บทที่ 86 ทั้งหมดต้องการเวลา
บทที่ 86 ทั้งหมดต้องการเวลา
ซู่ซู่
เสียงฝักบัวในห้องน้ำบ่งบอกว่ามีใครบางคนอยู่ข้างใน ถังหว่านยืนพิงประตูรออย่างเงียบ ๆ เหตุการณ์ในอดีตแวบเข้ามาในจิตใจของเธอราวกับภาพยนตร์ที่กำลังฉาย
วันเวลาที่เคยล้อมรอบด้วยทิวทัศน์สีเขียวและป่าไม้ ภูเขาที่มีดอกไม้บานสะพรั่ง สาวน้อยที่เริ่มมีความรู้สึกตกหลุมรัก และช่วงเวลาวันวานวัยหวานนั้นราวกับล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ
ช่วงเวลาแห่งความรักที่มีความสุขและชวนหลงใหลนั้นยากจะลืมเลือน
ถังหว่านระบายยิ้ม
“ซ่า…”
ทันใดนั้นประตูห้องน้ำก็ถูกผลักออก ก่อนจะปรากฏภาพของโจวอี้เปลือยท่อนบนที่กำลังเช็ดผมและเดินออกจากห้องน้ำ
“คุณกลับมาเมื่อไหร่” เมื่อโจวอี้เห็นถังหว่าน แม้จะตกใจ แต่ก็ถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“เพิ่งมาถึง” สีหน้าของถังหว่านเปลี่ยนไปทันทีที่เห็นสภาพการปรากฏตัวของเขาในตอนนี้ แต่ก็ยังแสร้งทำเป็นใจเย็น
โจวอี้ไปที่ห้องเสื้อผ้าเพื่อเอาชุดนอนใหม่ออกมาสวม จากนั้นก็ออกจากห้องนอน เขาหยิบเบียร์เย็น ๆ สองกระป๋องออกจากตู้เย็น ก่อนจะโยนกระป๋องหนึ่งให้ถังหว่าน และเปิดกระป๋องของตัวเองเพื่อดื่มไปสองสามอึก
“Knight XV คุณได้มาจากคนอื่นใช่ไหม” ถังหว่านไม่ดื่มเบียร์ เธอรับมันไว้ในมือแล้วถามขึ้น
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้นะ…” โจวอี้ไม่คิดว่าถังหว่านจะถามถึงเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงตอบอย่างเป็นกันเอง
“หมายความว่ายังไง ใช่? ไม่ใช่? ยังไง?” ถังหว่านยังคงจำได้ว่าตอนที่เธอเคยถามโจวอี้ว่าเขาซื้อ Knight XV เองหรือไม่ เขาก็ตอบไม่ชัดเจน
ไม่ชอบเลย!
“ใช่ แต่ก็แลกกับการที่ผมก็ไปรักษาภรรยาของเฉิงฮ่าวที่กำลังป่วยน่ะ” โจวอี้ตอบ
ถังหว่านโล่งใจ
“คุณรู้จักกับหวงไห่เทาและเฉิงฮ่าวได้ยังไง” หญิงสาวถามอีกครั้ง
“คุณรู้มาจากใครว่าผมรู้จักพวกเขาน่ะ” โจวอี้ถามด้วยความสงสัย
“ฉันเพิ่งพบพวกเขาที่งานเลี้ยงการกุศล”
“อ๋อ… เข้าใจแล้ว” โจวอี้พยักหน้าและพูดต่อ “เราเคยร่วมมือกันก็เลยเป็นเหมือนเพื่อนร่วมงานกัน แล้วพอจบงานนั้นเราก็แบ่งเงินกัน”
“คุณรู้จักหยางเซี่ยวหางไหม” ถังหว่านถาม
“หยางเซี่ยวหาง เขาเป็นใคร?”
“คุณไม่รู้เหรอ?”
“ผมไม่ได้อยู่ที่จินหลิงมาก่อน และคนรู้จักก็น้อย ผมจะรู้จักหยางเซี่ยวหางได้ยังไง?”
ผู้ฟังเงียบงัน
โจวอี้ไม่รู้งั้นเหรอ? หรือเหตุผลที่หยางเซี่ยวหางและภรรยาของเขากำลังร้อนรนก็เพราะหวงไห่เทาและเฉิงฮ่าว?
“คำถามสุดท้าย หวงไห่เทาและเฉิงฮ่าวมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณใช่ไหม”
“ใช่ พวกเขาเป็นคนดี” โจวอี้พยักหน้า
จากนั้นถังหว่านก็เตรียมจะเดินลงไปข้างล่าง
เมื่อเห็นดังนั้น โจวอี้ก็ขวางหน้าเธอทันที ก่อนจะเอื้อมมือออกไปคว้าเอวเธอไว้และดึงเข้ามาในอ้อมแขนของตนอย่างง่ายดาย
“เสี่ยวหว่าน ผมไม่ได้พบคุณมาหลายปีแล้ว ผมคิดถึงคุณมากจริง ๆ” โจวอี้รู้สึกว่าถังหว่านพยายามดิ้นไปมา เขาจึงยิ่งกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น
“ปล่อยฉัน” ถังหว่านเอ่ยอย่างโกรธเคือง
“ผมไม่อยากปล่อยมืออีกต่อไป ผมจะปกป้องคุณและลูกสาวของผมไปตลอดชีวิต” ขณะที่โจวอี้กำลังพูด ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของหญิงสาวตรงหน้าก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา
“โจวอี้ ปล่อยฉันก่อน” ถังหว่านยังคงดิ้นรน แม้จะรู้ว่าไม่สามารถหนีไปได้ก็ตาม เธอกล่าวว่า “เราไม่ได้เจอกันห้าปีแล้ว จากที่คุ้นเคยก็กลายเป็นเหมือนไม่รู้จัก ตอนนี้ฉันไม่รู้จะเผชิญหน้ากับคุณยังไง คุณให้เวลาฉันมากกว่านี้ได้ไหม ฉันต้องคิดเรื่องความสัมพันธ์ของเราให้ดี”
“ได้!”
