บทที่ 83 เป้ยเป้ย คุณทำผิด
บทที่ 83 เป้ยเป้ย คุณทำผิด
เมื่อเห็นถังหว่านเปลี่ยนตำแหน่งที่นั่ง ทุกคนก็ดูจะสนอกสนใจไม่น้อย แขกแต่ละโต๊ะเริ่มซุบซิบคุยกัน และถังหว่านก็เหมือนจะมีน้ำหนักในใจของทุกคนเพิ่มขึ้นบ้างแล้ว
ที่โต๊ะนั้นมีแต่นักธุรกิจระดับชั้นนำของเมือง
ถังหว่านนั่งโต๊ะเดียวกับผู้มีอำนาจทั้งหมด แม้ว่าเธอจะรู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็รู้สึกอายเกินกว่าจะเปลี่ยนกลับไปที่โต๊ะเดิมท่ามกลางสายตาที่มองมาด้วยความสนใจ
ครู่ต่อมา
หยางเซี่ยวหางขยิบตาให้จางซิ่วจือผู้เป็นภรรยาของเขา ทั้งคู่ทักทายทุกคนอย่างสุภาพก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ห้องน้ำ
“เกิดอะไรขึ้น? หวงไห่เทาบอกอะไรคุณ?” หยางเซี่ยวหางถามด้วยเสียงต่ำ
“สามีของถังหว่านเป็นน้องชายของไห่เทาและเฉิงห่าว เขาทำงานในโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง และเป็นลูกหลานของหมอผี” จางซิ่วจือธิบายด้วยเสียงต่ำ
หมอผี?
หยางเซี่ยวหางดูประหลาดใจ แต่หลังจากคิด ๆ ดูแล้ว เขาก็ขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า ” หวงไห่เทากับเฉิงห่าวดูจะให้ความสนใจถังหว่านมาก หรือเพราะสถานะของสามีเธอเป็นหมอผีงั้นเหรอ?”
“หมอผีน่าจะดีมากใช่ไหม” จางซิ่วจื่อกล่าว
“จำนวนหมอผีในจีนนั้นหายาก มีไม่มากนัก” หยางเซี่ยวหางมองไปที่ถังหว่านแล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “ถ้าเป็นภรรยาของหมอผี ผมก็เข้าใจสิ่งที่หวงไห่เทาและเฉิงห่าวทำ แต่ผมก็รู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างดูจะไม่ถูกต้อง”
“แต่ไห่เทายังบอกอีกว่าสามีของถังหว่านเป็นศิษย์ของบางนิกายในโลกศิลปะการต่อสู้โบราณ” จางซิ่วจื่อกล่าว
โบราณ?
ลูกศิษย์นิกาย?
หยางเซี่ยวหางตกใจและรีบถามว่า “นิกายอะไร?”
“ดูเหมือนว่าจะเป็นโอสถ…คือยาใช่หรือไม่ มันคือนิกายโอสถ” จางซิ่วจื่อกล่าว
ลูกศิษย์นิกายโอสถ?
ความสงสัยของหยางเซี่ยวหางพลันหายไปในทันที
“เมื่อคุณกลับไปแล้ว คุณควรจะใกล้ชิดกับถังหว่านไว้ คุณควรสร้างมิตรภาพที่ดีกับเธอ” หยางเซี่ยวหางกระซิบกับภรรยา
“เกิดอะไรขึ้น?” จางซิ่วจือสังเกตว่าทัศนคติของสามีของเธอเปลี่ยนไป
“สามีของถังหว่านเป็นลูกศิษย์ของหมอผี นอกจากนี้ ผมรู้จักหมอผีสองคน แต่สามีของถังหว่าน เป็นศิษย์ของนิกายโอสถ นี่มันพิเศษเกินไป” หยางเซี่ยวหางกล่าวอย่างจริงจัง
นักศิลปะการต่อสู้โบราณในโลกของศิลปะการต่อสู้โบราณนั้นมีตัวตนที่พิเศษมาก นิกายโอสถมีความพิเศษมากในโลกศิลปะการต่อสู้โบราณนี้ และเห็นได้ชัดว่าสาวกนิกายโอสถมีสถานะที่สูงส่งอย่างมาก
และถังหว่านยังเป็นภรรยาของศิษย์นิกายโอสถ
โต๊ะสำหรับดาราบันเทิง
หลี่เป้ยเป้ยมองดูจานทั้งหมด แต่เธอไม่มีความอยากอาหาร สายตาของเธอเลื่อนไปที่โต๊ะหลักที่อยู่ด้านในสุดเป็นครั้งคราวด้วยความอิจฉา
“เป้ยเป้ย คุณพลาดแล้ว” เหออวี้เหมยกระซิบ
หลี่เป้ยเป้ยได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้ว
“คุณรู้จักตัวตนถังหว่านไหม” เหออวี้เหมยถาม
หลี่เป้ยเป้ยยังคงสับสน เธอเป็นสมาชิกของวงการบันเทิง เธอรู้ดีว่าข้อมูลที่นักร้องและศิลปินหลายคนเปิดเผยนั้นเป็นเท็จหรือคลาดเคลื่อนไปจากความจริงอยู่บ้าง
เหออวี้เหมยตบแขนของหลี่เป้ยเป้ยแล้วส่ายหัว
“พี่เหอ คุณหมายถึง…”
“เฉิงฮ่าวเป็นคนฉลาด เขาเชิญถังหว่านไปที่โต๊ะที่พิเศษที่สุด แสดงให้เห็นว่าถังหว่านมีคุณสมบัติที่จะนั่งที่นั่น คุณไม่ได้ลิ้มรสความหมายเบื้องหลังของสิ่งนี้เลยเหรอ?” เหออวี้เหมยเหลือบมองถังหว่านอีกครั้งแล้วพูดว่า “คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภูมิหลังของเธอเป็นยังไง แต่คุณก็ท้าทายเธอ ถ้าเธอมีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง คุณคิดว่ามันยากไหมที่จะจัดการกับคุณ?”
