ตอนที่ 405 มาถึงจักรวรรดิเคทเลอร์
ตอนที่ 405 มาถึงจักรวรรดิเคทเลอร์
“เผ่าพันธุ์ที่สามคือเผ่าพันธุ์ที่ดูเหมือนปกติทั่วไป มันคือเผ่าพันธุ์โกต้าที่มีจำนวนสมาชิกมากที่สุด พวกมันมีรูปร่างผอมเพรียวคล้ายกับมนุษย์ แต่จะมีเขาอยู่บนหัว ส่วนเด็กทารกจะกินนมจากแม่”
สวี่หลิงอวิ๋นมองดูโอคาซีด้วยความประหลาดใจ เธอยกย่องอีกฝ่ายด้วยความชื่นชม
“ว้าว! โอคาซีเก่งจังเลย! จำมันได้หมดเลยเหรอ?!” สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกมันเขี้ยวจนต้องหยิกแก้มชายหนุ่ม!
ใบหน้าของโอคาซีเป็นสีแดงเล็กน้อย เขากระแอมเบา ๆ และโอบเอวสวี่หลิงอวิ๋น พลางจุ๊บที่หน้าผากของเธอ “ก็เกือบหมด”
ชิงเย่ถอนหายใจและเบือนหน้าออกไป
แต่เสี่ยวอ้ายไม่หวาดหวั่น มันคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“ยานอวกาศหมายเลขหนึ่งสองสามเก้าแปด ต้องการเทียบท่าเรือหรือไม่?” ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน เสียงอันไพเราะของหญิงสาวก็ดังขึ้น
ชิงเย่พยักหน้าและตอบรับ “ครับ!”
“ดีมาก! เรียนคุณชิงเย่ สถานะสมาชิกของท่านเหลืออยู่สามเหรียญจักรินเท่านั้น หวังว่าท่านจะเติมเงินโดยด่วน”
หลังจากเสียงอันไพเราะของหญิงสาวดังขึ้น สวี่หลิงอวิ๋นก็ได้ยินเสียง ‘ครืด’ เบา ๆ และยานอวกาศก็หยุดลง
สวี่หลิงอวิ๋น โอคาซี และเสี่ยวอ้ายเดินตามชิงเย่ออกมาจากยานอวกาศ
“ทันทีที่ประตูเปิดออก สายสะพานจะพาเราไปที่ท่าเรือ” ชิงเย่อธิบาย “จักรวรรดิเคทเลอร์ไม่ได้เข้มงวดกับการตรวจสอบตัวตนนักหรอก ตราบใดที่ไม่ไประเบิดเมืองหลวงน่ะนะ เพราะงั้นพวกท่านใช้ชีวิตกันได้ตามใจชอบเลย ขอแค่พวกท่านมีเงินก็พอ!”
นับว่าเป็นเรื่องดี
ไม่อย่างนั้นถ้าพวกเขาไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน แล้วพวกเขาจะอาศัยอยู่บนพื้นที่ของคนอื่นได้อย่างไร?! โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกชนชั้นสูงที่กำลังเตรียมที่จะแทรกแซงผู้อื่น!
และก็เป็นอย่างที่ชิงเย่พูดเอาไว้ เพราะทันทีที่พวกเขาเดินออกไปก็พบกับจานสีทองขนาดใหญ่เปล่งประกายเรืองแสง ชิงเย่ขึ้นไปยืนเป็นคนแรก ขณะที่ถือบัตรไว้ในมือ
หลังจากที่สวี่หลิงอวิ๋น โอคาซี และเสี่ยวอ้ายเดินขึ้นไป จานขนาดใหญ่ก็เริ่มพูดขึ้น
“จำนวนที่ตรวจสอบได้ทั้งหมดคือเอลฟ์สามตัว และอสุรกายยักษ์หนึ่งตัว ค่าเรียกเก็บทั้งหมดอยู่ที่สามสิบเหรียญดวงดาว กรุณารูดบัตรของท่าน ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ”
หลังจากที่บัตรของชิงเย่สัมผัสเข้ากับขอบจานเบา ๆ ผู้คนทั้งหลายก็รู้สึกถึงดวงตาที่พร่ามัว หลังจากลืมตาขึ้น พวกเขาเห็นเพียงฝูงชนที่พลุกพล่าน
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่ทำตัวลึกลับราวกับพวกร่างทรง!
ส่วนใหญ่จะเป็นเผ่าพันธุ์โกต้าที่โอคาซีพูดถึง ลักษณะของพวกมันคล้ายกับมนุษย์มาก ถ้าเกิดไม่มีเขาบนหัว ก็คงจะคิดว่าบางคนเป็นมนุษย์!
