ตอนที่ 415 กินหม้อไฟ
ตอนที่ 415 กินหม้อไฟ
ดีหรือไม่ หากจะทำหน้าที่เป็นคนเฝ้าประตูผู้จงรักภักดีให้แก่เผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งสองนี้? ใครอยากกินของอร่อยจะต้องผ่านเขาไปก่อน!
ฮิฮิ! สินบนที่ไม่ต้องออกแรงอะไรเลย!
ชิงเย่พลิกเหรียญทองในมืออย่างพึงพอใจ!
“ไม่ต้องกังวลไปพี่ชาย! ผมจะจัดการให้!”
ชิงเย่คว้าเหรียญทองอินทนิลเอาไว้ และกระตือรือร้นที่จะพาพอลลี่ไปที่ห้องอาหาร
ห้องอาหารเต็มไปด้วยผักนานาชนิด เนื้อสไลด์หั่นแผ่นบาง สลัด และของอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ ยังมีถ้วยขนาดเล็กที่มีเครื่องปรุงรสอยู่ในนั้น
ไม่ว่าจะเป็นถ้วยน้ำมัน น้ำกระเทียมดอง ซีอิ๊ว น้ำมันพริกเสฉวน และน้ำมันหอยนางรม…
หุ่นยนต์พากันเดินออกมาและวางหม้อใบเล็กไว้ตรงหน้าแขกผู้มีเกียรติทั้งหลาย
จากนั้น โต๊ะจะถูกเปลี่ยนให้มีขนาดเล็กลงโดยอัตโนมัติ ซึ่งสามารถให้ความร้อนได้พอดี เพียงเท่านี้ก็วางหม้อใบเล็กลงไปได้แล้ว
“หลังจากน้ำซุปเดือดแล้ว พวกคุณสามารถใส่อาหารจานโปรดหรือเนื้อที่ชื่นชอบลงไปได้ค่ะ!” สวี่หลิงอวิ๋นค่อย ๆ เดินเข้ามา แสดงใบหน้ายิ้มแย้ม และชี้นิ้วไปที่ชิงเย่ โดยขอให้ชิงเย่สาธิตวิธีการให้ทุกคนดู ส่วนเธอก็เริ่มต้นอธิบาย
“นี่คือน้ำซุปต้มยำ ทุกคนอย่าลืมนะคะ! ถ้าพวกคุณชอบทานรสเผ็ด พวกคุณควรจะใส่ผักลงไปในน้ำซุปต้มยำนี้!”
“ส่วนน้ำซุปสีขาวนี้รสชาติจะไม่เผ็ด ถ้าพวกคุณคนไหนไม่ทานเผ็ด ก็แค่ใส่ผักลงไปในฝั่งนี้ค่ะ!”
สวี่หลิงอวิ๋นพูดอธิบาย ขณะที่ชิงเย่เอาผักลงไปลวกในน้ำซุปต้มยำประมาณหนึ่งนาที จากนั้นจึงคีบมันออกมา และจุ่มลงไปในน้ำจิ้มที่เธอเตรียมไว้ให้
“ถ้าไม่รู้วิธีผสมน้ำจิ้ม สามารถกินกับน้ำจิ้มที่เตรียมไว้ให้ได้เลยค่ะ”
ทันทีที่สวี่หลิงอวิ๋นพูดจบ ชิงเย่ก็แทบจะอดทนรอไม่ไหว และเอาอาหารใส่ปากของเขา!
‘ซู้ด’ เสียงซดอาหารเข้าปากทำให้เอลฟ์ตัวอื่นถึงกับกลั้นหายใจ! น้ำลายหยดย้อยลงมาในทันที!
พอลลี่เองก็ไม่สามารถรอได้ เขาเอาผักและเนื้อสไลด์ลงไปในหม้อ กินรสเผ็ดบ้างไม่เผ็ดบ้างสลับกันไป!
หลังจากลวกได้ไม่ถึงหนึ่งนาที เขาก็คีบผักขึ้นมาและเอามันใส่เข้าไปในปาก!
“อ้าม! อร่อยมาก!” ดวงตาของพอลลี่เป็นประกาย!
เอลฟ์ตัวอื่นไม่สามารถอดทนต่อการยั่วยวนของชิงเย่กับพอลลี่ได้ พวกเขาคีบผักขึ้นมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง จัดการนำใส่ปากและเริ่มกิน!
อา! เผ็ดมาก!
