สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ [她靠吃播征服星际 – ตอนที่ 440 พระแม่พฤกษาของเอลฟ์เรียกหา

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ [她靠吃播征服星际

ตอนที่ 440 พระแม่พฤกษาของเอลฟ์เรียกหา

ตอนที่ 440 พระแม่พฤกษาของเอลฟ์เรียกหา

อยู่มาวันหนึ่งสวี่หลิงอวิ๋นก็ค้นพบว่าต้นไม้แห่งชีวิตผิดแปลกไป ราวกับได้รับสัญญาณอะไรบางอย่าง คล้ายกับต้องการเรียกร้องให้เธอออกเดินทางไปยังดาวเคราะห์บ้านเกิดของเอลฟ์

เมื่อไม่นานมานี้เสี่ยวอ้ายฝึกฝนอย่างหนัก อาจเป็นเพราะแรงกระตุ้นจากบอนาร์ที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ มันจึงไม่หยุดพักแม้แต่น้อย

สวี่หลิงอวิ๋นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพาเสี่ยวอ้ายกับบอนาร์ไปยังดาวแม่ของเอลฟ์ เมื่อชิงเย่ได้ยินว่าพวกเธอกำลังจะไปที่บ้านเกิดของเขา เขาก็ขออาสาติดตามไปด้วย

เขาไม่ได้กลับไปที่บ้านเกิดมานานแล้ว และในที่สุดเขาก็ได้กลับบ้านสักที มันคงจะดีไม่น้อยหากเขานำธุรกิจโรงงานขนมมาสู่ดาวแม่ของเหล่าเอลฟ์

น้ำหนักตัวของชิงเย่เพิ่มขึ้นอีกแล้ว ในตอนแรกเขาหนักแค่ห้าสิบกิโลกรัม แต่ตอนนี้สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกว่าเขาหนักถึงเจ็ดสิบห้ากิโลกรัม!

ทำไมถึงอ้วนขึ้นขนาดนี้?! ชายหนุ่มรูปงามถูกทำลายล้างไปได้อย่างไร?!

สวี่หลิงอวิ๋นไม่สามารถทนมองได้ ทว่าชิงเย่กลับรู้สึกว่าตัวเองดูดีมาก!

ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยยี่ห้อสินค้าโบราณชื่อดัง อีกทั้งยังซื้อยานอวกาศรุ่นใหม่ล่าสุดให้กับตัวเอง ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าฟุ่มเฟือยขนาดไหน!

“มา! ขึ้นมาสิ!” ใบหน้าอ้วนกลมของชิงเย่พยายามจะถลึงตาทั้งสองออกมา ไม่ง่ายเลยที่จะมองเห็นดวงตาคู่นี้! ต้องขอบคุณโครงสร้างพื้นฐานที่ดีของเขา ไม่อย่างนั้น ตอนนี้เขาคงจะกลายเป็นตาลุงอ้วนท้วมไปแล้วใช่ไหม?!

สวี่หลิงอวิ๋นพาอสุรกายยักษ์ทั้งสองขึ้นไปบนยานอวกาศ ขณะอุ้มเด็กทารกไว้ในอ้อมแขน

เนื่องจากบอนาร์เล่นอยู่กับเสี่ยวอ้าย มันจึงฝากเด็กน้อยไว้กับสวี่หลิงอวิ๋น มันติดตามเสี่ยวอ้ายไปอย่างไม่ลดละ แต่กลับได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสวี่หลิงอวิ๋น

เธอจะวิจารณ์ก็วิจารณ์ไปสิ แล้วถ้าอยากจะปล่อยมือก็ปล่อยเลย สวี่หลิงอวิ๋นมองดูเด็กน้อยในอ้อมแขนหัวเราะชอบใจ แล้วแบบนี้เธอจะพูดอะไรได้ล่ะ? สุดท้ายก็ทำได้เพียงอุ้มเอาไว้เงียบ ๆ!

