ตอนที่ 465 นิรนาม
ตอนที่ 465 นิรนาม
พลังการต่อสู้ของเถาวัลย์งูน่าทึ่งมาก!
ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง กลุ่มผู้บุกรุกทั้งหมดก็ถูกกำจัดออกไป ขณะที่แต่ละคนเหลือเพียงแค่ผิวหนังแขวนอยู่บนเถาวัลย์งู มันลอยเหมือนผี ดูน่าสะพรึงกลัวมาก!
อวี้ซินรู้สึกโล่งใจ!
เขามองดูกลุ่มศัตรูที่ถูกกวาดออกไป ก่อนจะหันไปขอบคุณสวี่หลิงอวิ๋นกับโอคาซี!
“เราจะย้ายดาวเคราะห์ตอนนี้กันเลยไหมครับ?!” อวี้ซินถาม
“ไม่! ไม่ต้องรีบ!” สวี่หลิงอวิ๋นหักนิ้วมือ แววตาฉายให้เห็นความเย็นชา “เพราะเราไม่เคยส่งกองกำลังออกมาเลย คงจะต้องสร้างความอึกทึกกันสักหน่อยไหม?!”
“รองผู้บัญชาการ?” สวี่หลิงอวิ๋นหันไปมองโอคาซีและพูดว่า “ติดต่อหาจักรวรรดิทั้งหมด จักรวรรดิไหนคิดจะเข้ามาจู่โจมจักรวรรดิดวงดาวของเผ่ามนุษย์ก็ทักทายมาได้เลย สหภาพห้วงดวงดาวของเราจะจัดการเอง!”
“ครับ!”
“เยี่ยมมาก!”
ทุกคนปรบมือและเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ ยกเว้นเพียงแค่อวี้ซิน
อวี้ซินลังเลและพยายามพูดเกลี้ยกล่อม “ถ้าจะต่อสู้กับจักรวรรดิทั้งหลายภายในรวดเดียว ผมคิดว่ามันจะหักโหมเกินไปไหมครับ? เรายังขาดกองกำลัง และประสิทธิภาพการต่อสู้ของกองทัพทหารก็ยังไม่แข็งแกร่งมากนัก…”
“คุณครับ อย่าข้องใจอะไรกับองค์หญิงสามของเราเลยนะครับ!” สวี่หลิงวิ๋นยังไม่ทันได้พูดอะไรตอบกลับ เบนเน็ตก็รีบคว้าตัวอวี้ซินเอาไว้และพูดขึ้นด้วยความเคารพ และเขายังกล่าวย้ำอีกครั้งว่า “องค์หญิงสามพูดถูกแล้วครับ!”
“แต่…” อวี้ซินอยากจะบอกว่าโลกของเขตดาวต่างแดนแตกต่างจากโลกของมนุษย์ในต้นไม้แห่งชีวิต
“คุณไม่ต้องเป็นห่วงครับ!” เบนเน็ตเป็นแฟนคลับตัวยงของสวี่หลิงอวิ๋น ต่อให้สวี่หลิงอวิ๋นบอกว่าอึของถั่วชมพูเป็นรสสตรอว์เบอร์รี เขาก็พร้อมจะเลียถึงสองครั้ง!
“องค์หญิงของเราทำแบบนี้มาตั้งกี่ครั้งแล้ว? มีครั้งไหนที่บอกว่าโอกาสชนะน้อยบ้าง?” เบนเน็ตพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ!
“นอกจากนี้ พวกเรายังมีลูกพี่เสี่ยวอ้ายกับบอนาร์อยู่ด้วย และยังมีเทพเจ้าต้นไม้แห่งชีวิตทั้งสอง!” เบนเน็ตพูด “คุณวางใจใส่ลงไปในพุงได้เลยครับ!”
“ก็ได้!” ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่เขาก็ทำได้เพียงพยักหน้าเมื่อเห็นทหารตัวน้อยที่อยู่ข้าง ๆ คอยปลอบโยนเขาตลอดเวลา แต่แล้วเขาก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง!
“ว่าแต่คุณสวี่คือองค์หญิงของพวกคุณเหรอ?!” อวี้ซินถามด้วยความประหลาดใจ “งั้นเธอทำอาหารได้ยังไง?”
