ตอนที่ 399 เอลฟ์ชิงเย่
ตอนที่ 399 เอลฟ์ชิงเย่
เถาวัลย์งูมองดูอสุรกายทั้งสองตัวที่ใกล้เข้ามา และฉวยโอกาสเข้าไปพัวพันพวกมันทันที
“โฮก! ถูกหลอก! วิ่งเร็ว!”
อสุรกายทั้งสองตัวพยายามเขย่าร่างกายเพื่อให้หลุดพ้น!
เถาวัลย์งูยังไม่แข็งแกร่งพอ เนื่องจากมันเพิ่งถือกำเนิด สวี่หลิงอวิ๋นกับโอคาซีต่างแปรสภาพพลังดวงดาวเป็นคันธนูและลูกธนูเพื่อยิงใส่อสุรกายร้ายทั้งสองตัวโดยตรง!
“โอ๊ย! บังอาจลอบโจมตีข้า ไร้ยางอายที่สุด!” อสุรกายทั้งสองตัวร้องคำรามอย่างฉุนเฉียว
ฉวยโอกาสในช่วงที่มันกำลังอ่อนแอ!
ดอกตูมทั้งสองดอกงอกออกมาจากเถาวัลย์งู ยืดตัวเข้าไปในบาดแผลของอสุรกายทั้งสองและดูดเลือด!
ขณะเดียวกัน ต้นเถาวัลย์งูก็แตกยอดออกมาและแทงเข้าไปข้างใน
หลังจากที่ยอดทั้งสองทะลุออกมาจากร่างอสุรกายทั้งสอง ดอกไม้ตูมทั้งสองดอกก็งอกออกมาจากเถาวัลย์งู มันเหี่ยวเฉาลงอย่างรวดเร็ว สุกงอมและเติบโตขึ้นมาเป็นเมล็ดพันธุ์
สวี่หลิงอวิ๋นกับโอคาซีเดินเข้ามา
อสุรกายทั้งสองตัวหลงเหลือเพียงแค่ส่วนหนังเหมือนกับอสุรกายสามตาก่อนหน้านี้ สวี่หลิงอวิ๋นเก็บรวบรวมมันอีกครั้ง
เถาวัลย์งูยัดซองเมล็ดพันธุ์ไว้ในมือของสวี่หลิงอวิ๋น
เธอมองดูมัน ยอดเยี่ยมมาก! มีเมล็ดพันธุ์หลายพันเมล็ดอยู่ในนี้!
ไม่เลวทีเดียว!
เมล็ดพันธุ์พวกนี้มีขนาดเล็กกว่าก่อนหน้านี้มาก เห็นได้ชัดว่ามันเริ่มวิวัฒนาการ
ยิ่งไปกว่านั้น พลังภายในก็มีชีวิตชีวามากขึ้น ไม่จำเป็นต้องหล่อเลี้ยงด้วยเลือดเพื่อทำให้พวกมันเติบโตอีกต่อไป
สวี่หลิงอวิ๋นมอบเมล็ดพันธุ์จำนวนครึ่งหนึ่งให้โอคาซี และบอกให้เขาแผ่ขยายพลังต้นไม้แห่งชีวิตของตัวเขาเข้าไปด้านใน ก่อนจะนำมันมาวางไว้บนคันธนูและลูกธนูที่ใช้ยิงใส่อสุรกาย
หลังจากเสร็จสิ้นทุกอย่าง โอคาซีกับสวี่หลิงอวิ๋นสั่งให้เถาวัลย์งูดูแลพื้นที่ตรงนี้ เพื่อที่พวกเขาจะออกเดินทางอีกครั้ง
ไม่ไกลจากที่นี่ มีบางอย่างที่คล้ายคลึงกับยานอวกาศลำเล็กลอยลำอยู่
ชายหนุ่มรูปงามที่มีใบหูแหลมคม สวมใส่เสื้อผ้าสีดำเข้ม ตรงกลางหน้าผากของเขามีเครื่องหมายสัญลักษณ์สีเขียว
“น่าสนใจจังแฮะ!” ชายหนุ่มยิ้มเบา ๆ ผิวของเขาขาวซีดเหมือนเกล็ดหิมะ ดวงตาสีเขียวมรกตเผยให้เห็นบุคลิกที่หยิ่งผยอง เขามองดูสวี่หลิงอวิ๋นกับโอคาซีบนหน้าจอ “เป็นพวกมนุษย์สินะ”
ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่ที่นี่ ทำไมไม่ซ่อนตัวซะล่ะ?