ถึงแม้ว่าปกติแล้วบอนาร์จะไม่ได้ดูน่าเชื่อถือมากนัก แต่เมื่อมันได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ มันก็เบนความสนใจมาที่เด็กน้อยทันที มันเกลี้ยกล่อมจนเด็กน้อยผล็อยหลับไป ต้องบอกว่าทักษะของมันเยี่ยมยอดมาก!

แต่สิ่งเดียวที่ทำให้มันรีบวิ่งหนีไปนั่นคือกลิ่นเหม็นของเด็กน้อย และสวี่หลิงอวิ๋นต้องทำหน้าที่เช็ดก้นเด็กทารกแทน

เมื่อถามถึงเหตุผล มันกลับให้การมาว่าจมูกของมันไวต่อกลิ่นเป็นพิเศษ และไม่สามารถสูดดมได้

สวี่หลิงอวิ๋นครุ่นคิด แกยังไม่เคยเจอกับต้าไป๋ ถ้าแกเจอต้าไป๋ แกจะไม่เป็นลมเพราะกลิ่นเอาเหรอ?!

จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้เจอต้าไป๋นานมาก ตอนนี้ต้าไป๋ถูกจอมพลก็อดวินเอาไป และได้ยินมาว่าเขาใช้อึของต้าไป๋ไปประดิษฐ์เป็นเครื่องโจมตีไข่เน่า นับได้ว่าเป็นผลงานที่โดดเด่นมากทีเดียว

ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับถั่วชมพูบ้าง ตั้งใจฝึกฝนบ้างหรือเปล่า แต่ยังไงการทุบตีของต้นกล้าจิ๋วก็น่าจะรับประกันการฝึกซ้อมได้ดีใช่ไหม?!

ดาวเคราะห์บ้านเกิดของเหล่าเอลฟ์เป็นเหมือนกับมหาสมุทรสีเขียว สวี่หลิงอวิ๋นสามารถมองเห็นลำต้นไม้ขนาดใหญ่ได้จากระยะไกล ทันทีที่ยานอวกาศเคลื่อนตัวลง เธอก็ได้ยินเสียงนุ่มนวลแทรกเข้ามาในหัว

“สวัสดี ผู้เพาะปลูกต้นไม้แห่งชีวิต ยินดีที่ได้พบเจ้า”

สวี่หลิงอวิ๋นตกใจ นี่มัน? ดูเหมือนว่าชิงเย่จะได้ยินเสียงเรียกร้องจากพระแม่พฤกษาเช่นนั้น เขาทำท่าทีแสดงความเคารพหลังจากฟังเสียงอยู่ครู่หนึ่ง

“ใช่แล้ว พระแม่พฤกษา!”

“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เจ้าเป็นมนุษย์คนที่สามที่ได้ครอบครองต้นไม้แห่งชีวิต” ต้นไม้แห่งชีวิตพูดต่อ “ต้องบอกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่วิเศษมาก ถึงแม้สมรรถภาพทางกายภาพจะไม่ได้แข็งแรงมากนัก แต่โชคชะตากลับปลาบปลื้มในตัวพวกเจ้าเสมอ”

“ปลาบปลื้ม?” สวี่หลิงอวิ๋นส่ายหัว “ถ้าเป็นที่ปลาบปลื้มจริง สิ่งต่าง ๆ คงไม่เป็นแบบนี้! ท่านก็เห็นว่ามนุษย์ทุกคนต้องกลายไปเป็นสัตว์เลี้ยง!”

“มีคำกล่าวไว้ว่า ‘ผู้ใดใคร่ใส่มงกุฎ ย่อมต้องแบกรับน้ำหนักของมงกุฎให้ได้’” ต้นไม้แห่งชีวิตพูดต่อ “เผ่าพันธุ์มนุษย์คือเจ้าแห่งความโชคดี ข้ารู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์นี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา และอยากรู้เสมอว่าอนาคตของมนุษยชาติจะเป็นเช่นไร ตอนนี้ข้าได้พบกับเจ้าแล้ว และข้าก็เริ่มเชื่ออีกครั้ง”

“จักรวาลจะมีพื้นที่ให้เผ่าพันธุ์มนุษย์เสมอในอนาคต”

