ตอนที่ 403 แปลงร่าง!
ตอนที่ 403 แปลงร่าง!
“ลุย!” สายตาของชิงเย่จับจ้องไปที่หน้าจอ และทันใดนั้นเขาก็เห็นอาก้าวิ่งช้าลงพร้อมกับพูดขึ้นว่า “มีอสุรกาย!”
อสุรกายตัวดังกล่าวได้ก้าวข้ามบาเรียเข้าไปแล้ว!
สวี่หลิงอวิ๋นเห็นฉากตรงหน้าเช่นกัน จึงได้รีบร้องตะโกนขึ้น “หยุดมันไว้!”
ชิงเย่สั่งให้อาก้าบุกเข้าไปในบาเรียทันที จากนั้นจึงบินวนรอบอสุรกายร้าย
ด้วยความเร็วขั้นสูงนี้ ทำให้อสุรกายร้ายถูกเถาวัลย์งูที่เป็นปรสิตพุ่งเข้าใส่ ก่อนที่จะทันได้รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น!
อาก้าได้รับคำสั่งจากชิงเย่ว่าให้ลอยตัวอยู่ตรงบริเวณนั้นเพื่อดูว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับอสุรกาย…
ทันทีที่เมล็ดเถาวัลย์งูสัมผัสเข้ากับขนของอสุรกาย เถาวัลย์ขนาดเล็กก็ขยายตัวออกมาโดยอัตโนมัติ
มันพุ่งเข้าสู่ชั้นผิวหนังของอสุรกายร้ายราวกับลวดเหล็ก!
ลำตัวของอสุรกายมีขนาดใหญ่มากจนไม่ทันได้สังเกตเห็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เป็นกาฝาก!
มันดูดซับเลือดออกจากอสุรกายอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงพุ่งเข้าไปในเส้นเลือดของอสุรกาย ปลดปล่อยรากและเจริญเติบโตเข้าสู่หัวใจ!
อสุรกายร้ายเดินโซซัดโซเซเข้ามาอย่างเชื่องช้า มันมองดูทหารมนุษย์ที่อยู่ด้านล่างด้วยสายตาโหดเหี้ยม มันกำลังจะร้องคำรามเพื่อแสดงพลัง แต่แล้ว จู่ ๆ กลับรู้สึกปวดร้าวในหัวใจเป็นอย่างมาก มันก้มหัวก่อนจะล้มลง และเห็นดอกไม้บานออกมาจากหน้าอก!
“เกิดอะไรขึ้น?!” ดวงตาของอสุรกายร้ายดูสับสนไปชั่วครู่ ขณะที่เลือดในร่างกายถูกเถาวัลย์งูดูดซับไปจนหมด
“ให้อาก้าเอาเถาวัลย์งูกลับมา และไปหาอสุรกายต่อ” สวี่หลิงอวิ๋นสั่ง เธอเห็นพละกำลังของเถาวัลย์งูแล้ว แต่จะปล่อยให้มันตกลงไปในอาณาเขตของมนุษย์ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเถาวัลย์งูจะไม่ดูดเลือดเผ่าพันธุ์มนุษย์จนสูญพันธุ์เลยเหรอ?!
อาก้ารู้สึกลังเลเล็กน้อย หากมันมีความรู้สึก มันคงจะเรียกเถาวัลย์งูว่าลูกพี่!
ทหารมนุษย์ที่อยู่ด้านล่างยังคงตั้งตารอด้วยความสิ้นหวัง พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้เอาชีวิตของอสุรกาย แต่เมื่อมันตกลงมาถึงพื้น มันกลับหลงเหลือเพียงแค่หนังสัตว์เท่านั้น!
อาก้าบินออกไป ขณะที่เถาวัลย์งูกลายมาเป็นเมล็ดอีกครั้ง มันเอนตัวลงนอนบนอาก้า และบินวนรอบบาเรียอีกครั้ง!
เอลฟ์ชิงเย่มองดูเถาวัลย์งูด้วยความอิจฉา!
สิ่งนี้ทำลายกฎเกณฑ์ทางธรรมชาติอย่างมาก! หากตัวเองมีเมล็ดสักแปดถึงสิบเมล็ด เขาคงจะทำงานจับอสุรกายยักษ์ได้ราบรื่นกว่านี้หรือไม่?
หนังของอสุรกายสามารถเอามาขายได้ราคาดี!
