ตอนที่ 421 เข้าคิว
ตอนที่ 421 เข้าคิว
ชาวเคทเลอร์สามารถพูดได้ว่าแซกเกอร์มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากในเขตดาวนี้ เขามีนิตยสารที่พูดได้เต็มปากว่าขายดีที่สุดในแวดวงเขตดาว ซึ่งเป็นการอุทิศแนะนำอาหารจากทั่วทุกมุมโลก
ร้านอาหารไหนก็ตามที่เขาจัดอันดับให้อยู่เหนือหนึ่งดาวจะกลายเป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงในวงการเขตดาวอย่างไม่ต้องสงสัย!
ไม่คาดคิดว่าวันนี้แซกเกอร์จะเดินทางมาที่เมืองหลวง มันจึงเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก!
แน่นอนว่าชิงเย่ก็อ่านหนังสือของชายผู้นี้เช่นกัน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เขามักจะอ่านหนังสือเล่มนี้ตอนที่รู้สึกเบื่อหน่ายเท่านั้น และดูเหมือนว่าเขาจะสามารถลิ้มรสอาหารหนึ่งถึงสองมื้อผ่านหนังสือเล่มนี้ได้
ชายผู้นี้เป็นคนรักอาหารอย่างแท้จริง แตกต่างจากคนรักอาหารคนอื่น ๆ เพราะระหว่างที่เขากินอาหาร เขาเคยถูกร้านอาหารแห่งหนึ่งคดโกงโดยจ่ายเงินสินบนให้แก่เขา และนั่นทำให้แขกทั้งหลายไม่ไว้ใจร้านอาหารนั้นอีกต่อไป
แต่แซกเกอร์แตกต่างออกไป!
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาถูกจัดอันดับให้เป็นผู้มากพรสวรรค์ แม้แต่ร้านอาหารมากมายในชนบท หรือการเชื้อเชิญที่ไม่เต็มใจของเหล่าแม่บ้านยังทำให้แซกเกอร์คนนี้ค้นพบจุดประกายที่แตกต่างออกไป
ชิงเย่ยื่นการ์ดส่งให้เขาด้วยความเคารพอย่างสูง และมองดูเขาเดินจากไป
การที่ชายผู้นี้มากินอาหารที่นี่ ไม่รู้ว่าเขาจะมอบคะแนนให้กี่ดาว?!
สักห้าดาวได้ไหม?!
คะแนนสูงสุดในนิตยสารของแซกเกอร์อยู่ที่ห้าดาว!
ชิงเย่มีความมั่นใจเช่นนั้น!
ลูกพี่ชาวเคอเว่ยเข้าไปนั่งที่โต๊ะ ขณะที่หุ่นยนต์นำอาหารมาบริการเขาทีละจาน
หลังจากหาเงินได้เยอะแล้วคุณจะเอามันไปทำอะไร? แน่นอนว่าก็ต้องทำอะไรที่บันเทิงใจ!
ลูกพี่คนนี้กินอาหารมาทั่วทั้งเขตดาวแล้ว และสามารถพูดได้ว่าเป็นอาหารที่มีชื่อเสียงทั้งสิ้น ลิ้นของเขากลับกลอกมากจนรู้สึกว่าอาหารอร่อยน้อยกว่าปกติ นั่นทำให้เขาเบื่ออาหารในที่สุด!
หากอาหารทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่ายเช่นนี้ จะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไร?!
ทว่าเขากลับไม่คาดคิดว่าจะได้ลิ้มลองอาหารที่ทำให้ลิ้นของเขากลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง!
เขาตักปลาไนต้มผักดองเสฉวนขึ้นมาด้วยท่าทีเคร่งขรึม รสชาติของมันค่อนข้างเปรี้ยว!
เดิมทีเขาคิดว่าจะเกลียดรสชาตินี้ แต่มันกลับตรงกันข้าม!
เขารู้สึกว่ารสชาติดังกล่าวกำลังเปิดท้องของเขา เปิดลำคอของเขา และเปิดปากของเขา เพื่อให้เขาได้มอบชีวิตใหม่ให้ลิ้นอีกครั้ง!
อา! รสชาตินี้มันอะไรกัน?! เนื้อปลาสไลด์แผ่นบางไม่มีก้างประกบคู่กับกะหล่ำปลีดองวางลงบนข้าวสวยอย่างนั้นเหรอ?
