้น บางทีอาจจะเป็นชิงเหย้า หรืออาจจะเป็นปีกพิสุทธิ์ หรือไม่ก็เป็นจักรวรรดิเหมยรุ่ย…ทุกจักรวรรดิล้วนเป็นไปได้ทั้งหมด ไม่มีใครรอดพ้นไปได้”
คำพูดของเสี่ยวอ้ายฟังแล้วน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก!
“เราไม่สามารถฆ่าอสุรกายทั้งหมดได้ด้วยตัวเอง เพราะเราไม่สามารถแยกร่างได้โฮ่ง!” เสี่ยวอ้ายพูด “โชคดีที่นายท่านมีต้นไม้แห่งชีวิต และสามารถมอบรอยประทับพลังจิตให้กับพวกคุณได้ ความเร็วในการฝึกฝนของพวกคุณจะเพิ่มขึ้นมาก และเมื่อไหร่ที่บาเรียพังทลายลง พวกคุณจะมีพละกำลังมากพอในการป้องกันตัวเอง”
[แล้วจะต้องทำยังไง?!]
[สถาบันทางการทหารชิงเหย้าเป็นที่แรกที่เต็มใจให้องค์หญิงสามประทับรอยให้!]
เห็นได้ชัดว่าสถาบันการศึกษาทางการทหารของจักรวรรดิรู้เรื่องภายในเล็กน้อย นักเรียนทหารชั้นปีที่สอง ปีที่สาม และปีที่สี่ล้วนอยากจะขอร้องให้องค์หญิงสามประทับรอยให้พวกเขาตั้งนานแล้ว! แต่ในเมื่อองค์หญิงสามไม่พูดถึง พวกเขาจะกล้าพูดออกไปได้ยังไง?!
ตอนนี้โอกาสอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว คงมีแต่คนโง่เท่านั้นจะปฏิเสธ!!
[องค์หญิงสามได้โปรดปลูกต้นไม้ให้พวกเราด้วย! พวกเราอยากจะฝึกฝนให้ไวเหมือนเด็กปีหนึ่ง!]
[ปีหนึ่งงั้นเหรอ! พวกเราอยู่ปีสองแล้วต่างหาก! ฮึ่ม!]
[อีกอย่างนักเรียนปีสี่ใกล้จะเรียนจบกันแล้ว! ไม่อยากนึกเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับนักเรียนปีสี่ของพวกคุณ!]
[เฮ้! พวกเราอยู่ปีสี่แล้วจะทำไม?! คุณยุ่งอะไรด้วยล่ะ?!]
ด้วยการการันตีจากนักเรียนของสถาบันการศึกษาทางการทหารของชิงเหย้า และการตระหนักถึงช่วงเวลาวิกฤต ทำให้ชาวเน็ตทั้งหลายเต็มใจจะปลูกสร้างรอยประทับ
“ฉันเคารพในการตัดสินใจของพวกคุณทุกคน” สวี่หลิงอวิ๋นพูด “รอยประทับนี้จะไม่ล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวของพวกคุณ และฉันก็ไม่สนใจความเป็นส่วนตัวของพวกคุณเหมือนกัน”
“นอกจากนี้ หากพวกคุณไม่ต้องการ ฉันก็จะไม่บังคับ” เธอค่อย ๆ พูดออกมา “อีกทั้งฉันอยากจะพูดให้พวกคุณเข้าใจว่า หลังจากที่พวกคุณได้รับรอยประทับแล้ว ความเร็วในการฝึกฝนของพวกคุณจะเร็วมากขึ้น ยิ่งคุณฝึกฝนมากเท่าไหร่ ต้นไม้แห่งชีวิตของฉันก็จะยิ่งเติบโตเร็วและแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น”
“เมื่อไหร่ที่มันโตขึ้นจนสูงตระหง่าน ฉันจะเอามันออกมาเสริมสร้างแทนบาเรียที่ทรุดโทรมลง”
“นอกจากฉันเองแล้ว ในจักรวรรดิชิงเหย้าของเรายังมีโอคาซีอีกคนที่มีต้นไม้แห่งชีวิต” สวี่หลิงอวิ๋นพูดอธิบาย “ต้นไม้ในร่างกายของพวกคุณจะเป็นต้นที่แตกสาขาออกมาจากต้นไม้แห่งชีวิตของฉัน ไม่ใช่ต้นไม้แห่งชีวิตจริง ๆ”
คำพูดอธิบายนั้นชัดเจนมาก ชาวเน็ตจำนวนครึ่งหนึ่งรู้สึกลังเล ส่วนอีกครึ่งหนึ่งนั้นพร้อมแล้ว พร้อมที่จะแสดงทักษะฝีมือของพวกเขาและเริ่มการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่
ในไม่ช้าการถ่ายทอดสดก็จบลง สวี่หลิงอวิ๋นจัดตั้งตำแหน่งไว้ที่สถาบันการศึกษาของจักรวรรดิชิงเหย้า สถานที่แห่งนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีของอสุรกายสามเขา ดังนั้นเธอจึงจัดตั้งสถานที่รองรับไว้ที่นี่
นักเรียนชั้นปีที่สี่ทั้งหลายที่จบการศึกษาแล้วทยอยเข้ามาหาสวี่หลิงอวิ๋น เพื่อรับการประทับรอย
ส่วนนักเรียนชั้นปีอื่นก็เช่นเดียวกัน
ศักยภาพของสวี่หลิงอวิ๋นแข็งแกร่งมาก เธอสร้างรอยประทับให้กับนักเรียนทั้งสามชั้นปีที่มีจำนวนมากกว่าสามหมื่นคนภายในเวลายี่สิบนาทีเท่านั้น
นักเรียนทั้งหลายแทบจะทนรอการฝึกฝนไม่ไหว!
