ตอนที่ 472 อำนาจของซินหยา
ตอนที่ 472 อำนาจของซินหยา
“ฉีกหน้าพวกท่าน ท่านคิดว่าเราดูถูกพวกท่านงั้นเหรอ?” ซินหยาเยาะเย้ย “งั้นท่านช่วยบอกเราหน่อยว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาพวกท่านประสบความสำเร็จอะไรบ้าง ทำอะไรกันบ้าง มีส่วนช่วยเหลือเคทเลอร์กันบ้างไหม?”
“ถ้าพวกท่านตอบออกมาสักหนึ่งสองสามข้อ เราจะยอมรับว่าพวกท่านมีประโยชน์ แต่ถ้าตอบไม่ได้ ฮึ่ม! ก็ออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
เคทเลอร์ไม่ต้องการคนเกียจคร้าน นับประสาอะไรกับคนโง่เขลา!”
ใบหน้าของจอมพลทั้งสิบเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ จ้องเขม็งไปที่จักรพรรดิด้วยความขุ่นเคือง อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทำได้เพียงกระตุกมุมปากและไม่พูดอะไรออกมา
พวกเขาไม่ได้ลงมือทำอะไรจริง ๆ! ต้องบอกว่าสมัยที่ยังหนุ่ม พวกเขาทำคุณประโยชน์หลายอย่าง แต่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น มีชีวิตอยู่ดีกินดี พวกเขาก็เริ่มห่างหายไปจากสนามรบมานานนับหลายสิบปี
“ถึงแม้ตอนนี้พวกกระหม่อมจะไม่ได้ทำอะไร แต่ตอนยังหนุ่ม กระหม่อมก็สละเลือดเนื้อเพื่อเคทเลอร์นะพ่ะย่ะค่ะ!”
จอมพลคนหนึ่งพูดแย้งขึ้นมาอีกว่า “ฝ่าบาทสั่งปลิดชีพพวกผู้อาวุโสทันทีที่ได้ครอบครองอำนาจ และตอนนี้ยังจะมาดูถูกเหยียดหยามจอมพลเก่าแก่อย่างพวกกระหม่อมอีก ท่านต้องการอะไรกันแน่?”
“ถ้าท่านไม่คิดจะใช้งานกระหม่อมก็บอกมาเลยพ่ะย่ะค่ะ ทำไมจะต้องมาดูถูกกันด้วย?”
จอมพลอีกคนหนึ่งลุกขึ้นยืนและมองดูจักรพรรดิ ก่อนจะพูดว่า “พวกกระหม่อมไม่แปลกใจเลย งั้นกระหม่อมก็จะปล่อยวางอำนาจทางทหารและไปจากที่นี่”
จอมพลคนอื่นลุกขึ้นยืนเพื่อแสดงความเห็นชอบ
ซินหยามองดูพวกเขาอย่างขบขัน “พวกท่านคิดว่าบีบบังคับเราแบบนี้แล้วเราจะกลัวเหรอ? หรือพวกท่านคิดว่าสถานะในจักรวรรดิของพวกท่านสูงส่งมาก? เราว่าพวกท่านมองกันสูงเกินไป คิดจะใช้วิธีการนี้บีบบังคับให้เราสละบัลลังก์หรือไง?”
“ก็ดี ในเมื่ออยากจะปล่อยวางอำนาจทางการทหารก็ปล่อยวางซะ! ที่นี่ยังมีคนหนุ่มสาวอีกเยอะ และมีคนมากมายอยากจะเข้ามาแทนที่พวกท่าน!”
เมื่อเห็นเช่นนั้น นักการเมืองทั้งหลายต่างถอยห่างจากจอมพลทั้งสิบคน และคิดว่าจอมพลพวกนี้อยู่ห่างจากเวทีทางการเมืองมานานเกินไป อีกทั้งยังประเมินอำนาจของจักรพรรดิต่ำเกินควร!
จอมพลเฒ่าพวกนี้คิดว่าตัวเองอยู่ภายใต้บารมีของจักรพรรดิเฒ่าองค์ก่อน แล้วจะเชิดหน้าชูตาอย่างไรก็ได้เหรอ?!
ล้อกันเล่นหรือไง?!