เอลฟ์เคยกินรสชาติเผ็ดร้อนแบบนี้มาก่อนที่ไหนกัน? แต่ดูเหมือนรสชาตินี้ทำให้พวกเขาเสพติด ริมฝีปากเป็นสีแดงก่ำ ความเผ็ดร้อนทำให้หยาดเหงื่อผุดออกมาจากหน้าผาก ท่าทีสง่างามของเอลฟ์นั้นไม่มีอีกต่อไป!
ทว่าพวกเขากลับหยุดกินไม่ได้! หยุดกินไม่ได้เลย!
เนื้อสไลด์แผ่นบางถูกต้มลงไปในน้ำซุป ลวกเล็กน้อย และเอาใส่เข้าไปในปาก อา! อร่อยมาก! หอมจัง! ยอดเยี่ยมมากเลย!
แต่แล้วใครคนหนึ่งก็หยุดการกินสุดบ้าคลั่งของพวกเขา!
เอลฟ์ทั้งหลายรู้สึกว่าท้องของพวกเขาอัดแน่นไปด้วยอาหาร ทว่าดวงตาของพวกเขายังคงเฝ้าระวังว่าใครจะได้ผักใบเขียวเพิ่มเป็นพิเศษ!
เฮ้! พี่ชายคนนั้น! คุณได้เนื้อตั้งสองชิ้นเรอะ!
คุณผู้หญิงที่อยู่ตรงนั้น คุณเอาผักกะหล่ำปลีเพิ่มอีกสองใบได้ไง!
เฮ้ย! เจ้าพี่เบิ้มนั่น!
คุณกินอาหารหมดไปครึ่งจานแล้ว ยังจะมีหน้ามากินสลัดผักจานใหญ่เพิ่มอีก แล้วยังจะมาแย่งเนื้อไปจากพวกเราอีกเหรอ?!
พอลลี่ไม่สามารถเงยหน้าขึ้นหลังจากรับประทานอาหารได้ เขาจะวางตะเกียบลงจากอาหารที่แสนอร่อยแบบนี้ได้ยังไง? ตลกไปแล้วน่า!
จะบอกว่าเขากินเยอะไปเหรอ? ฮึ่ม! เขามีเงินแล้วกัน!
เขาหยิบเหรียญทองอินทนิลสามเหรียญออกมาจากกระเป๋า วางลงบนโต๊ะ และตะโกนเสียงดัง “คุณแม่ครัวครับ นี่ค่าอาหารครับ! โปรดรับไว้ด้วย!”
ใครน่ะใจดีจัง? สวี่หลิงอวิ๋นจับจ้องไปยังผู้ใจกว้างที่แสนจะคุ้นเคย อา! คุณเจ้าของที่ให้เช่านี่เอง!
“คุณพอลลี่นี่เอง!” สวี่หลิงอวิ๋นเดินเข้าไปหาพอลลี่ ผู้ชายคนนี้เหมาะที่จะเป็นลูกพี่จริง ๆ ต่อจากนี้ไปไม่ว่าจะเป็นข้อมูลอะไรหรือวิธีการหาเงิน ล้วนขึ้นอยู่กับเจ้าพ่อเหรียญทองคนนี้!
แต่จะจ่ายเงินเพื่ออะไร?!
“อ๊ะ ฉันจะเก็บเงินจากคุณได้ยังไงคะ? ก็ฉันตกลงจะดูแลอาหารทั้งสามมื้อของคุณแล้วนี่น่า!” สวี่หลิงอวิ๋นมองดูเหรียญทองอินทนิลทั้งสามเหรียญด้วยความเจ็บปวด เพราะอายเกินกว่าจะรับมันมา!
หลักมนุษยธรรมของชาวจีนบีบบังคับไม่ให้เธอโลภจนเกินไป!
“ไม่เป็นไรครับ! คุณรับมันไว้เถอะ!” พอลลี่พูดออกมาอย่างใจกว้าง พลางตบหน้าอก “เรามีเงินพอครับ ไม่ขาดเงินหรอก!”
ฮือ ๆๆ! คุณลูกพี่! โปรดน้อมรับหัวเข่าของสาวน้อยคนนี้ไว้ด้วยค่ะ!
สวี่หลิงอวิ๋นไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากเก็บเงินใส่กระเป๋าของเธอ และพูดยกย่อง “คุณพอลลี่เป็นคนใจกว้างเสมอเลยนะคะ! ฉันรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เช่าที่ของคุณ!”
เอลฟ์คนอื่นรู้สึกไม่พอใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น!
หมายความว่าอย่างไร? พวกเขายากจนข้นแค้นเหรอ?! พวกเขาไม่มีเงินใช่ไหม?!