ภายในจักรวรรดิเคทเลอร์จะประกอบไปด้วยเผ่าพันธุ์โกต้าที่อยู่ในชนชั้นกลางกับชนชั้นล่างเป็นหลัก และจะถูกควบคุมโดยชนชั้นสูงที่เป็นเผ่าพันธุ์บิลลี่กับตานหยาง ในขณะที่ชนเผ่าโกต้าเริ่มเพิ่มจำนวนขึ้นทุกวิถีทาง
“โรงแรมเปาเป่า! โรงแรมเปาเป่า! ตอนนี้พวกท่านสามารถเข้าพักได้ด้วยหนึ่งเหรียญดวงดาวเท่านั้น!”
“โรงแรมหลี่หรง! โรงแรมหลี่หรง! แค่เหรียญทองห้าสิบเหรียญก็เข้าพักได้แล้ววันนี้!”
“โรงแรมปาป่า! โรงแรมปาป่า! คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง ต้องการเข้าพักโรงแรมไหมครับ?! โรงแรมของเรามีที่อาบน้ำและอาหารแบบครบวงจร อยู่ใกล้ป้ายรถเมล์ ทางเดินสะดวกพัฒนาอย่างดี การเดินทางธุรกิจของพวกท่านจะไม่ติดขัด!”
สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกเวียนหัวเมื่อมองดูรอบข้าง!
ทำไมภาพตรงหน้าถึงดูคุ้นตานัก?! มันเหมือนทางเดินที่สถานีรถไฟในชาติที่แล้วใช่ไหม?
ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเดินผ่านพวกเขา คุณจะได้รับเศษกระดาษจากผู้คนที่แจกใบปลิวเสมอ โดยหวังว่าคุณจะประทับใจ ‘ความกระตือรือร้น’ จนต้องเดินเข้าไปพักในโรงแรมของพวกเขา
ชิงเย่ไม่ได้สนใจความกระตือรือร้นของคนพวกนั้น เขาพากลุ่มคนเดินตรงไปที่ป้ายรถเมล์ และพูดว่า “พวกเราที่มาจากต่างจักรวรรดิจะต้องใช้จ่ายภาษีในการขึ้นรถเหาะนี้เพิ่มขึ้นถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์!”
แต่ชิงเย่เป็นนักธุรกิจหัวแหลม เขาจะใช้เงินกับสิ่งของที่ไม่สมเหตุสมผลได้อย่างไร?
สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้าเห็นด้วย จ่ายภาษีเพิ่มอีกห้าสิบเปอร์เซ็นต์จะต้องเป็นเงินมากเท่าไหร่?!
นอกจากนี้ยังมีเผ่าพันธุ์ที่ดูแปลกตามากมายอยู่ตามป้ายรถเมล์
สิ่งที่ดูเหมือนตัวการ์ตูนสพันจ์บ็อบ สแควร์แพนส์ตัวใหญ่นั่นคืออะไร? อีกทั้งยังสูบบุหรี่อยู่ในปากด้วย ว่าแต่มันใช่บุหรี่หรือเปล่า?
นอกจากนี้ยังมีชายชราคนหนึ่งที่มีหัวเหมือนไดโนเสาร์ไซเซราทอปส์ คอเหยียดยาวออกมา เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยราวกับพร้อมจะหลับได้ทุกเมื่อ
รวมถึงสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดเล็กมาก มีตาดวงเดียว สวมใส่ชุดกระโปรง และสูงเพียงแค่ยี่สิบเซนติเมตรเท่านั้น ถ้าโอคาซีไม่รีบคว้าสวี่หลิงอวิ๋นเอาไว้ คาดว่าเธอคงจะเผลอไปเหยียบคนอื่นเข้า!
สวี่หลิงอวิ๋นพูดขอโทษด้วยความอับอาย ในขณะที่อีกฝ่ายเป็นเผ่าพันธุ์ที่ฉลาดและสุภาพมาก เธอไม่ได้พูด ‘ดูหมิ่นถึงพ่อแม่’ แต่กลับโบกมือและพูดว่า “ไม่เป็นไร!”
หลังจากเหตุการณ์เล็กน้อยผ่านพ้นไป ชิงเย่ก็พาทุกคนขึ้นรถเมล์
รถเมล์คันนี้เป็นรถที่ลอยตัวอยู่บนอากาศ ถึงมันจะดูไม่ใหญ่มาก แต่มันกลับดูกว้างขวางเมื่อเดินเข้าไป! เหมือนกับรถไฟใต้ดินเชียวล่ะ
คาดไม่ถึงว่าเทคโนโลยีที่นี่จะได้รับการพัฒนาอย่างมาก และหลักการเทคโนโลยีทางอากาศถูกนำมาใช้อย่างยอดเยี่ยม!