ตามที่สวี่หลิงอวิ๋นได้พูดไว้ ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน ผู้คนทั้งหลายก็ได้รับการเลื่อนขั้นไปถึงระดับ 7 ดาวทีละคน นอกจากนี้ยังมีคนที่แข็งแกร่งอย่างเช่นพวกหัวหน้าที่ได้รับการเลื่อนขั้นไปถึงระดับ 8 ดาว ขณะที่เยล หัวหน้าประจำชั้นปีที่สองที่ได้เลื่อนชั้นขึ้นเป็นปีสามก็เดินตามรอยสวี่หลิงอวิ๋นมาติด ๆ และได้รับการเลื่อนขั้นไปถึงระดับ 9 ดาว!
ขณะเดียวกัน ผู้คนที่ยังรู้สึกลังเลอยู่นั้นแอบสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ และทันทีที่ข้อมูลการเลื่อนระดับแพร่กระจายออกไป พวกเขาก็รีบร้อนออกไปร้องขอให้ประทับรอยให้พวกเขาเช่นกัน
ผู้คนทั่วทั้งเมืองหลวงของจักรวรรดิชิงเหย้ากำลังหลงใหลอยู่กับรอยประทับ!
ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนเริ่มนั่งลงบนพื้นและฝึกฝน! ขณะที่ต้นกล้าจิ๋วเติบขึ้นมาในหัวของพวกเขาอย่างมีความสุข
พวกมันจะสนับสนุนความก้าวหน้าของสวี่หลิงอวิ๋น และทุกความคืบหน้าของสวี่หลิงอวิ๋นจะขับเคลื่อนให้ต้นกล้าจิ๋วเติบโตขึ้น เปรียบเสมือนวงจรแห่งคุณธรรมที่ต่างฝ่ายต่างได้รับ
ต้นกล้าของสวี่หลิงอวิ๋นสั่นคลอนเล็กน้อย มันกำลังจะวิวัฒนาการ!
ต้นอ่อนสีเขียวมรกตแผ่กิ่งก้านสาขาออกไป ดูเหมือนว่าสภาพแวดล้อมที่นี่จะทำให้มันรู้สึกกดดัน มันสามารถพังทลายลงและเกิดใหม่ได้ด้วยเสียงร้องคำรามเพียงครั้งเดียว
สวี่หลิงอวิ๋นแทบจะทนไม่ไหวอีกต่อไป!
เสี่ยวอ้ายที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวรีบเข้าไปสวมเกราะป้องกันให้เธอทันที แต่แล้วมันก็ต้องตกใจอย่างมาก เพราะสวี่หลิงอวิ๋นกำลังเลื่อนขั้น!
ถึงแม้ว่าผู้คนจำนวนมากที่กำลังทำสิ่งนี้จะไม่ได้รับบาดเจ็บทางกายภาพ แต่จิตใจของพวกเขากลับตื่นตระหนก หมดสติเป็นลมลงไปเกือบสิบนาที ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นช้า ๆ!
ต้นกล้าจิ๋วในหัวของพวกเขารีบวิ่งวนรอบ ราวกับได้กินยาอายุวัฒนะเข้าไป พวกมันกำลังรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก
ดวงตาสีดำดั้งเดิมของสวี่หลิงอวิ๋นเปลี่ยนเป็นสีทอง!
ผมสีบลอนด์ของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีดำสนิทราวกับได้รับการแลกเปลี่ยน เธอกำหมัดแน่น รู้สึกเหมือนกับว่าเธอสามารถพังทลายอาคารได้ด้วยหมัดเดียว!
เสี่ยวอ้ายมองดูสวี่หลิงอวิ๋นด้วยความพึงพอใจ
นายท่านเลื่อนขั้นไปถึง 10 ดาวแล้ว! ต่อจากนี้ไปเธอสามารถติดตามมันออกไปที่เขตดาวต่างแดนและเลื่อนขั้นอย่างมั่นคงได้!
ความสามารถและศักยภาพของเธอไม่ได้เป็นรองนายท่านคนก่อนเลยสักนิด บางทีเธออาจจะสร้างห้วงดวงดาวขึ้นมาใหม่อย่างที่เธอพูดได้!
เดิมทีมันคิดว่าเธอจะต้องใช้เวลาถึงหนึ่งเดือนในการประทับรอยให้กับผู้คนในเมืองของจักรวรรดิชิงเหย้า แต่เธอกลับใช้เวลาทั้งหมดภายในอาทิตย์เดียวเท่านั้น
ต่อจากนี้ไป สวี่หลิงอวิ๋นจะเริ่มปลูกสร้างดาวเคราะห์ดวงอื่นโดยไม่หยุดหย่อน