“ฉัน…”
และหัวใจของหลี่เป้ยเป้ยเต็มไปด้วยความเสียใจอย่างแรงกล้า
…
แท็กซี่คันหนึ่งขับมาจอดที่ลานจอดรถของพาราไดซ์คลับ
คนขับรู้สึกประหลาดใจ เขาหันหลังกลับไปมองพ่อกับลูกสาวที่เบาะหลัง และยังมีกลุ่มชายในชุดสูทที่มายืนรอนอกรถรออย่างเงียบ ๆ ดูเหมือนคนเหล่านี้จะมารอพบผู้โดยสารเบาะหลังนี้เอง
“ขอบคุณครับ” โจวอี้จ่ายค่าโดยสาร
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” คนขับรีบไปเปิดประตูผู้โดยสาร
โจวอี้ลงจากรถพร้อมกับลูกสาว ชายหนุ่มมองไปที่หลี่หงอี้และถามว่า “เขาอยู่ที่ไหน”
“ในอาคารที่พัก”
“นำทาง!”
หลี่หงอี้ได้ยินแล้วก็พยักหน้า เขาหันหลังและเดินไปกับโจวอี้มุ่งตรงไปที่อาคารโรงแรม ก่อนจะมองไปที่ถังเหมียวเหมี่ยว “น้องโจว สาวน้อยคนนี้..?”
“ลูกสาวของผม ถังเหมียวเหมี่ยว” โจวอี้ยิ้มและพูดว่า “เหมียวเหมี่ยวนี่คือลุงหลี่”
“สวัสดีค่ะ ลุงหลี่” ถังเหมียวเหมี่ยวยิ้มหวาน
“โอ้ ลูกสาวของน้องโจว เป็นไงบ้าง เหมียวเหมี่ยว เธอน่ารักและงดงามมากเลย” หลี่หงอี้ค่อนข้างประหลาดใจ แต่เขายังยิ้มอย่างอ่อนโยน
พูดจบก็หันไปมองคนสนิทคนหนึ่งแล้วสั่งว่า “ไปเอาพระหยกที่ห้องทำงานของเรามา”
“ที่คุณซื้อที่งานประมูลเกาะฮ่องกงเมื่อสองสามปีก่อนเหรอครับ” ชายคนนั้นประหลาดใจเล็กน้อย
“ใช่ ไปเอามันมา!”
“ครับ”
โจวอี้มองไปที่หลี่หงอี้และไม่ได้พูดอะไร
ไม่นานก็มีคนมายังอาคารที่พัก
นอกประตูห้อง ชายหนุ่มสูงเกือบสองเมตรซึ่งดูเหมือนหอคอยเหล็กกำลังมองออกไปข้างนอกราวกับเทพแห่งประตู
“โจวตง นี่คือหมอที่จะมาช่วยพ่อบุญธรรมของคุณ” หลี่หงอี้ชี้ไปที่โจวอี้
เมื่อโจวตงได้ยินคำพูดนั้น เขาก็เกิดความคิดบางอย่างและจับมือโจวอี้ทันที
“ต้องการทำอะไร?” โจวอี้ตะโกนหลังจากสะบัดมืออีกฝ่ายทิ้งไป
“ช่วยพ่อบุญธรรมของผมด้วย!” โจวตงตกตะลึงแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรอีก
“ถ้าอยากให้ผมช่วยพ่อบุญธรรมของคุณ คุณกล้าโจมตีผมทำไหม ไม่อย่างนั้นผมจะหันหลังให้และปล่อยให้เขาตายที่นี่ซะ” โจวอี้พูดอย่างโกรธเคือง
“คุณไปไม่ได้นะ!” โจวตงร้องขึ้น
หลี่หงอี้ยิ้มอย่างขมขื่น เขาคว้าแขนของโจวอี้อย่างเร่งรีบและกระซิบว่า “น้องโจว คนของคุณเกาบอกผมว่าผู้ชายคนนี้… มีปัญหากับ IQ ของเขา ดังนั้นอย่าถือสาเขาเลย”
ปัญญาอ่อน?
โจวอี้พูดไม่ออกเมื่อเขามองไปที่รูปลักษณ์เรียบง่ายและโง่เขลาของอีกฝ่าย
หลี่หงอี้ตะโกนว่า “อย่าขวางทาง โจวตง ไม่อย่างนั้นพ่อบุญธรรมของคุณจะไม่รอด”
“ช่วยเขาด้วย!” โจวตงยกมือขึ้นและเกาหลังศีรษะของตัวเอง
“ออกไปให้พ้นทาง!” หลี่หงอี้ตะโกน
โจวอี้เห็นดังนั้นก็ได้แต่ส่ายหัวและจูงลูกสาวเข้าไปในห้องโถง