คนหนึ่งคนกับต้นไม้หนึ่งต้นกำลังพูดคุยกัน และในไม่ช้ายานอวกาศก็แล่นมาถึงดาวเคราะห์บ้านเกิด

ชิงเย่พาสวี่หลิงอวิ๋นแล่นลงมายังพื้นที่กว้าง สถานที่แห่งนี้คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่พระแม่พฤกษาตั้งอยู่

สวี่หลิงอวิ๋นลงมาจากยานอวกาศ และเห็นต้นไม้แห่งชีวิตปกคลุมทั่วท้องฟ้าและแสงอาทิตย์

ส่วนบริเวณใกล้เคียงกับต้นไม้แห่งชีวิต เธอก็เห็นชายหนุ่มและหญิงสาวรูปงามจำนวนนับไม่ถ้วน พวกเขาทั้งหมดจับจ้องมาที่สวี่หลิงอวิ๋นด้วยแววตาสงสัย พวกเขาไม่ได้แสดงความเป็นศัตรู แต่ก็ไม่ได้ทำความเคารพ

เห็นได้ชัดว่าต้นไม้แห่งชีวิตถ่ายทอดเจตจำนงในอดีตให้กับพวกเขา

หลังจากนั้นไม่นาน หญิงสาวที่ดูอ่อนวัยก็ปรากฏตัวขึ้น ดวงตาของหญิงสาวเผยให้เห็นความฉลาดหลักแหลม

“สวัสดีแขกผู้มีเกียรติ พระแม่พฤกษารอท่านมานานแล้ว”

สวี่หลิงอวิ๋นเดินตามไปด้วยความสงสัย ขณะที่ชิงเย่กำลังจะก้าวออกไป เขาอยากจะติดตามไปด้วย แต่แล้วก็ต้องหยุดลงอยู่ที่เดิม ทว่าเอลฟ์สาวกลับหันมามองเขาและพูดว่า “ถ้าเจ้าอยากจะตามมา ก็ตามมาเร็วเข้า รีรออะไรอยู่?”

ชิงเย่หน้าแดงและกระแอมเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ฮะ ท่านอาวุโสลี่หย่า”

เมื่อสวี่หลิงอวิ๋นได้ยินเช่นนั้น เธอจึงรับรู้ได้ว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าคือผู้อาวุโสของเอลฟ์

“หายากมากเลยนะ ท่านคือชาวต่างดาวเพียงไม่กี่คนที่ถูกพระแม่พฤกษานับพันปีเรียกมา” ทันทีที่ผู้อาวุโสลี่หย่าหันหน้ามาหาสวี่หลิงอวิ๋น สีหน้าที่เข้มงวดของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นหญิงสาวผู้อ่อนโยนและมีสติปัญญาล้ำเลิศ

ผู้อาวุโสลี่หย่าพาสวี่หลิงอวิ๋นลอดผ่านพุ่มไม้เขียวชอุ่มที่ทำมาจากกิ่งก้านมาลัย และลอดผ่านเข้าไปในถ้ำ

ถ้ำดังกล่าวมีสีขาวขุ่นเหมือนน้ำนม เมื่อสวี่หลิงอวิ๋นมองเข้าไปใกล้ก็ถึงกับต้องประหลาดใจ นี่มันคือแร่ชนิดหนึ่งที่เปล่งแสงออกมาไม่ใช่เหรอ?

เมื่อเธอลอดผ่านถ้ำเข้าไป เธอก็พบกับภาพจิตรกรรมตามฝาผนัง

จุดเริ่มต้นของภาพบนฝาผนังพวกนี้คือสิ่งมีชีวิตที่คล้ายคลึงกับมนุษย์ แต่กลับไม่ใช่มนุษย์ที่ถือต้นไม้แห่งชีวิตเอาไว้ในมือ บุคคลดังกล่าวปลูกต้นกล้าลงบนดาวเคราะห์ที่แสนแห้งแล้ง ในขณะที่มีอสุรกายร้ายอยู่เคียงข้าง