ขณะที่ขนอันแสนอบอุ่นของอสุรกายสามารถเอาไปขายได้ในราคาอย่างน้อยห้าสิบเหรียญจักริน!
พวกเขาใช้เวลาหนึ่งวันถ้วนในการบินวนรอบบาเรีย หลังจากดูดซับเลือดอสุรกายไปกว่าห้าสิบถึงหกสิบตัว เถาวัลย์งูก็กินจนจุก!
เมล็ดเริ่มมีขนาดใหญ่มากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย และเริ่มทำตัวไม่ซื่อสัตย์กับอาก้า มันกลิ้งไปมาราวกับต้องการออกกำลังกายเพื่อย่อยอาหาร
น่าสงสารซะไม่มี!
สวี่หลิงอวิ๋นหยิบเมล็ดขึ้นมา และสังเกตเห็นว่ามันได้เปลี่ยนจากแสงสีทองอ่อน ๆ มาเป็นสีแดงฉาน และเมื่อเข้าไปใกล้ จะได้กลิ่นเลือดคลุ้งโชยออกมา
ดูดเลือดไปเยอะเลยสินะ!
มันคือนักฆ่ามือฉกาจ หากเถาวัลย์งูไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับต้นไม้แห่งชีวิตของเธอ เธอก็คงจะสงสัยว่ามันจะฆ่าเจ้านายหรือไม่!
สิ่งนี้จะต้องอยู่ในมือของเธอเท่านั้น เพราะหากคนชั่วร้ายได้มันไปครอง ไม่รู้ว่าผู้คนบริสุทธิ์กี่คนที่จะต้องถูกทำร้าย!
ชิงเย่คิดอยากจะได้เมล็ดเถาวัลย์งูมาสร้างความหายนะให้กับอสุรกาย
หึหึ…เขาจะต้องซื้อเมล็ดพันธุ์จากผู้หญิงคนนี้ให้ได้!
สวี่หลิงอวิ๋นครุ่นคิดบางอย่างเมื่อเห็นเมล็ดพันธุ์กำลังกลิ้งไปมา จากนั้นจึงหยิบเมล็ดเจ็ดถึงแปดเมล็ดเข้ามาประกบรวมกัน
เถาวัลย์งูเป็นพืชพรรณที่ตะกละตะกลามเหลือเกิน สิ่งที่มันกินเข้าไปทั้งหมด มันคายออกมาซะที่ไหนกัน?! ทว่าเถาวัลย์งูแทบจะอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว อีกทั้งพี่น้องของมันยังเข้ามาติดหนึบกับร่างกาย ราวกับต้องการจะดูดเลือดไปจากมัน
เถาวัลย์งูหมายเลขหนึ่งกลัวว่าพี่น้องทั้งหลายจะดูดซับแก่นแท้ของมันไป มันจึงขยายส่งต่อให้กับพี่น้องเหล่านั้น
เยี่ยม!
คราวนี้เมล็ดพันธุ์เจ็ดถึงแปดเมล็ดกลายเป็นสีชมพูอ่อน ติดแหงกอยู่กับนิ้วของสวี่หลิงอวิ๋น และไม่ขยับเขยื้อน!
เมื่อมองดูเมล็ดพวกนั้น สวี่หลิงอวิ๋นรับรู้ได้ว่าพวกมันกินอิ่มแล้ว!
และหันไปพูดกับชิงเย่อีกครั้ง “โทษทีนะ นายช่วยส่งเมล็ดพวกนี้ไปที่รูเปิดของบาเรียทีสิ”
ในขณะเดียวกัน เธอยังพูดกับเมล็ดพันธุ์พวกนี้ว่า “ทำตัวให้เรียบร้อยและเฝ้าอยู่ตรงทางเข้านะ อย่าปล่อยให้อสุรกายยักษ์เข้ามายุ่งวุ่นวาย ถ้าเกิดมีหลุดเข้าไป ก็ดูดเลือดพวกมันได้เลย!”
เมล็ดพันธุ์ม้วนตัวกันอย่างพร้อมเพรียง เพื่อแสดงออกว่าพวกมันรับรู้แล้ว!
สวี่หลิงอวิ๋นพูดต่อว่า “อย่าได้เผลอเอาตัวของพวกแกเข้าไปในบาเรียเด็ดขาด! ถ้าพวกแกกล้าเข้าไปกลั่นแกล้งมนุษย์หรือสัตว์ในบาเรียนั้น ก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือนแล้วกัน!”