“มีอสุรกายที่ไม่ค่อยคุ้นตามมาด้วย” ชายหนุ่มนั่งเล่นประติมากรรมไม้อันวิจิตรที่อยู่ในมือ ดวงตาของเขาเปล่งประกายแวววาว หากจับมนุษย์สองคนนั้นได้ เขาอาจจะเอามาประมูลขายได้ในราคาสูง
โกดังที่อยู่ด้านหลังยานอวกาศเต็มไปด้วยอสุรกายป่ากาน่า พวกมันทั้งหมดสวมใส่ปลอกคอ ปลอกคอนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้กาน่ากลายเป็นอสุรร้าย และเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นกลุ่มก้อนตัวน้อย
เห็นได้ชัดว่าชายผู้นี้เป็นคนรับซื้อ
นอกจากเข้าจะรับซื้อแล้ว เขายังตามล่ามันอีกด้วย
ในฐานะเอลฟ์ผู้เก่งกาจ นอกจากจะไล่ตามจับสิ่งมีชีวิตพวกนี้แล้ว ชิงเย่ยังชื่นชอบงานศิลปะที่สร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา มีเพียงงานศิลปะที่จะสามารถปลอบโยนเอลฟ์ผู้โดดเดี่ยวได้
เสื้อผ้าสีน้ำตาลแดงผันรอบร่างเรียวบางของเขาไว้แน่น ขณะที่กริชคมติดอยู่ที่เรียวขา
ผมยาวสลวยสีเขียวสดใสถูกมัดรวบ ก่อนที่เจ้าตัวจะกระโดดลงจากยานอวกาศ
เมื่อไหร่ก็ตามที่อยู่ในระดับ 10 ดาวหรือมากกว่านั้น จะสามารถเดินทางข้ามระหว่างห้วงดวงดาวได้อย่างเสรี
ความไวของชิงเย่รวดเร็วมาก ในฐานะสุดยอดนายหน้ารับซื้อขาย เขามีเงื่อนไขขั้นพื้นฐานว่าความแข็งแกร่งจะต้องอยู่ในระดับ 14 ดาวขึ้นไป!
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงสามารถมั่นใจได้ว่าตัวเองสามารถหลบหลีกได้อย่างราบรื่นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตต่าง ๆ
ต้นไม้แห่งชีวิตของสวี่หลิงอวิ๋นกับโอคาซีตระหนักได้ถึงภัยอันตราย มันรีบเขย่าร่างกายเพื่อเตือนพวกเขา
เสี่ยวอ้ายสังเกตเห็นความผิดปกติ มันสูดดมกลิ่นและร้องตะโกนว่า “แย่แล้ว! เอลฟ์! โฮ่ง!”
หลังจากพูดจบ มันก็กลายร่างเป็นอสุรกายยักษ์ทันที!
พละกำลังของเอลฟ์ไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดในห้วงอวกาศทั้งหมด แต่พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยากจะรับมือ!
เอลฟ์พวกนี้เก่งในเรื่องการลอบฆ่าและลอบโจมตี แม้แต่เสี่ยวอ้ายก็ยังต้องจัดการพวกมันอย่างระมัดระวัง!
หากต้องเผชิญหน้ากันตัวต่อตัว เสี่ยวอ้ายคงจะไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น แต่เจ้าสารเลวพวกนี้กลับเล่นไม่ซื่อ และนั่นทำให้เสี่ยวอ้ายไม่พอใจนัก!
ชิงเย่ว่องไวมาก เขาบุกเข้าประชิดด้านข้างสวี่หลิงอวิ๋น สวี่หลิงอวิ๋นที่ยังไม่ทันได้ตอบสนองถูกข้อศอกทุบตีอย่างแรง!
โอคาซีตกตะลึง ทว่าเอลฟ์ตัวนี้ว่องไวอย่างมาก!
เขาโจมตีออกไปหลายครั้ง แต่กับไม่โดนคู่ต่อสู้สักครั้ง หนำซ้ำแขนของเขายังถูกคู่ต่อสู้แทงสวน
หากชิงเย่ไม่ได้หวาดกลัวว่าอาการบาดเจ็บของพวกมนุษย์จะส่งผลต่อการประมูล คาดว่าโอคาซีกับสวี่หลิงอวิ๋นจะต้องจบชีวิตลงแน่!
เสี่ยวอ้ายโกรธจัดเมื่อเห็นว่านายท่านได้รับบาดเจ็บ!
ชิงเย่มองดูรูปร่างอสุรกายยักษ์ และทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่ามันคือสุดยอดอสุรกายอัจฉริยะเสี่ยวอ้าย!
