ตอนที่ 445 สายลับ
ตอนที่ 445 สายลับ
“ยังไม่ไปอีกเหรอเฉียนเฉียน?” เพื่อนร่วมงานมองดูเฉียนเฉียนที่มัวแต่โอ้เอ้อยู่ในหน่วยงาน และพูดติดตลกว่า “หรือว่ากำลังรอแฟนอยู่กันนะ?”
“ไม่ใช่สักหน่อย! พี่หลิวพูดบ้าอะไร!” เฉียนเฉียนหน้าแดงและตอบโต้อย่างเขินอาย เธอกะพริบตากลมโตและพูดว่า “แล้วพี่หลิวไม่ไปรับลูกเหรอคะ? ถ้าพี่มีธุระก็ไปก่อนได้นะ!”
“น่าอายจังเลยเนอะ!” พี่หลิวพูดตอบด้วยความรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย “ฉันคอยรบกวนให้เธอทำงานล่วงเวลาตลอดเลย เอาไว้ฉันจะชวนเธอมากินข้าวด้วยกันนะ!”
“พี่หลิว พี่ก็ขี้เกรงใจเกินไป รีบไปรับลูกเถอะค่ะ โรงเรียนอนุบาลใกล้จะเลิกแล้ว” เฉียนเฉียนพูด “ก่อนหน้านี้พี่ก็ดูแลฉันมามากแล้ว อีกอย่างชีวิตคนเรามันก็ไม่มีอะไรมากนักหรอกค่ะพี่ ลูกสิสำคัญที่สุด”
พี่หลิวพูดขอบคุณเธอมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว เธอเห็นว่าเหลือเวลาไม่มากแล้ว หากบทสนทนายังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้ คุณครูโรงเรียนอนุบาลจะต้องโทรศัพท์หาเธออีกครั้งแน่
“ไว้ฉันจะชวนเธอไปกินข้าวด้วยแล้วกัน ครั้งนี้ขอบใจมากนะ”
เมื่อพูดจบ พี่หลิวก็รีบเดินออกไป เหลือเพียงเฉียนเฉียนที่ทำงานล่วงเวลาอยู่ในสำนักงาน
บรรยากาศเริ่มมืดมิดลงเรื่อย ๆ ขณะที่แสงไฟในอาคารสำนักงานเหลือเพียงไม่กี่ดวง เฉียนเฉียนหยิบเครื่องตรวจจับออกมาจากกระเป๋า เสียบเข้ากับตัวเครื่องหลัก และนั่งอ่านข้อมูลภายใน
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ถูกอวี้ซินเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด กรงเล็บของเขาจิกฝังเข้าไปในเนื้อ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าหญิงสาวผู้เงียบขรึมจะทำแบบนี้ได้ลงคอ
เขาเคยเจอเฉียนเฉียนมาก่อน เหตุใดเด็กสาวตัวน้อยที่เคยหน้าแดงก่ำเมื่อถูกเขาจ้องมองถึงกล้าทำเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ได้?
เขาไม่อยากจะเชื่อเลย
คงไม่ใช่แค่เขาที่คิดไม่ถึง แต่คนอื่นก็คงคิดไม่ถึงเช่นกัน เกิดอะไรขึ้นกับเฉียนเฉียน?
หุ่นยนต์นาโนตามติดเฉียนเฉียนไปตลอดทาง เฝ้าดูเธออ่านข้อมูล เก็บข้อมูลใส่กระเป๋า และเดินออกไปจากตึกสำนักงาน เธอเดินไปขึ้นรถประจำทาง เข้าไปในร้านกาแฟและนั่งลง
พนักงานในร้านกาแฟเดินเข้ามาหาเฉียนเฉียนที่สั่งกาแฟ ขณะเดียวกันหุ่นยนต์นาโนก็กำลังจับจ้องไปที่การกระทำของเธอ เธอแอบส่งเครื่องตรวจจับให้พนักงานบริการ ก่อนจะนั่งสงบสติอารมณ์ชั่วครู่และเดินออกไป
หุ่นยนต์นาโนติดตามพนักงานไป และเฝ้าดูพนักงานบริการยื่นเครื่องตรวจจับให้ชายเร่ร่อน
ชายเร่ร่อนเดินต่อไปยังถิ่นทุรกันดาร และมอบมันให้ชายชราที่คล้ายคลึงกับชาวนา ส่วนชาวนามีหน้าที่รับผิดชอบในการส่งต่อข้อมูล
กระบวนการทั้งหมดเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่เห็นถึงความผิดปกติอะไร ใครจะคิดว่าคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องพวกนี้จะเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง?