ไม่เห็นฝ่าบาทจัดการกับผู้อาวุโสหรือไง นับประสาอะไรกับตาแก่อย่างพวกท่านที่อำนาจทางการทหารย่ำแย่กว่าของจอมพลเอเดน นอกจากนี้อำนาจทางการเงินก็ยังอยู่ในมือของอีกฝ่าย แล้วพวกท่านจะมาโวยวายอะไรที่นี่?
อายุก็ป่านนี้แล้วยังใช้สมองคิดไม่เป็นอีกเหรอ!
ใบหน้าของจอมพลทั้งสิบคนเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ พวกเขาถอดยศบนแขนออกและวางมันลง ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
ซินหยาถอนหายใจ “ไม่รู้จะพูดอะไรเลยจริง ๆ ไม่ละอายใจกันบ้างเลยสินะ! ถ้าซื่อสัตย์ก็จะไว้ชีวิต แต่ถ้าไม่ซื่อสัตย์…”
ฝ่าบาทไม่ได้พูดถ้อยคำที่เหลือออกมา ทว่ากลุ่มคนฟังกลับเข้าใจความหมายของจักรพรรดิดีว่าไม่ต้องการไว้ชีวิตจอมพลพวกนั้น!
ทุกคนมองดูโมยาตด้วยความวิตกกังวล องค์ชายรองวิปริตไปแล้วเหรอ? แต่ก่อนทั้งอ่อนโยนและสุภาพ ทำไมตอนนี้ถึงได้โหดเหี้ยมขนาดนี้?!
“พวกท่านมีอะไรจะพูดอีกไหม?”
“ไม่มี ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ!”
“ท่านจักรพรรดิ ท่านมีคำสั่งการอะไรหรือ? ฮ่า ๆๆ! กระหม่อมจะทำตามคำรับสั่งของท่าน ทำตามที่ท่านบอกทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ!”
“ใช่ ๆๆ ท่านจักรพรรดิ ถ้าท่านต้องการรับสั่งอะไร บอกมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเต็มใจทำเพื่อท่าน!”
…
“ในเมื่อพวกท่านพูดแบบนี้ก็จงแสดงความจริงใจต่อเรา ไม่อนุญาตให้ใครทำอะไรลับหลังเราทั้งนั้น ถ้ามีใครกล้าทำอะไรโง่เขลาลับหลังเรา เราจะค่อย ๆ จัดการพวกท่านทีละคน!”
นักการเมืองทั้งหลายคิดในใจ ใครจะกล้าทำอะไรฝ่าบาท พวกเรากลัวท่านจนตัวสั่นไปหมดแล้ว!
เรื่องราวก่อนออกเดินทางได้คลี่คลายลง จอมพลเอเดนจึงรีบไปที่ดาวเคราะห์มนุษย์โดยด่วน
ก่อนจะออกไป อวี้ซินได้ส่งข้อความมาบอกซินหยาให้รักษาเสถียรภาพของเคทเลอร์ให้ดี
ในขณะเดียวกัน เขาก็แจ้งถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่นั่น และให้ข้อเสนอแนะแก่เขา
“ถ้าเริ่มเหนื่อยกับเคทเลอร์แล้ว จะตามพวกเรามาที่เผ่ามนุษย์ในต้นไม้แห่งชีวิตก็ได้”
อวี้ซินได้วางแผนตารางไว้ทั้งหมด โดยต้องเริ่มจากการดึงเผ่ามนุษย์จากจักรวรรดิดวงดาวเข้าไปในทางเชื่อมมิติ และพาเข้าไปในต้นไม้แห่งชีวิต
ไกอาค้นพบตำแหน่งของยอดอัจฉริยะบนจักรวรรดิดวงดาวของมนุษย์แล้ว ครุ่นคิดว่าถ้าจักรวรรดิดวงดาวถูกลากเข้าไปในต้นไม้แห่งชีวิตเมื่อไหร่ เขาจะต้องไปเจอยอดอัจฉริยะจากจักรวรรดิดวงดาวคนนี้เป็นการส่วนตัวให้ได้!
ทุกอย่างพร้อมแล้ว!
