ตอนที่ 410 ผมเหมาหมด!
ตอนที่ 410 ผมเหมาหมด!
เขาแค่คิดว่ารสชาติของมันอร่อยดี อยากจะเอามาไว้ในกำมือของตัวเองทั้งหมด แต่ทำไมมันถึงได้ยากเย็นนัก?
คนอื่น ๆ ที่เห็นเหตุการณ์เริ่มให้ความสนใจ ดูเหมือนว่าชายเตี้ยหัวโตในชุดคลุมก็แค่หวาดกลัวว่าพวกเขาจะมาแย่งชิงมันไป เขาเลยจงใจบอกว่ารสชาติของมันไม่ได้เรื่อง
ช่างเจ้าเล่ห์ซะเหลือเกิน!
เจ้าบิลลี่สารเลวนั่นกำลังปฏิบัติกับพวกเราเหมือนคนโง่!
“คุณครับ ผมขอบาร์บีคิวที่เหลือแล้วกัน” ชายร่างสูงในชุดคลุมอีกคนเดินเข้ามาและพูดขึ้น ก่อนจะยื่นเหรียญจักรกรินในมือให้สวี่หลิงอวิ๋น
“หนึ่งเหรียญทองอินทนิลสามารถซื้อบาร์บีคิวหนึ่งพันไม้ได้ แต่ผมก็ยังซื้อบาร์บีคิวเป็นของตัวเองไม่ได้”
สวี่หลิงอวิ๋นดีดนิ้ว ขณะที่หุ่นยนต์รีบวิ่งออกมา มันรีบเสียบเนื้อด้วยความกระตือรือร้น
และแล้วเตาบาร์บีคิวที่อยู่ข้างหน้าก็เต็มไปด้วยบาร์บีคิวจำนวนสี่ถึงห้าร้อยไม้
“คุณลูกค้ารอหน่อยนะคะ อีกสักครู่ค่ะ”
แขนกลเป็นคนย่างเนื้อ และแขนกลก็เป็นคนเอาเนื้อเสียบใส่ไม้ แม้แต่เนื้อที่เอามาหมักยังเป็นหน้าที่ของแขนกล ตลอดกระบวนการดังกล่าว สวี่หลิงอวิ๋นนั่งลงบนเก้าอี้ พูดคุยกับโอคาซีอย่างสบายใจ
ชิงเย่ที่ยืนอยู่ด้านข้างได้กลิ่นหอมของบาร์บีคิวโชยมา แล้วแบบนี้เขาจะควบคุมน้ำลายในปากได้อย่างไร?
เขาโน้มตัวลงมาและพูดประจบสอพลอ “พี่สาว ขอไม้หนึ่งได้ไหมงับ? แค่ไม้เดียวเอง”
สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกขนลุกซู่ไปทั่วทั้งตัว
“พูดดี ๆ ก็ได้ไหม นายทำบ้าอะไร?”
ชิงเย่ชี้นิ้วไปที่บาร์บีคิว “ผมหิวจัง ขอกินหน่อยได้ไหมงับ? ขออีกสักไม้น้า ขออีกไม้เดียวเองได้ไหมงับ?”
เสี่ยวอ้ายที่อยู่ด้านข้างถึงกับต้องปิดตา เจ้านั่นนับวันยิ่งไร้สติมากขึ้นเรื่อย ๆ ยังหลงเหลือความหยิ่งทะนงของเอลฟ์อยู่อีกไหม?
เอลฟ์รูปงามถึงกับทำให้สวี่หลิงอวิ๋นพูดไม่ออก แต่ในเมื่อเป็นคนรู้จักกัน สวี่หลิงอวิ๋นจึงค่อนข้างใจกว้างกับคนรู้จักเสมอ
“ก็ได้ ไม้เดียวก็ไม้เดียวนะ” สวี่หลิงอวิ๋นพูดว่าจะให้ไม้เดียว แต่เธอกลับมอบให้เขาสิบไม้
เพื่อที่ชายผู้นี้จะได้ไม่ร้องขอเธอหลังจากกินเสร็จอีกรอบ เธอทนดูชายร่างใหญ่ที่ทำตัวเป็นเด็กขี้อ้อนไม่ไหว มันเป็นการทดสอบสายตาของเธอมากเกินไป
ชิงเย่รับเนื้อบาร์บีคิวไปด้วยความพึงพอใจ หลังจากกินหมดหนึ่งไม้แล้ว เขาก็ค่อย ๆ กินไม้ที่สองอย่างละเมียดละไม และกินไม้ที่สองหมดไปในที่สุด เขาครุ่นคิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะค่อย ๆ กินแบบนี้ต่อไป เขาจะอดทนได้ยังไง และผ่านไปเพียงสิบนาที บาร์บีคิวทั้งสิบไม้ก็หมดเกลี้ยง
กลุ่มชายในชุดคลุมคนอื่นมองดูพ่อค้าที่อยู่ด้านข้างสวี่หลิงอวิ๋น หลังจากทำตัวเป็นเด็กน้อยน่ารัก เขาก็ได้บาร์บีคิวสิบไม้ไปครองและวิ่งแจ้นออกไปทันที พวกเขาจึงเริ่มทำตัวขี้อ้อนบ้าง
“พี่สาวครับ ผมก็หิวเหมือนกัน ขอสักไม้ได้ไหมครับ? ไม้เดียวเอง!”