เถาวัลย์งูรวมตัวเข้าหากัน เพื่อบอกว่ามันจะไม่มีวันทำแบบนั้น!
ชิงเย่รับเมล็ดเถาวัลย์งูมาไว้ในอุ้งมือ และสั่งให้อาก้าพาพวกมันกลับไปยังที่ประจำการ
แต่ทันใดนั้นเขากลับรู้สึกเจ็บแปลบบนฝ่ามือ เมื่อมองลงไปและเห็นว่าเมล็ดพันธุ์กำลังเจาะเข้าไปในมือ เถาวัลย์ขนาดเล็กกำลังจะเข้าไปในผิวหนังของเขา!
เมล็ดพันธุ์นี้ตะกละมากเหลือเกิน!
สวี่หลิงอวิ๋นถอนหายใจเบา ๆ เมล็ดพันธุ์จึงยอมปล่อยชิงเย่และกระโดดขึ้นไปบนอาก้าอย่างเชื่อฟัง
คอยเฝ้าดูเมล็ดพันธุ์กระโดดขึ้นไปอีกทีละเมล็ด จนกระทั่งพวกมันทะยานออกไป
ทันทีที่เมล็ดพันธุ์ไปถึงจุดหมายปลายทาง พวกมันก็แปลงร่างเป็นเถาวัลย์ขนาดมหึมาที่ส่งกลิ่นหอมอันน่าหลงใหล เถาวัลย์แต่ละต้นมีดอกไม้บานสีชมพู ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปนับพันไมล์ จนอสุรกายร้ายไม่อาจต้านทานได้
สวี่หลิงอวิ๋นถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยเถาวัลย์พวกนี้ก็ยังช่วยป้องกันได้ชั่วขณะหนึ่ง
ตอนนี้พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังจักรวรรดิเคทเลอร์!
บางสิ่งก็ไม่อาจแก้ปัญหาได้ด้วยการถอยกลับ
มนุษย์สองคน เอลฟ์อีกหนึ่ง รวมถึงอสุรกายเสี่ยวอ้าย พวกเขาทั้งหมดขับยานอวกาศที่ทรุดโทรมแล่นไปทางจักรวรรดิเคทเลอร์
“เกรงว่าพวกท่านจะเข้าไปที่จักรวรรดิเคทเลอร์ด้วยสภาพแบบนี้ไม่ได้” ชิงเย่พูดขึ้น ขณะมองดูสวี่หลิงอวิ๋นกับโอคาซี “เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกท่านปรากฏตัวขึ้นในจักรวรรดิเคทเลอร์ ผมรับประกันได้เลยว่าชาวเคทเลอร์จะรีบเข้ามาจับกุมพวกท่าน และทำให้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงทันที”
สวี่หลิงอวิ๋นเกลียดคำว่า ‘สัตว์เลี้ยง’ จริงเชียว!
“แล้วจะต้องทำยังไง?”
ชิงเย่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และหยิบหน้ากากทั้งสองใบออกมาจากกระเป๋าเป้ของเขา “พวกท่านจงเอาสิ่งนี้ไป! หลังจากใส่มันแล้ว พวกท่านจะแปลงร่างเป็นเอลฟ์แบบเราได้”
สวี่หลิงอวิ๋นสัมผัสหน้ากากและรู้สึกว่ามันแข็งมาก
เจ้าสิ่งนี้จะเปลี่ยนเธอให้เป็นเอลฟ์ได้จริงเหรอ? มันคือมายากลหรือเปล่า?
แต่เพื่อไม่ให้เป็นการหักหน้าเขา ดังนั้นเธอจะไม่ถามคำถามแบบนี้ต่อหน้าชิงเย่เด็ดขาด
มันเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุดในตอนนี้! ใครจะรู้ว่าสิ่งของที่เป็นเหมือนโลหะจะเป็นโลหะเหลว อีกทั้งยังไม่มีใครรู้ว่าผู้คนที่ทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นหุ่นยนต์หรือเปล่า
ไม่มีใครสามารถบอกได้
ขณะที่สวี่หลิงอวิ๋นกำลังจะสวมใส่หน้ากาก โอคาซีก็คว้ามันออกมาจากมือเธอ และเอาไปใส่เองเสียก่อน
ทั้งใดนั้น เอลฟ์ผมสีเงินรูปงามปรากฏกายขึ้นต่อหน้าทุกคน จนชิงเย่ถึงกับร้องเสียงหลงออกมา