ขณะเดียวกัน จักรวรรดิจำนวนนับไม่ถ้วนค้นพบว่าผู้คนที่พวกเขาส่งออกไปยังไม่กลับมา ดังนั้นพวกเขาจึงส่งยานรบหลายลำออกไปตรวจสอบ และสวี่หลิงอวิ๋นก็จัดการยานรบของพวกเขาทีละลำ
เหล่าทหารที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของสวี่หลิงอวิ๋นหาวออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า! หลังจากที่ได้ออกมาที่นี่ พวกเขาคิดว่ามันจะต้องเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด และไม่คาดคิดว่าจะได้มาพักผ่อนที่นี่แทน ดูเหมือนว่าต้นไม้แห่งชีวิตจะมีพละกำลังยิ่งใหญ่มากจนพวกเราไร้ประโยชน์ไปแล้ว
“มา ๆๆ พี่ชายมาคำนวณกันเถอะ ว่าแต่เรายังต้องต่อสู้กันอยู่ไหม? ยังจะได้แสดงฝีมือไหม?”
ลุคกำลังเบื่อหน่ายกับการเล่นไพ่เต็มทน เขาจึงหันไปพูดคุยกับสหายของเขาว่า
“แสดงฝีมือ? ก็เห็นกันอยู่ว่าเถาวัลย์งูจัดการซะราบคาบในรวดเดียว ผมคิดว่าพวกเราคงมาที่นี่เพื่อตั้งวงกันเฉย ๆ”
ทหารอีกคนส่ายหัวอย่างเหลืออด และพูดว่า “เอาเถอะ มาเล่นไพ่กันอีกสักสองตา แล้วก็พักสายตากันอีกสักแป๊บ ภารกิจคงจะเสร็จแล้ว เราก็จะได้กลับดาวกันสักที”
ผู้คนจากจักรวรรดิชิงเหย้ากำลังจะล้มตายลงด้วยความเบื่อหน่าย แต่ผู้คนจากจักรวรรดิอื่นกลับทำอะไรไม่ถูก ทำไมการต่อสู้ถึงง่ายดายขนาดนี้ ราวกับพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยซ้ำ เดิมทีพวกเขามาที่นี่ด้วยความเดือดพล่าน ทว่าตอนนี้กลับต้องมองดูสนามรบด้วยความงุนงง?
นี่คือสิ่งที่สงครามควรจะเป็นงั้นเหรอ?
ผู้บัญชาการจากจักรวรรดิชิงเหย้ายอดเยี่ยมมาก เหล่าทหารพากันเอ่ยถามโอคาซีว่าพวกเขาควรจะต้องทำอะไรบ้าง?
ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกมาเลย ไม่ต้องเกรงใจกันหรอก!
มีอะไรให้ทำบ้างนะ? โอคาซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “งั้นเดี๋ยวผมรบกวนพวกท่านพาเผ่ามนุษย์จากจักรวรรดิดวงดาวไปที่ชิงเหย้าทีนะครับ!”
“อ๊ะ ได้ครับ เราจะจัดการให้ ท่านไม่ต้องห่วง!”
“ไม่ต้องห่วง เราจะพาไปส่งเองครับ!”
“ในที่สุดผมก็มีงานทำสักที ไม่ง่ายเลยแฮะ!”
…
ผู้บัญชาการทุกคนยิ้มหน้าบาน รู้สึกโล่งใจที่ในที่สุดเขาก็ไม่ต้องอยู่เฉยอีกต่อไป
แมรี่ที่อยู่ที่นั่นเริ่มตรวจจับคลื่นสัญญาณอีกครั้ง แปลกจัง รับคลื่นสัญญาณอะไรไม่ได้เลย! เกิดอะไรขึ้น?!
ไกอามองดู เฮ้ ทำไมยอดอัจฉริยะยังตรวจจับคลื่นสัญญาณอยู่อีก? ทำไปเพื่ออะไร? กลัวว่าเผ่ามนุษย์จะมีปัญหาหรือไง? ถึงได้ทำแบบนี้!
เรื่องนี้ต้องมีคำอธิบาย!
ดังนั้นเขาจึงส่งข้อความหาแมรี่อีกครั้ง “คุณอย่าเสียเวลาเลย! เราปิดกั้นคลื่นสัญญาณบริเวณนี้ไว้หมดแล้ว ต่อให้คุณค้นหาคลื่นสัญญาณอีก ยังไงคุณก็หาไม่เจอหรอก!”