สวี่หลิงอวิ๋นแทบจะสำลักน้ำลาย สมองของคนพวกนี้เป็นอะไรกันไปหมด?
คิดว่าเธอจะมอบเนื้อบาร์บีคิวให้กับคนที่ทำตัวขี้อ้อนงั้นเหรอ?
“ไปให้พ้น ถ้าอยากกินก็ไปต่อแถว!”
ชายคนนั้นถอยออกไปด้วยความแค้นใจ จ้องมองชิงเย่ด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าชายคนนี้ดีกว่าเขายังไง?
ทำไมถึงได้บาร์บีคิวถึงสิบไม้?
ไม่นานนัก บาร์บีคิวนับพันไม้ก็ถูกส่งมอบให้กับชายร่างสูง จากนั้นคนเตี้ย คนอ้วน รวมถึงคนตัวสูงจำนวนนับไม่ถ้วนก็เดินเข้ามาต่อแถวซื้อบาร์บีคิว
ขณะเดียวกัน ผู้จัดการตลาดก็เข้ามาตรวจสอบสถานการณ์ นึกฉงนว่าทำไมวันนี้ตลาดถึงไม่มีคน แม้จะมีแผงลอยมากมายมาตั้งขาย แต่กลับไม่มีลูกค้าสักคน เกิดอะไรขึ้น?
ในตอนนั้นเองเขาก็ได้กลิ่นหอมตลบอบอวลจนลำไส้ของเขารู้สึกตะกละตะกลามขึ้นมา เขาโยนมันสมองของตัวเองทิ้งไปชั่วขณะ
“กลิ่นนี้มันอะไร? ทำไมถึงหอมจัง? พอได้กลิ่นก็ลืมไปเลยว่ากินอาหารเย็นอะไรมาบ้าง”
ผู้จัดการตลาดเดาะลิ้นและพูดว่า “ไปดูกันเถอะ เห็นว่าวันนี้มีคนใหม่มาขายของหรือเปล่า?”
ในไม่ช้าพวกเขาก็มองเห็นร้านแผงลอยของสวี่หลิงอวิ๋น คิวจากร้านแผงลอยดังกล่าวเรียงรายจากต้นถนนไปจนสุดถนน
“ทั้งหมดนี้คือร้านเดียวเลยเหรอ?” ผู้จัดการตลาดพูด “รสชาติเป็นยังไง? น่าจะเป็นคนแรกในตลาดมืดเลยหรือเปล่าที่เข้ามาขายอาหาร?”
“ครับท่าน” ผู้ติดตามตอบกลับ
รสชาติคงจะต้องเยี่ยมยอดอย่างมาก ลูกค้าคนหนึ่งเพิ่งซื้อมันมาได้และเอาเข้าปาก ดวงตาของเขาก็เป็นประกายสีทองขึ้นมาทันที หลังจากกินเสร็จ เขาก็วิ่งไปสุดแถวถนนเพื่อต่อคิวอีกครั้ง
“ไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาขายอาหารในตลาดมืดของเรา นึกไม่ถึงเลยแฮะ” ผู้จัดการตลาดยิ้มเล็กน้อย “เอาเถอะ ไปลองชิมกันดูสักหน่อย”
สวี่หลิงอวิ๋นกำลังเก็บเงินอย่างสบายใจเฉิบ ทันใดนั้นเธอก็เห็นว่าผู้คนที่กำลังต่อแถวอยู่ค่อย ๆ แหวกออกเป็นสองฝั่ง พวกเขาก้มหัวลงราวกับมีชายผู้ทรงอิทธิพลกำลังเข้ามา
ชิงเย่มองดูแล้วก็ต้องตาลุกวาว ว้าว! นั่นคือเจ้าพ่อที่ดูแลตลาดนี่น่า!
“อุ๊ย นั่นคือคนดูแลตลาด! และเป็นผู้อำนวยการของตลาดมืดด้วย!”