อวี้ซินรีบออกคำสั่งแก่ผู้คนในจักรวรรดิดวงดาวทันที เขาสั่งการให้เข้าจับกุมเฉียนเฉียน พนักงานบริการ ชายเร่รอน และชาวนา ผู้คนทั้งหมดจะต้องถูกถอนรากถอนโคน
ทุกอย่างดูเหมือนจะสงบลง ราวกับว่าทุกสิ่งอย่างได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์
แต่ในขณะเดียวกัน ชนชั้นสูงของจักรวรรดิเคทเลอร์กำลังตกอยู่ในช่วงอลหม่าน จักรพรรดิเฒ่าถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ในวัง
โมยาต องค์ชายรองก็ถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ในวังเช่นกัน ชนชั้นสูงทั้งหลายเริ่มตื่นตระหนกและปกป้องภัยอันตรายด้วยตัวเอง ผู้คนที่วางตัวเป็นกลางก็เริ่มสั่นคลอน สงสัยว่าหากจะเอาใจองค์ชายใหญ่กับองค์ชายสามตอนนี้ยังทันหรือไม่?
จอมพลเอเดนมองดูสถานการณ์วุ่นวายและรีบใช้อำนาจเข้าห้ามปราม ทว่าองค์ชายใหญ่กับองค์ชายสามกลับเตรียมการมาอย่างดี และตอนนี้มันไม่ง่ายเลยที่จะระดมพลทั้งภายในและภายนอก
ตอนนี้ควรทำอย่างไรดี?
จอมพลเอเดนร้องขอความช่วยเหลือจากอวี้ซิน เขาเชื่อว่าสติปัญญาของมนุษย์จะสามารถแก้ไขความวุ่นวายนี้ได้
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอวี้ซิน เขารอคอยเวลานี้มานานแล้ว!
หากไม่ใช่ในตอนนี้ เขาคงจะถือว่าเอเดนเป็นคู่หูของเขาจริง ๆ เขาควรจะเตือนเอเดนเรื่องสัญญาณทั้งหลายขององค์ชายใหญ่กับองค์ชายสาม ทว่าเขากลับไม่ได้พูดเตือน
หากจอมพลเอเดนไม่ได้ถูกผลักให้ตกไปอยู่ในสภาพที่สิ้นหวัง จอมพลเอเดนจะยอมให้กองทัพมนุษย์เข้าไปในเคทเลอร์งั้นเหรอ?
“มีทางเดียวที่จะแก้ไขสถานการณ์ตอนนี้ได้ คือต้องปล่อยให้กองกำลังภายนอกเข้ามา!” อวี้ซินพูด “ถ้าเป็นไปได้ ผมก็ยินดีจะติดต่อกองกำลังต่างด้าวให้ ท่านพอจะปล่อยให้กองกำลังต่างด้าวเข้ามาข้างในนี้ได้ไหมล่ะครับ?”
“แต่ท่านก็รู้ว่าต่อให้กองกำลังชาติอื่นเผยโฉมออกมาในรูปแบบไหน ยังไงมันก็ดูสะดุดตาเป็นพิเศษอยู่ดี ถ้ามาจากต่างดาว ผมพอจะให้พวกเขาปลอมตัวเป็นนักธุรกิจธรรมดาเดินทางเข้ามาได้ ท่านคิดว่ายังไงล่ะครับ?”
หลังจากที่เอเดนจ้องมองมาที่อวี้ซินสักครู่หนึ่ง เขาก็ถามขึ้นว่า “ต่างด้าวที่แกพูดถึงคือเผ่ามนุษย์ใช่ไหม?”