จากนั้นเผ่าพันธุ์ผู้มีสติปัญญาก็จางหายไป เหลือเพียงอสุรกายร้ายกับต้นกล้าจิ๋ว นับวันต้นกล้าก็ยิ่งเติบใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนออกผลมาจำนวนมาก กระทั่งผ่านไปหนึ่งปี ผลของต้นไม้ใหญ่ก็แตกออก เผยให้เห็นเด็กทารกชายหญิงอยู่ข้างใน

อสุรกายร้ายกับต้นไม้ใหญ่ช่วยกันดูแลเด็กน้อยทั้งหลาย เมื่อวันเวลาผ่านไป เด็กน้อยเหล่านั้นได้เติบโตขึ้นมาเป็นคนหนุ่มสาว

หนุ่มสาวพลอดรักกันจนให้กำเนิดลูกหลาน ขณะที่อสุรกายร้ายทำหน้าที่ปกป้องเอลฟ์ที่ยังไม่มีปีก

หลายปีผ่านไป เอลฟ์ทั้งหลายมีความสามารถในการป้องกันตนเอง พวกเขาท่องเที่ยวข้ามดวงดาวเพื่อต่อสู้กับอสุรกายร้ายตัวอื่น ประชากรมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถครอบงำดาวเคราะห์ให้กลายเป็นหนึ่งในสี่จักรวรรดิผู้ยิ่งใหญ่ได้

ผู้อาวุโสลี่หย่ามองดูสวี่หลิงอวิ๋นที่กำลังมองดูภาพบนฝาผนังด้วยความสนใจ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา “นี่คือภาพวิวัฒนาการของเผ่าพันธุ์เรา ถ้าท่านไม่เข้าใจอะไรก็ถามเราได้ทุกเมื่อ”

“อืม!” สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้าโดยที่ดวงตาของเธอยังคงจับจ้องอยู่ที่ภาพวาดเหล่านั้น

“แล้วอสุรกายร้ายนั่นอยู่ที่ไหนเหรอคะ?” สวี่หลิงอวิ๋นถาม “ทำไมฉันไม่เห็นมันเลย?”

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ [她靠吃播征服星际

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ [她靠吃播征服星际

Status: Ongoing
เมื่อมาเกิดใหม่ในที่ที่เต็มไปด้วยของอร่อย เรื่องอะไรจะต้องอยู่เฉยกันล่ะ อย่างนี้มันต้องจับหั่น ยัดลงหม้อไฟร้อนๆ แล้วก็ถ่ายทอดสดออกอากาศสิถึงจะถูก!สวี่หลิงอวิ๋น หญิงสาวที่อยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้มาหลายปีแล้ว แถมยังมีนิสัยชอบกินอีกตังหากก็ต้องมีชีวิตที่ถึงคราวจากไปก่อนวัยอันควร เพราะดันไปกินเนื้อแกะที่ติดเชื้อซอมบี้เข้าให้!จากนั้นเธอก็พบว่าตัวเองได้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในร่างของเจ้าหญิงองค์ที่สาม แห่งจักรวรรดิชิงเหย้า ในโลกยุคอวกาศ ซึ่งดูท่าทางไม่เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนสักเท่าไหร่ แต่ใครสนกันล่ะ! ตอนนี้เธอสนแต่เรื่อง กิน กิน และกินเท่านั้น แถมเอเลี่ยนดาวดวงนี้ยังมีแต่ของอร่อยเต็มไปหมด! เธอจะอยู่เฉยได้อย่างไร ต้องจับพวกมันมาหั่น มาต้ม มาย่าง แล้วก็อะไรอีกดีนะ? อ้อ…สตีมเมอร์ออกอากาศด้วยเลย!ทั้งหมดนี้จะถือเป็นสงครามอวกาศที่จะชวนให้คุณน้ำลายสอไปด้วยอาหารแบบต่าง ๆ ที่สวี่หลิงหยุนไปพิชิตและสรรค์สร้างมาได้ สวี่หลิงอวิ๋นหรือองค์หญิงสามนี้จะสามารถล่าเอเลี่ยนและคิดเมนูอะไรออกสตรีมเมอร์บ้าง ไปตามลุ้นเอาใจช่วยกันได้ที่ สตีมเมอร์สาวกินพิชิตอวกาศ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท