ตอนที่ 408 อยากเปิดร้านอาหารไหม?
ตอนที่ 408 อยากเปิดร้านอาหารไหม?
สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกเวียนหัว!
เธอจ้องมองถ้วยข้าวต้มปลาและกุ้งบนโต๊ะด้วยความสงสัยว่าจริง ๆ แล้วมันไม่ได้ทำมาจากเนื้อสัตว์ แต่ทำมาจากทองสินะ!
ทันทีที่เอลฟ์ตัวหน้าสุดปริปากพูด เอลฟ์ตัวอื่น รวมถึงเผ่าพันธุ์ตานหยางก็ยอมแพ้ด้วยความขุ่นเคือง
ราคาอยู่ที่สิบเหรียญทองอินทนิล!
สวี่หลิงอวิ๋นรับเหรียญทองกลับมาด้วยมือที่สั่นเทา และยื่นถ้วยข้าวต้มปลาและกุ้งไปให้กับเอลฟ์รูปหล่อ
“เชิญทานได้เลยค่า! ทานได้เลย!” สวี่หลิงอวิ๋นมองดูเอลฟ์ที่อยู่ตรงหน้า หยิบผ้าเช็ดปากอันหรูหราออกมาผูกไว้ที่คอของเขา หยิบช้อนขนาดเล็กออกมาเพื่อให้เขาได้ลิ้มลองรสชาติอย่างระมัดระวัง!
“อ้าม!” ใช้ช้อนตักข้าวต้มเข้าไปในปาก ความหอมกรุ่นไหลเวียนออกมาจากปากของเขา ความอร่อยที่ยากจะอธิบายได้พิชิตทุกเซลล์ในตัวของเขา!
ร่างกายเขาสั่นสะท้าน! ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้กินอาหารอร่อยเช่นนี้!
พระเจ้า! อร่อยอะไรขนาดนี้?!
ถ้าเขาสามารถกินอาหารอันแสนอร่อยแบบนี้ได้ทุกวัน เขาก็เต็มใจจะละทิ้งสถานะเอลฟ์และกลายไปเป็นเชลย!
เขากำลังกิน และทันใดนั้นก็ร้องไห้ออกมา!
เอลฟ์ตัวอื่นที่มองดูเขามีท่าทีตกตะลึงไปจนถึงท่าทีเพลิดเพลิน พวกเขารู้สึกอิจฉาอย่างมาก แต่แล้วทำไมเอลฟ์ตัวนี้ถึงร้องไห้?!
“เป็นอะไรไปคะ?” สวี่หลิงอวิ๋นตกใจ! จะปล่อยให้เงินก้อนใหญ่เจ็บปวดไม่ได้!
“มันยังอร่อยไม่พอเหรอคะ? เค็มไป? หรือว่าจืดไป?!” สวี่หลิงอวิ๋นมองดูเขาและเอ่ยถาม
“ไม่! ไม่ครับ!” เอลฟ์ตัวดังกล่าวหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา และพูดตอบ “ผมเพียงแต่คิดว่า หลังจากนี้ผมจะไม่ได้กินอาหารที่คุณทำอีกแล้ว ผมคงจะรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก!”
เดิมทีเอลฟ์ตัวอื่นที่เห็นเขาร้องไห้คิดว่าเป็นเพราะอาหารไม่อร่อย และรู้สึกว่าการวางเงินสิบเหรียญทองอินทนิลนั้นเสียเปล่า! แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเขาจะดูน่าสงสารแทน!
เผ่าพันธุ์ตานหยางรู้สึกหดหู่ใจแทบตาย!
เขาเตรียมจะหันหลังกลับไปด้วยความขุ่นเคือง แต่แล้วสวี่หลิงอวิ๋นกลับหยุดเขาไว้!
“สุดหล่ออย่าเพิ่งไปสิคะ! นอกจากข้าวต้มปลาแล้ว ยังมีของอร่อยอย่างอื่นอีกนะ!” เมื่อพูดจบ สวี่หลิงอวิ๋นก็หยิบอาหารอันโอชะที่ตระการตาออกมาจากปุ่มมิติกักเก็บ
เค้ก อาหารกระป๋อง เนื้อแข็ง บาร์บีคิว หมูสามชั้นผัดซอสแดง ไก่ผัดเผ็ด กุนเชียง…
ชิงเย่มองดูด้วยความตื่นตระหนก ผู้หญิงคนนี้พูดมั่วซั่วตลอดสินะ!
โดยปกติแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่ถึงเวลาอาหาร เธอมักจะพูดว่า ‘อ๊ะ ไม่มีวัตถุดิบเลย! เราทำอาหารไม่ได้แล้วล่ะ!’
‘ต่อให้เก่งแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีวัตถุดิบก็ทำไมได้หรอก! ชิงเย่ เราไม่มีวัตถุดิบเหลือแล้วนะ!’
‘ชิงเย่ ถ้านายจะกินอีก ก็ต้องจ่ายค่าอาหารให้เราทั้งมื้อนะ!’
…
เห็นได้ชัดว่ามีอาหารอร่อยมากมาย!
ตอนนี้สวี่หลิงอวิ๋นไม่ได้สนใจชิงเย่ที่พยายามจะแสดงความคิดเห็น เพราะในสายตาของเธอมีแค่ ‘เงิน เงิน เงิน!’
เธอหยิบอาหารออกมา ตอนนี้ถือเป็นโอกาสดี! ทั้งห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นของอาหารนานาชนิด!
กลิ่นของพวกมันกลบกลิ่นข้าวต้มปลาไปจนหมด!
สวี่หลิงอวิ๋นมองดูเอลฟ์ตัวใหญ่ และมอบเค้กให้เขาเป็นพิเศษ “ให้คุณนะคะ! ไม่ต้องเกรงใจ!”
ชายจากเผ่าพันธุ์ตานหยางได้กลิ่นเผ็ดลอยออกมา กลิ่นนี้ทำให้เขาน้ำลายสอ ทำไมกลิ่นของมันถึงได้กระตุ้นเขาขนาดนี้?!
“คุณชอบอันนี้เหรอคะ? โอ้ คุณตาแหลมมากนะคะ!” สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองชายหนุ่มสุดหล่อจากเผ่าพันธุ์ตานหยางที่กำลังมองดูอาหารกระป๋อง เธอยิ้มและส่งปลาหมึกกระป๋องให้กับเขา “ขอบคุณที่ช่วยอุดหนุนนะคะ ห้าเหรียญทองอินทนิลค่า!”
ห้าเหรียญทองอินทนิลเหรอ? ชายหนุ่มจากเผ่าพันธุ์ตานหยางหยิบเหรียญทองอินทนิลสองเหรียญออกมาเงียบ ๆ “อะนี่! ห้าเหรียญ!”
สวี่หลิงอวิ๋นอยากจะตบปากตัวเองอย่างแรง! ใครใช้ให้พูดมาก! ดูสิ นั่นมันเหรียญทองอินทนิลตั้งสองเหรียญไม่ใช่เหรอ?!
แต่ไม่เป็นไร! สวี่หลิงอวิ๋นมองไปที่กุนเชียง เธอหยิบมันออกมาและยื่นให้เขา “สุดหล่ออยากลองอันนี้ไหม? นี่คืออาหารที่ฉันใช้ฝีมือการทำซับซ้อนที่สุด! ไม่ว่าคุณจะเอามันกลับไปทอดหรือนึ่ง มันก็จะอร่อยมากเลยน้า!”
พอลลี่จากเผ่าตานหยางมองดูกุนเชียงในมือเธอ ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดม กลิ่นของมันหอมมาก!
ชายหนุ่มสุดหล่อคนนี้ค่อนข้างใจกว้าง เขาใส่เหรียญทองอินทนิลไว้ในมือของสวี่หลิงอวิ๋น “อะ ครบแล้วใช่ไหม?”
“ครบแล้วจ้าครบแล้ว! พี่ชายใจกว้างดีจัง!”
สวี่หลิงอวิ๋นถือเหรียญทองอินทนิลอย่างระมัดระวัง ตอนนี้ในกระเป๋าของเธอมีเหรียญทองอินทนิลสิบเจ็ดเหรียญ! ฮ่า ๆๆๆ! เธอมีคุณสมบัติในการเป็นนักธุรกิจจริง ๆ! คอยดู สิ่งมีชีวิตต่างดาวพวกนี้จะต้องก้มกราบฝีมือเธอ!
ชิงเย่รู้สึกราวกับว่าตัวเองฝันไป!