ฮึ่ม! พวกเขาเป็นเอลฟ์ที่มั่งคั่ง! เมื่อพูดเช่นนั้น แต่ละคนก็หยิบกระเป๋าเงินออกมา ควักเหรียญทองอินทนิลให้เธอ “คุณผู้หญิงครับ นี่ค่าอาหารของพวกเรา!”
แม้ว่าเลือดจะไหลรินออกมาจากใจ เพราะเตรียมเหรียญจักรกรินห้าสิบเหรียญไว้แล้วแท้ ๆ แต่ตอนนี้กลับต้องควักเหรียญทองอินทนิลสองเหรียญครึ่งอย่างกะทันหัน!
ขาดทุนย่อยยับ!
จะต้องกินให้เยอะ! จะต้องเอากลับไปกิน!
อุ๊บ! เยอะมาก!
สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกตาพร่ามัว!
นี่มันตั้งเท่าไหร่กัน!
ชิงเย่กัดมุมเสื้อของเขาด้วยความอิจฉา ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอทำเงินได้เยอะขนาดนี้ได้ยังไง?!
ทำไมเขาไม่เป็นพ่อครัวบ้าง? มันสายเกินไปที่จะเรียนทำอาหารแล้วหรือ?
สวี่หลิงอวิ๋นยิ้มแย้มและรับเหรียญทองอินทนิลจากพวกเขา ถึงจะบอกให้ค่อย ๆ รับของฟรีมา แต่เธอจะทำได้อย่างไร?!
สำหรับบ้านพอลลี่ เธอจัดเตรียมอาหารสุดพิเศษไว้มากมาย เพื่อที่พอลลี่จะได้เอาอาหารกลับไปด้วย
ต้องบอกว่าวัตถุดิบที่เหล่าเอลฟ์นำมาให้มีจำนวนเยอะมาก! ถึงอาหารจานนี้จะถูกกินไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังเหลือเยอะอยู่ดี
สวี่หลิงอวิ๋นวางซุปเนื้อที่ทำมาจากเนื้อสัตว์ลงบนโต๊ะอาหารของพวกเอลฟ์
“ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสำคัญกันนะคะ ส่วนซุปเนื้อพวกนี้ถือว่าเป็นของขวัญขอบคุณจากฉันแล้วกันค่ะ ขอบคุณวัตถุดิบทั้งหลายที่ทุกท่านเตรียมมาให้ ขอบคุณจริง ๆ!” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวด้วยความยินดี
สวี่หลิงอวิ๋นเป็นคนจิตใจดีและเรียบง่าย เหล่าเอลฟ์จึงพอใจเป็นอย่างมาก!
เดิมทีพวกเขาตั้งใจจะจ่ายเหรียญทองอินทนิลสามเหรียญสำหรับมื้อนี้ แต่ทุกคนกลับได้รับอาหารเพิ่มมาอีกหนึ่ง!
อย่างน้อยนั่นก็ช่วยให้พวกเขาประหยัดเหรียญทองอินทนิลอีกสองเหรียญ! เพราะมันไม่ใช่จำนวนเล็กน้อยเลย!
อา…ทีหลังจะหาเงินให้มากเพื่อมากินให้เยอะ ๆ!
“คุณใจดีจังเลยครับ!” ผู้นำเอลฟ์ลุกขึ้นยืน ทำความเคารพและพูดว่า “พวกเราโชคดีมากที่ได้กินอาหารที่คุณทำ! นับว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีมากที่ได้กินอาหารอร่อย ๆ แบบนี้ในชีวิตของเรา!”
สุภาพบุรุษผู้นี้เป็นคนซื้อข้าวต้มปลาและกุ้งของสวี่หลิงอวิ๋นด้วยเงินเหรียญทองอินทนิลเมื่อวานนี้
ชายผู้นี้เป็นคนรวยในย่านท้องถิ่นอย่างแท้จริง!
เห็นได้ถึงจิตวิญญาณอันกล้าหาญ รูปลักษณ์ที่ดูเหมือนจะถูกเคลือบด้วยชั้นสีทอง เปล่งประกายด้วยลำแสงแห่งความศักดิ์สิทธิ์!
เนื้อที่เขานำมาในครั้งนี้ล้วนเป็นเนื้อที่มีราคาแพงมากที่สุด!
“ไม่รู้ว่าหลังจากที่คุณเปิดร้านอาหารแล้ว พวกเราจะยังไปกินได้อยู่ไหม?”
เอลฟ์ผู้นี้คิดว่าตัวเขายังพอมีเงินอยู่บ้าง ทว่าผู้คนที่ร่ำรวยกลับมีมากเช่นกัน!