“ทำอาหารเหรอ? ฮ่า ๆ!” เบนเน็ตดีใจมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น “คุณได้ลองกินอาหารขององค์หญิงหรือยัง? น่าทึ่งเลยใช่ไหม?”
อวี้ซินพยักหน้า ก็น่าทึ่งน่ะสิ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอยู่ในจักรวรรดิเคทเลอร์!
“คุณคงไม่รู้ว่าเดิมทีมีเอเลี่ยนมากมายอยู่ในต้นไม้แห่งชีวิตของเรา เรากินมันไม่ลงด้วยซ้ำ แต่องค์หญิงสามกลับเอาเอเลี่ยนพวกนั้นมาทำเป็นอาหาร อ๋อ ตอนนี้เอเลี่ยนถูกจับกินและกวาดล้างไปหมดแล้ว! หึหึ!”
“มีเอเลี่ยนเยอะเลยที่เราจับใส่ไว้ในกรง!”
อวี้ซินเงียบและไม่พูดอะไรอีก เขานึกไม่ออกว่าเอเลี่ยนจะถูกเลี้ยงไว้ในกรงได้อย่างไร? หรือนี่เป็นผลพวงจากการที่ผู้คนกว่าหลายร้อยล้านคนกินมันเข้าไปทุกวัน?
เมื่อพูดถึงหัวข้อนี้แล้วจะออกจากประเด็นนี้ได้อย่างไร? อวี้ซินครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน แต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกไป
บางทีเขาอาจจะไม่รู้เรื่องผู้คนในต้นไม้แห่งชีวิตมากนัก หรือบางทีเขาอาจจะยังไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย? ถ้าอย่างนั้นมารอดูกันเถอะ!
สิ่งที่อวี้ซินไม่รู้คือยานรบที่เขาเห็นและกองกำลังทหารที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นผู้ที่ทรงพลังที่สุดในสหภาพห้วงดวงดาว! หากเขารู้ คาดว่าเขาคงจะเสี่ยงตาย ต่อให้ต้องขัดขวางสวี่หลิงอวิ๋นก็ตาม
ผู้คนฝีมือยอดเยี่ยมที่ถูกส่งออกไปนั้นถูกกำจัดไปอย่างลึกลับ จนทำให้เหล่าราชวงศ์ที่กำลังรอคอยของขวัญอยู่เบื้องหลังต้องตกตะลึง! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
คงมีเพียงจักรวรรดิเอลฟ์ที่หลบหลีกออกมาได้และรู้ซึ้งถึงเหตุผลดังกล่าว ในขณะที่จักรวรรดิอื่นยังคงสับสน
ชิงเย่ที่นั่งอยู่บนยานอวกาศติดต่อหาผู้อาวุโสลี่หย่าโดยตรง
“ท่านผู้อาวุโส ทำไมท่านถึงได้เป็นไปกับเขาด้วย?” ผู้อาวุโสลี่หย่ายังไม่ทันได้พูดอะไร ชิงเย่กลับส่งเสียงวิจารณ์ออกมาเสียก่อน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
เขาจ้องมองไปยังผู้อาวุโสและพูดต่อว่า “ไม่ใช่ว่าท่านไม่รู้เกี่ยวกับเผ่ามนุษย์สักหน่อย พวกเขาเป็นเพื่อนกับพระแม่ห่าวหลาน ท่านปล่อยให้คนพวกนั้นโจมตีเผ่ามนุษย์ได้ยังไง?!”
สีหน้าของผู้อาวุโสลี่หย่าดูไม่สบอารมณ์นัก! เขาเคยสนิทชิดเชื้อกับหัวหน้าเผ่าแท้ ๆ แต่ตอนนี้เขาไม่คิดจะเกรงใจกันหน่อยหรือไง?!
อีกอย่าง หญิงชราบอกว่าจะออกไปตามจับมนุษย์ตอนไหน? ต่อให้ผู้คนในจักรวรรดิเอลฟ์จะยากจนขนาดไหน แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะสามารถทำเงินได้ด้วยมนุษย์แค่สองสามคนหรือเปล่า?!