พวกเขาทุกคนรู้ดีว่ามีอสุรกายที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้อยู่ ทว่าพวกเขาไม่เคยเห็นเสี่ยวอ้ายในร่างเล็กมาก่อน และตอนนี้เสี่ยวอ้ายทำให้เขาตกตะลึง!
ไม่คาดคิดว่าเขาจะเผลอไปยั่วโมโหอสุรกายผู้ยิ่งใหญ่!
เสี่ยวอ้ายร้องคำราม ขณะที่ชิงเย่สังเกตเห็นพลังรอบกายที่ค่อย ๆ หนักอึ้ง ทักษะที่ว่องไวของเขากลายเป็นของไร้ประโยชน์ในทันที
นี่คือการโจมตีด้วยแรงโน้มถ่วง!
ชิงเย่ยิ้มอย่างขมขื่น ไม่คิดว่าการสร้างโชคลาภจะทำให้เขาตกไปอยู่ในน้ำมือของคนอื่น!
ล่องลอยเป็นห่านป่าอยู่หลายปี ในที่สุดก็โดนจิกตาจนได้!
เสี่ยวอ้ายโกรธมากและตั้งใจจะกลืนกินชิงเย่ในคำเดียว ทว่าโอคาซีกลับร้องตะโกน “เสี่ยวอ้าย!”
เสี่ยวอ้ายหันไปมองโอคาซี “จะทำอะไร?!”
มันจะล้างแค้นให้นายท่าน!
โอคาซีขมวดคิ้วและปิดบาดแผล “อย่าเพิ่งฆ่าเขา เราต้องถามอะไรบางอย่างกับเขาก่อน”
มีสิ่งมีชีวิตชาญฉลาดอยู่ที่นี่!
และนั่นทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ! การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นงั้นเหรอ?!
เขาเริ่มรู้สึกกังวล เดิมทีเขาคิดว่าความเสียหายของบาเรียเป็นตัวดึงดูดอสุรกายทั้งหลายให้เข้ามา จึงไม่ได้เห็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา ทว่าเอลฟ์ตัวนี้แตกต่างออกไป
พวกเขากำลังตกเป็นเป้าหมายของสิ่งชีวิตที่มีสติปัญญานอกจากนี้หรือไม่?!
ต่อให้อสุรกายร้ายจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่มันก็ต่อสู้กันเพียงลำพัง ถึงอย่างนั้นสิ่งมีชีวิตอันชาญฉลาดกลับต่างกันออกไป พวกเขาอาจมีจักรวรรดิของตัวเอง ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะรวมกันเป็นกลุ่ม และหากตกเป็นเป้าหมายของอีกฝ่ายจริง ๆ สถานการณ์ของสหภาพห้วงดวงดาวจะน่าเป็นห่วงมาก…
เสี่ยวอ้ายไม่มีทางเลือกอื่นหลังจากได้ยินเช่นนั้น มันปลดปล่อยความโกรธและมองชิงเย่ด้วยสายตาดูถูก “ถ้าแกรู้อะไรก็พูดออกมาซะ! ไม่งั้นเสี่ยวอ้ายจะทำให้แกรู้ว่าความเจ็บปวดมันเป็นยังไง!”
เมื่อชิงเย่ได้ยินว่าเขารอดแล้ว เขาก็ยิ้มเบา ๆ และพูดว่า “น้อมรับคำสั่งท่านเสี่ยวอ้าย ชิงเย่จะเชื่อฟังท่าน”
เขามองดูโอคาซีที่เปียกโชกไปด้วยเลือดและมองดูสวี่หลิงอวิ๋นที่อยู่อาการโคม่า และพูดอย่างใจเย็นว่า “ต้องขอโทษที่เผลอทำร้ายพวกท่านโดยไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่รู้ว่าพวกท่านเป็นเพื่อนของท่านเสี่ยวอ้าย เอาอย่างงี้! ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะแสดงความขอโทษด้วยการพาพวกท่านมารักษาบาดแผลที่ยานอวกาศของผม”
เสี่ยวอ้ายถอนหายใจ ขณะมองไปที่โอคาซี “ก็ได้! ท่านก็ต้องรักษาแผลเหมือนกัน!”
จากนั้นมันก็เขย่าร่างกายให้เล็กลง
ชิงเย่ลุกขึ้นยืนและเตรียมตัวจะเดินออกไป ทว่าเสี่ยวอ้ายกลับหยุดไว้ และก่อนที่อีกฝ่ายจะตอบสนอง เสี่ยวอ้ายก็ใช้อุ้งเท้าทุบตีเขา