อา ข้างหน้าเขามีถ้วยข้าวขาวหนึ่งถ้วย และหลังจากกินผักดองกับข้าวแล้ว เขาก็รู้สึกถึงความสุขที่ย้อนกลับมา!
กลับกลายเป็นความสุขนั้นเรียบง่ายมาก!
ต้องการเพียงผักดองและปลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!
ดวงตาของลูกพี่ชาวเคอเวยเริ่มเปียกปอน!
แล้วดูขาหมูนั่นสิ! หนังด้านนอกแน่นและเนื้อด้านในกลับเปื่อยยุ่ย เขาใช้ตะเกียบแยกเนื้อกับกระดูกและเอาเข้าไปในปากอย่างระมัดระวัง เนื้อที่นุ่มละมุนควบคู่ไปกับกลิ่นหอมของซีอิ๊วทำให้ต้องหลงรักส่วนผสมของเนื้อที่แสนจะธรรมดานี้!
ไหนลองหมูตุ๋นผัดซอสแดงอีกสักครั้งซิ! เขาชื่นชอบเนื้อนี้มาก! ปรากฏว่าเนื้อที่มีไขมันก็อร่อยได้เหมือนกันเหรอ?!
มื้ออาหารจบลง ในขณะที่ทุกคนพากันอิ่มท้องกันถ้วนหน้า!
ทันทีที่เหล่าจอมพลเดินออกมา พวกเขาล้วนเปียกปอนไปด้วยซอสและน้ำซุปทุกชนิด บางคนมีน้ำซอสติดอยู่ที่เส้นผม ทว่าพวกเขากลับไม่สนใจ พากันเดินออกมาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า!
ฝูงชนบางส่วนรู้สึกหดหู่ใจ และคิดว่าเหล่าคนอาวุโสพวกนี้แย่มาก!
กล้ามาขโมยอาหารอันแสนอร่อยของพวกเขาไป!
“พรุ่งนี้ฉันจะต้องเข้าไปกินให้ได้! ฮึ่ม! ให้ตายสิ ไอ้แก่โลภมาก!”
ส่วนจอมพลทั้งหลายจะคิดอะไรได้ ในเมื่อค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกล!
ในช่วงท้ายของวัน สวี่หลิงอวิ๋นมองดูเหรียญทองอินทนิลทั่วทั้งเตียงส่องแสงประกายทองเหลือบม่วง เธอตื่นเต้นมากจนไม่สามารถปิดปากได้!
“เงินเยอะจัง! เท่าไหร่แล้วเนี่ย?!” สวี่หลิงอวิ๋นคำนวณเงิน มีเหรียญทองอินทนิลเกือบหนึ่งร้อยเหรียญจากการขายหมั่นโถวเพียงอย่างเดียว จอมพลให้มาเพิ่มอีกห้าร้อยเหรียญทองอินทนิล และวันนี้ขายการ์ดไปได้อีกเจ็ดใบ…
รวมแล้ว เธอมีเหรียญทองอินทนิลทั้งหมดเกือบหนึ่งพันห้าร้อยเหรียญ!
สวี่หลิงอวิ๋นพอใจมาก! เธอมองไปที่ชิงเย่ผู้ซึ่งตะกละตะกลามมากเช่นกัน เธอพอใจกับผลงานของเขา และควักเหรียญทองอินทนิลสิบเหรียญขึ้นมา “นี่คือโบนัสของนาย ผลงานของนายดีมาก!”
สิบเหรียญ!
ชิงเย่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนี้จะตอบแทนเขาด้วยเหรียญทองอินทนิล! เขาจึงรีบพูดประจบว่า “เกรงใจจังครับ!”
ทว่ามือของเขานั้นซื่อตรง เขารีบหยิบเหรียญทองอินทนิลสิบเหรียญใส่ไปในกระเป๋าทันที เขาได้รับเหรียญทองอินทนิลถึงสิบเหรียญภายในเวลาแค่ไม่กี่วัน! ฮ่า ๆๆๆ! นี่คือสิ่งที่เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อน!
เหรียญทองอินทนิลหลายสิบเหรียญเพียงพอให้เขานำไปจ่ายเงินกู้ยานอวกาศได้ถึงครึ่งหนึ่งแล้ว!
ดีมาก…เยี่ยมมาก!
ต่อจากนี้ไปเขาจะต้องเกาะลูกพี่คนนี้ให้แน่น และในอนาคตเขาจะทำทุกอย่างที่ลูกพี่ขอให้ทำ!