สวี่หลิงอวิ๋นส่งเสียง ‘โอ้’ และลุกขึ้นยืน มองดูชายรูปงามที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เขาเป็นชายที่มีผิวขาว
เขาดูเหมือนมนุษย์แทบทุกประการ! สวี่หลิงอวิ๋นถึงกับคิดว่าเขาเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันกับเธอ แต่ในเมื่อเขาเป็นถึงผู้จัดการตลาด นั่นหมายความว่าเขาไม่ใช่มนุษย์
ส่วนเรื่องเผ่าพันธุ์ของเขา เธอเดาไม่ออกเลย
อันที่จริงผู้คนยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไปเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของผู้จัดการตลาดแห่งจักรวรรดิเคทเลอร์
เนื่องจากความแข็งแกร่งของชายผู้นี้ก้าวไปถึงระดับ 15 ดาว แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้ที่แข็งแกร่ง แต่เมื่อมองดูรูปลักษณ์ก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาจะต้องเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์
แต่ในแง่พละกำลังที่แข็งแกร่งของเขานั้นแตกต่างจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่อ่อนแออย่างสิ้นเชิง
พวกเขาเชื่อว่าผู้จัดการตลาดสวมหน้ากากเพื่อปกป้องตัวตนที่แท้จริงของตัวเขา
อาจจะเป็นเผ่าพันธุ์ตานหยางที่ยังไม่วิวัฒนาการเต็มที่ และอาจจะเป็นพวกเอลฟ์ หรือแม้แต่กลุ่มเบิร์ดแมนก็เป็นไปได้
“สวัสดีครับ คุณผู้หญิง” ผู้จัดการตลาดพูดจาสุภาพเรียบร้อย “คุณพอจะขายบาร์บีคิวให้ผมสักสองสามไม้ได้ไหมครับ?”
เขาหยิบเหรียญทองอินทนิลออกมา “ผมรีบเดินมา เลยมีแค่เหรียญทองอินทนิลติดตัวเท่านั้น จะซื้อได้กี่ไม้ครับ?”
มีแค่เหรียญทองอินทนิลติดตัวเท่านั้น? สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกว่าเจ้าพ่อที่อยู่ข้างหน้าเหมาะสมที่จะเป็นเจ้าพ่อจริง ๆ!
ความเย่อหยิ่งของคนอื่นเป็นความเย่อหยิ่งที่ต้องใช้ความพยายาม แต่ความเย่อหยิ่งของคนตรงหน้ากลับเป็นเพียงคำพูดธรรมดา…
การทำเหมือนเหรียญทองอินทนิลมีค่าเท่ากับหนึ่งหยวน มันทำให้เธอถึงกับเสียวฟัน
ความรู้สึกอิจฉาของเธอเริ่มทำงาน!
“ซื้อได้ถึงหนึ่งพันไม้เลยค่ะ!” สวี่หลิงอวิ๋นยื่นบาร์บีคิวหนึ่งไม้ให้เขา “ลองชิมดูก่อนสิคะว่ามันอร่อยหรือเปล่า ถ้าเกิดอร่อย ท่านค่อยมาตัดสินใจว่าจะซื้อกี่ไม้”
เธอกำลังขาดแคลนวัตถุดิบ! หนึ่งพันไม้มีไม่พอแน่ ๆ!
ผู้จัดการตลาดคนนี้มีชื่อว่าอันเดรีย เขาเลิกคิ้วและรับบาร์บีคิวมาจากสวี่หลิงอวิ๋น ว่ากันตามตรง หลายปีที่ผ่านมานี้เขาได้กินของอร่อยมาทุกชนิด และเขาก็ไม่ได้สนใจบาร์บีคิวเสียบไม้นี้มากเท่าไหร่
แม้ว่ากลิ่นของมันจะน่าดึงดูดมากก็ตาม
แต่ไม่นาน เขาก็รู้สึกว่าเขาคิดผิด!
บาร์บีคิวนี้รสชาติไม่เหมือนเนื้อเสียบไม้ที่เขาเคยได้ลิ้มลองมาก่อน! รสชาติของมันมีความเผ็ด เค็ม และมีรสชาติพิเศษบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกถึงความหอมจนไม่อาจหยุดเคี้ยวได้!
นี่มัน! อร่อยเกินไป!
อันเดรียผู้ที่ยกตัวเองว่าเป็นนักกินตัวยงนั้นกินหมดอย่างรวดเร็ว เขามองไปที่สวี่หลิงอวิ๋นด้วยสายตาเร่าร้อน ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“ผมเหมาหมดครับ!”