ตลอดเวลาหนึ่งปีที่เขาทำกิจวัตรทั่วไป และถือว่าตัวเองเป็นผู้มั่งคั่งหากสามารถเก็บรวบรวมเหรียญทองอินทนิลได้เพียงพอ แต่คาดไม่ถึงว่าสวี่หลิงอวิ๋นจะได้รับเหรียญทองอินทนิลสิบเจ็ดเหรียญในเช้าวันเดียว! นี่! มันมากเกินไปแล้ว!
ชิงเย่นึกถึงการกู้ยืมซื้อยานอวกาศเมื่อสามสิบปีที่แล้ว มันช่างมืดหม่นนัก!
แต่สวี่หลิงอวิ๋นกลับได้รับเหรียญทองอินทนิลสิบเจ็ดเหรียญเนี่ยนะ? ตลกเกินไปแล้ว!
เธอไม่ได้ขายอาหารในราคาถูก และหลังจากกวาดล้างเศรษฐีไปมากกว่าหนึ่งร้อยครัวเรือน เหรียญทองอินทนิลนับห้าสิบเหรียญก็ไปกองกันอยู่ในกระเป๋าของเธอ!
นี่ไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย!
ใครก็ตามที่มีเหรียญทองอินทนิลมากกว่าห้าสิบเหรียญสามารถซื้อบ้านในทำเลที่สุดหรูใจกลางเมืองเคทเลอร์ได้!
สวี่หลิงอวิ๋นได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากยาจกที่น่าสังเวชไปสู่เศรษฐีนีผู้ร่ำรวยเพียงชั่วพริบตา ขณะที่ชิงเย่ร้องไห้อยู่ใต้เตียงด้วยความอิจฉา!
สิ่งมีชีวิตจำนวนมากจากเผ่าพันธุ์เอลฟ์และเผ่าพันธุ์ตานหยางบอกกับสวี่หลิงอวิ๋นว่า หากเธอจะเปิดร้านอาหาร เธอสามารถบอกพวกเขาล่วงหน้าได้! พวกเขาจะแวะเวียนไปชิม!
คำพูดเหล่านั้นทำให้ความตื่นเต้นประเดประดังเข้ามา ใช่แล้ว ทักษะการทำอาหารของเธอดีมาก ทำไมไม่เปิดร้านอาหารซะล่ะ?
นอกจากนี้ มันคือจุดประสงค์ในการเข้ามาแทรกซึมจักรวรรดิเคทเลอร์ไม่ใช่เหรอ?
บางทีทักษะการทำอาหารของเธออาจจะทำให้คุยถูกคอกันมากขึ้น!
ตอนนี้เธอตัดสินใจแล้ว สวี่หลิงอวิ๋นจึงยิ้มและพยักหน้า “ถ้าฉันเปิดร้านอาหาร ฉันจะบอกพวกคุณแน่นอนค่ะ!”
โดยเฉพาะเผ่าพันธุ์ตานหยางที่ตบหน้าอกของเขาด้วยความอาจหาญ โดยบอกสวี่หลิงอวิ๋นว่าถ้าเธอต้องการจะเปิดร้านอาหาร ให้บอกเขา เขาเต็มใจจะให้สวี่หลิงอวิ๋นเช่าโรงแรมของตัวเองในราคาที่ดีที่สุด!
“จะดีเหรอคะ?” สวี่หลิงอวิ๋นพูดออกมาด้วยความเขินอาย แต่กลับรับนามบัตรมายัดใส่ไว้ในกระเป๋าด้วยสีหน้าเบิกบาน
หลังจากที่ทุกคนออกไป สวี่หลิงอวิ๋นก็พูดคุยเกี่ยวกับการเปิดร้านอาหารกับโอคาซีและเสี่ยวอ้าย
ชิงเย่ค่อนข้างคุ้นเคยกับที่แห่งนี้เป็นอย่างดี แต่เมื่อเขาเห็นนามบัตรใบดังกล่าว ก็รู้สึกราวกับประกายไฟที่ผุดขึ้นมา!
นี่คือพอลลี่จากเผ่าพันธุ์ตานหยาง ลูกชายของจอมพลพอลลี่ใช่ไหม?
โรงแรมที่พูดถึงตั้งอยู่ใจกลางเมืองเคทเลอร์ เป็นพื้นที่ที่หาซื้อและหาเช่าได้ยากมาก ผู้คนที่เดินทางไปมาในที่แห่งนั้นล้วนเป็นบุคคลสำคัญในตระกูลมั่งคั่งจากทั่วทั้งจักรวาล