สวี่หลิงอวิ๋นนั่งลงบนเก้าอี้ และทุกคนก็นั่งลงบนรถเมล์เงียบ ๆ ราวกับพวกเขาไม่ชอบแลกเปลี่ยนบทสนทนา
สิ่งมีชีวิตชาญฉลาดส่วนใหญ่มักจะทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ราวกับพวกเขาติดหนี้เงินล้าน
มีเพียงชิงเย่เท่านั้นที่ไม่มีปัญหาอะไร เขาคลำหาแหวนที่สลักลวดลายซับซ้อน อารมณ์ที่สง่างามนั้นแตกต่างจากเผ่าพันธุ์อันชาญฉลาดทั้งคันรถอย่างสิ้นเชิง
สวี่หลิงอวิ๋นไม่รู้ว่ากลุ่มเอลฟ์ถูกจัดให้เป็นเผ่าพันธุ์ชนชั้นสูงในจักรวรรดิเคทเลอร์
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะแบ่งออกเป็นสองจักรวรรดิ แต่ว่าพวกเขากลับไม่ได้ทำสงครามกัน และความสัมพันธ์ยังค่อนข้างแน่นแฟ้น
งานศิลปะของเอลฟ์เป็นที่นิยมอย่างมากในจักรวรรดิเคทเลอร์ เอลฟ์มีพละกำลังการต่อสู้สูง ไม่ว่าจะเป็นแง่ของวัฒนธรรม การเมือง หรือความแข็งแกร่งของชาติ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จักรวรรดิเคทเลอร์จะให้ความเคารพอย่างสูงแก่พวกเขา
โดยพื้นฐานแล้ว ชาวเอลฟ์จะไม่ใช้บริการขนส่งที่ดูแย่อย่างรถประจำทาง ยกเว้นชิงเย่ที่จะมักจะใช้จ่ายฟุ่มเฟือยกับของชิ้นใหญ่เป็นหลัก!
เผ่าพันธุ์อื่นมองดูเอลฟ์ทั้งสามด้วยความอยากรู้อยากเห็น และสัตว์เลี้ยงที่ดูมีราคาแพงตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมชนชั้นสูงพวกนี้จะต้องมานั่งเบียดกับพวกเขาบนรถเมล์ด้วย?!
ชิงเย่ไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไง!
รถเมล์แล่นออกไปด้วยความเร็วสูง จากนั้นชิงเย่จึงรีบพาพวกเขาเข้าไปในโรงแรมแห่งหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าคนที่ร่ำรวยหรือน่าเชื่อถือเท่านั้นถึงจะพักที่นี่ได้
“นี่เป็นโรงแรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเมื่อเทียบกับสถานที่สูงส่งที่อื่นในเคทเลอร์!” ชิงเย่พูดอย่างภาคภูมิใจ
ไม่เพียงแต่จะมีเอกลักษณ์ที่สูงส่งหรอกเหรอ?!
สวี่หลิงอวิ๋นมองดูโรงแรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นสีเขียวมรกต ทั้งโรงแรมถูกแกะสลักด้วยลวดลายต่าง ๆ ที่ดูสวยงามสลับกับความซับซ้อน ถ้าพูดถึงสุนทรียภาพ รูปลักษณ์ของทั้งโรงแรมดูวิจิตรบรรจงมากจนถือได้ว่าเป็นงานศิลปะ! สมกับเป็นเอลฟ์มากจริง ๆ!
คาดว่าเจ้าของโรงแรมนี้น่าจะเป็นเอลฟ์ใช่ไหม?
หลังจากพวกเธอเข้ามาในโรงแรม สวี่หลิงอวิ๋นก็ตกตะลึงกับการอำนวยความสะดวกภายในเป็นอย่างมาก! ทั้งโรงแรมเปรียบเสมือนดงธรรมชาติ!
แสงสว่างที่อยู่เหนือหัวเป็นดั่งแสงจากดวงอาทิตย์ ท้องฟ้าสีครามและปุยเมฆสีขาว หากสวี่หลิงอวิ๋นไม่ได้คิดว่าเธอมาผิดทาง เธอก็คงจะคิดว่าตอนนี้ตัวเองมาพักร้อนที่ต่างประเทศ!
นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีหาดสำหรับเล่นเซิร์ฟ และมีเก้าอี้จำนวนมากให้แขกนั่งอยู่บนชายหาด!