แต่เจ้าเด็กนี่ อย่าคิดนะว่าหญิงชราจะไม่รู้ว่าเขาเคยแอบค้าขายเผ่ามนุษย์มาก่อน ถ้ามนุษย์พวกนี้ไม่หลบซ่อนตัวอย่างแน่นหนา ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรบ้า ๆ ลงไปบ้าง!
“หุบปาก!” ผู้อาวุโสลี่หย่าโพล่งออกมาอย่างขุ่นเคือง “ข้ามีเหตุผลที่ต้องไปก็แล้วกัน และเจ้าไปบอกพวกมนุษย์ด้วยล่ะว่าจักรวรรดิอื่นเริ่มส่งกำลังคนออกไปตรวจสอบ ระวังตัวกันให้ดี!”
ประจวบเหมาะเลยสินะ?! เยี่ยมมาก!
สวี่หลิงอวิ๋นที่นั่งอยู่ด้านข้างได้ยินชัดเจนแจ่มแจ้ง! เหล่าทหารที่อยู่ด้านหลังก็ได้ยินเช่นกัน! ทุกคนรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ!
เถาวัลย์งูดูดเลือดจนอิ่ม เผ่าพันธุ์ชาญฉลาดที่พวกมันดูดเลือดมานั้นมีพละกำลังมหาศาล หลังจากที่มันดูดเลือดเสร็จ พลังงานที่ได้รับมาก็ถูกยกระดับขึ้น หัวเริ่มหมุนติ้ว และในไม่ช้าลำตัวของพวกมันก็เติบโตขึ้น!
สวี่หลิงอวิ๋นได้สั่งไกอาและโอคาซีที่เป็นยอดอัจฉริยะทางด้านเทคโนโลยีไปศึกษาเรื่องการโยกย้ายดาวเคราะห์โดยด่วน เพื่อป้องกันไม่ให้เผ่ามนุษย์ได้รับผลกระทบจากการต่อสู้
เดิมทีเผ่ามนุษย์ทั้งหลายกำลังรอคอยความตาย เฝ้าดูแสงอันริบหรี่ที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า และไม่นานมันก็จางหายไป พวกเขาทุกคนพร้อมที่จะตาย
ในอดีต พวกเขามักพูดกันว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่สงครามบังเกิด พวกเขาจะทำอะไรกันบ้าง แต่ในตอนนี้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับวิกฤต พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะตดออกมาด้วยซ้ำ!
จึงทำได้เพียงซ่อนตัวอยู่ในชั้นใต้ดินพร้อมกับร่างกายที่สั่นเทา และสาปแช่งสายลับสารเลวอีกครั้ง!
แมรี่เงยหน้ามองท้องฟ้า ไม่ว่าเพื่อนร่วมชั้นกับพวกอาจารย์จะขัดขวางเธออย่างไร แต่เธอก็จะไม่เข้าไปในชั้นใต้ดิน เธอจะอยู่ตรงนี้ เฝ้ารอคอยการมาถึงของมนุษย์ต่างดาว เธออยากเห็นเผ่ามนุษย์ถูกทำลายล้างต่อหน้าเธอ!
“เร็วสิ! เร็วเข้า!” ใบหน้าของแมรี่เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่น่าสยดสยอง เพื่อนร่วมชั้นหลายคนมองดูรอยยิ้มของเธอและตัวสั่นด้วยความตกใจ
แม่นั่นเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?!
ตอนนี้ทุกคนกำลังอยู่ในช่วงภาวะวิกฤต พวกเขาคงไม่มัวแต่จะมาสนใจว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นบ้าหรือโง่เขลา จึงทำได้เพียงรีบขนอาหารลงไปซ่อน
แมรี่กลับมาที่ห้องของเธออีกครั้ง เธอมองดูชิ้นส่วนที่บอบบางเหล่านี้และค่อย ๆ ประกอบเข้าด้วยกัน
“เมื่อไหร่มนุษย์ต่างดาวพวกนั้นจะมา?” แมรี่ร้องฮัมเพลงขณะเล่นอุปกรณ์ส่งสัญญาณในมือของเธอ “อดใจรอไม่ไหวแล้ว!”