ชิงเย่แอบตัดสินใจ
จอมพลเอเดนกลับมาที่บ้านอย่างสุขสม แต่ทันทีที่เขานั่งลง สายตาที่ขุ่นเคืองของลูกชายก็จ้องมองมา
“มองแบบนั้นหมายความว่าไง?” จอมพลเอเดนขมวดคิ้ว “ลูกผู้ชายจะมาทำตัวขี้งอนแบบนี้ได้ยังไง? ใจกว้างซะบ้าง! นั่งหลังตรงเลยนะ!”
ทว่าพอลลี่ยังคงไม่พอใจ
“พ่ออะ พ่อออกไปกินข้าวทำไมไม่เรียกผมไปด้วยล่ะ?! ผมยังอุตส่าห์เอาของอร่อยมาให้ ทำไมพ่อถึงเมินผมล่ะ?!”
เอาล่ะ! นั่นเป็นเพราะผู้เป็นพ่อทำไม่ถูกต้อง!
จอมพลเอเดนกระแอมเบา ๆ “ก็ได้ ไว้พรุ่งนี้จะพาไปกินด้วย!”
พอลลี่พึงพอใจและกลับไปที่ห้อง
ขณะที่จอมพลเอเดนกำลังจิบชา แม่บ้านก็เดินเข้ามา “คุณผู้ชายคะ ดิฉันได้รับข้อความจากจอมพลทั้งยี่สิบท่าน พวกเขาหวังว่าท่านจะจองโต๊ะที่ ‘ร้านอาหารแสนอร่อย’ ในวันพรุ่งนี้ให้ค่ะ”
“อยากให้จองโต๊ะงั้นเหรอ?” จอมพลเอเดนยิ้มกรุ้มกริ่ม เขารู้อยู่แล้วว่าชายชราพวกนี้จะต้องมาจองโต๊ะกับเขาทันทีที่ได้ลิ้มลองอาหารที่แสนอร่อยเช่นนั้น
“บอกพวกเขาไปว่าโต๊ะอาหารถูกจองหมดแล้ว!” ฮึ่ม! อย่าคิดว่าพูดทักทายแล้วจะได้โต๊ะไปง่าย ๆ!
ล้อเล่นกันหรือไง?!
มาบอกให้จองโต๊ะอาหารให้พวกนายในตอนนี้มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ? จะรั้งไว้สักสองสามที่ก็แล้วกัน!
เช้าตรู่วันต่อมา…
แขกจำนวนนับไม่ถ้วนได้มายืนต่อแถวกันที่ประตู ‘ร้านอาหารแสนอร่อย’ และยังคงเข้ามาออกันที่หน้าประตูเรื่อย ๆ
“พวกคุณมาต่อแถวอะไรกัน?”
มักจะมีคนที่ไม่รู้ความจริงมาเอ่ยถามทำนองนี้เสมอ มองดูชนชั้นสูงทั้งหลายที่ปกติแล้วจะหันหลังกลับไปทันทีที่เห็นว่าไม่มีที่นั่ง แต่วันนี้พวกเขากลับกำลังต่อแถวด้วยความซื่อตรง ราวกับสาวงามไร้ที่ติด้านในกำลังรอคอยให้พวกเขาไปเปิดผ้าคลุม
“โอ้ ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่นั่งมานานแล้ว อยากจะลองยืนออกกำลังกายดูบ้าง!”
ใครจะยอมบอกกันเล่า! ถ้าเกิดรู้ความจริงแล้วเข้ามาต่อคิวจะทำยังไง?! ถ้าเกิดอาหารถูกปล้นไปอีกล่ะ?!
ทุกคนที่กำลังเข้าคิวปิดปากเงียบ พวกเขาจะไม่เปิดเผยแม้แต่ครึ่งเดียว!
และใช่…นั่นคือสิ่งที่พวกเขาคิด แต่การที่ผู้คนมาต่อคิวก็เป็นสิ่งหนึ่งที่น่าดึงดูดเช่นกัน แม้จะไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่นี่ แต่ในเมื่อทุกคนมาเข้าคิวกันอยู่ตรงนี้ คุณก็อดไม่ได้ที่จะต้องก้าวเท้าเข้ามาต่อคิว!
ดังนั้นคิวจึงยาวขึ้นเรื่อย ๆ…
เมื่อสวี่หลิงอวิ๋น โอคาซี ชิงเย่ และเสี่ยวอ้ายมาถึง พวกเธอก็ค้นพบว่าคิวได้ยาวล้นออกมาอยู่ด้านนอกประตูแล้ว