มือของอวี้ซินสั่นเทา เขามองดูจอมพลเอเดนและส่งยิ้มให้ “ถูกต้อง ใช่แล้วครับ…”
เอเดนถอนหายใจและพูดว่า “ฉันสังหรณ์ใจบางอย่างมานานแล้ว ดูเหมือนว่ามนุษย์อย่างพวกแกกำลังกลั้นใจเพื่อทำอะไรบางอย่าง ตอนนี้ฉันอยากจะถามแกจริง ๆ ว่าพวกแกอยากจะทำอะไรกันแน่?”
จอมพลเอเดนไม่เชื่อว่าพวกมนุษย์จะสามารถทำอะไรได้มาก อย่างไรเสียความแข็งแกร่งทางกายภาพของพวกเขาก็ยังเทียบเท่ากับจักรวรรดิเคทเลอร์ไม่ได้
ดังนั้นเขาจึงเชื่อพวกมนุษย์แค่อยากจะสร้างความเสียหายบางอย่าง แต่ว่าความเสียหายนั่นคืออะไร?
เป็นไปได้ไหมที่จะระเบิดจักรวรรดิเคทเลอร์ทิ้ง?
เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน จอมพลเอเดนรู้ดีว่านี่เป็นเพียงจิตนาการของเผ่าพันธุ์มนุษย์เท่านั้น มีผู้คนมากมายที่อยากจะระเบิดจักรวรรดิเคทเลอร์ทิ้ง แต่แล้วพวกเขาทำสำเร็จหรือไม่?
ไม่! จักรวรรดิเคทเลอร์มีระบบตรวจจับที่เข้มงวด ระบบนี้ไม่ได้ตรวจสอบแค่เสรีภาพของผู้คนและองค์กรที่ผิดกฎหมาย แต่ยังตรวจสอบถึงอาวุธอันตรายร้ายแรง
เมื่อไหร่ก็ตามที่เผ่าพันธุ์มนุษย์กล้าขนส่งอาวุธร้ายแรง พวกเขาจะต้องถูกค้นพบอย่างแน่นอน!
“อะไรนะ?” อวี้ซินเหลือบมองจอมพลเอเดนและพูดว่า “พวกผมก็แค่อยากให้องค์ชายที่สนับสนุนเผ่ามนุษย์ได้ขึ้นครองบัลลังก์”
“องค์ชายที่สนับสนุนเผ่ามนุษย์? แกหมายถึงองค์ชายรองเหรอ? แต่เขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการค้ามนุษย์ไม่ใช่หรือไง?”
จอมพลเอเดนตกตะลึง สงสัยว่าพวกมนุษย์กำลังปลาบปลื้มองค์ชายองค์อื่นอยู่หรือไม่ เปลี่ยนคนสนับสนุนแล้วทำไมไม่บอกเขาบ้าง?
หรือบอกให้เขาเปลี่ยนเป้าหมาย แล้วจงรักภักดีต่อองค์ชายองค์อื่น?
“ไม่ใช่องค์ชายรอง พวกผมลองวิเคราะห์ดูแล้วและคิดว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด องค์ชายรองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง”
อวี้ซินพูดโกหก เขาเงยหน้ามองจอมพลเอเดนผู้ไร้เดียงสาและพูดว่า “เมื่อไม่นานมานี้ผมได้ตรวจสอบสายลับและคนที่อยู่เบื้องหลัง พบว่ามันเป็นแค่ข่าวโคมลอยที่องค์ชายใหญ่กับคนอื่น ๆ สร้างขึ้น เพื่อให้เรากับองค์ชายรองขัดแย้งกัน คอยกันให้ท่านปลีกตัวออกมาจากองค์ชายรอง”
“บ้าชิบ! ฉันคิดแล้วเชียวว่าพรรคพวกขององค์ชายใหญ่จะต้องสารเลว แกก็เห็นว่าองค์ชายใหญ่พูดอะไรบ้าง เขาจะต้องกอบกุมสิ่งเลวร้ายเอาไว้ทั้งหมดแน่!”
เมื่อจอมพลเอเดนได้ยินว่าเขาเข้าใจผิดไป เขาก็ร้องตะโกนออกมาพร้อมกับความรู้สึกผิดที่หนักอึ้งในใจ