โจวอี้เงียบไปครู่หนึ่งและค่อย ๆ ปล่อยมือจากหญิงสาวที่รัก
ถังหว่านต้องการเวลา อันที่จริงชายหนุ่มเองก็ยังต้องการเวลาเช่นกัน
หญิงสาวก้าวออกมาจากอ้อมแขนเขาอย่างโล่งใจ
การที่โจวอี้ไม่บังคับเธอนั่นทำให้รู้สึกดีขึ้นมาก ถังหว่านจัดเสื้อผ้าของตัวเองและมองลึกเข้าไปในแววตาของโจวอี้ ก่อนจะพูดทิ้งท้ายว่า “ถ้าพาลูกสาวของฉันออกไปไหน ทีหลังอย่ากลับดึก เข้าใจไหม”
แค่นั้นแหละ!
เธอไม่ให้โอกาสโจวอี้พูดอะไร หญิงสาวรีบหันหลังและเดินสะบัดก้นไปที่บันไดอย่างรวดเร็ว
โจวอี้มองตามแผ่นหลังของถังหว่านอย่างข้องใจ
ชายหนุ่มมุ่งมั่นว่าจะใช้เวลาทั้งชีวิตในการปกป้องถังหว่านและลูกสาว
ภรรยาที่แข็งแกร่งของเขา
เธอเป็นเหมือนเสือดาวตัวเมียกลางหุบเขา แรงกดดันของนักล่าแผ่ซ่านไปทั่วร่างบอบบางนั้น
แต่ถึงกระนั้น ถังหว่านยังคงครองตำแหน่งที่สำคัญอย่างมากในใจของโจวอี้
“เอาล่ะ ไปทีละขั้นตอน! บางทีเวลาเท่านั้นที่จะช่วยได้…” โจวอี้ถอนหายใจเบา ๆ และดื่มเบียร์ในมือ
คืนนั้นถังหว่านนอนไม่หลับ
ทางด้านโจวอี้เองก็ยังพลิกตัวไปมาบนเตียงเป็นเวลานานก่อนที่จะค่อย ๆ เข้าสู่ห้วงนิทรา
เช้าวันรุ่งขึ้น
โจวอี้ทำอาหารเช้าและไปหาลูกสาวที่บ้าน เขาเกลี้ยกล่อมให้เหมียวเหมี่ยวทานอาหารเช้าขณะพูดคุยกับถังหว่าน
“นมของเหมียวเหมี่ยวหมด หากคุณมีเวลาว่าง ๆ วันนี้พาเธอไปซื้อสักกระป๋องได้ไหม ฉันจะส่งยี่ห้อนมและที่อยู่ของร้านให้คุณทาง WeChat” ถังหว่านกล่าว
“ไม่มีปัญหา!” โจวอี้พยักหน้า เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งและถามออกมาว่า “ถึงเวลาหย่านมแล้วหรือยัง เธออายุสี่ขวบครึ่งแล้วนะ”
“เธอชอบมัน ให้เธอดื่มต่ออีกหกเดือนเถอะ” ถังหว่านตอบ
“เข้าใจแล้ว!”
เก้าโมงเช้า
ถังหว่านมาที่บริษัทและได้พบกับเฉินอ้ายหลิน
“คุณกำลังพูดเรื่องอะไร? พรีเซนเตอร์ของอัญมณีสีน้ำเงิน? คุณหว่าน คุณล้อเล่นหรือเปล่า?” เฉินอ้ายหลินมองถังหว่านอย่างประหลาดใจ ชนิดที่แทบไม่เชื่อหูตัวเอง
“ใช่ ฉันตกลงที่จะเป็นพรีเซนเตอร์เครื่องประดับอัญมณีสีน้ำเงิน” ถังหว่านยืนยัน
“แน่นอน! มันจะไม่เพียงแค่ดีกับชื่อเสียงของคุณเท่านั้น แต่ยังทำให้สถานะของคุณดีขึ้นด้วย” เฉินอ้ายหลินตื่นเต้นขึ้นมา
“ค่ะ แล้วฉันจะติดต่ออีกฝ่ายทีหลัง”
“เสี่ยวหว่าน คุณได้รับการติดต่อนี้มาได้ยังไง”
“ฉันแค่ได้พบกับคนที่รับผิดชอบเรื่องอัญมณีสีน้ำเงินโดยบังเอิญน่ะค่ะ” ถังหว่านลุกขึ้นจากโซฟาแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้ฉันมีบางอย่างที่ต้องทำ ไปก่อนนะคะ”
“ได้ ๆ”
เฉินอ้ายหลินกอดอกมองดูถังหว่านจากไปอย่างเงียบ ๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงได้แต่พึมพำอยู่กับตัวเอง
“เมื่อเร็ว ๆ นี้เกิดอะไรขึ้นรึเปล่านะ มัวแต่ยุ่งอยู่กับเสี่ยวถงจนสนใจถังหว่านน้อยลง เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่?”
“อู๋หมิ่นหรูเชิญถังหว่านให้เป็นผู้ช่วยร้องเพลงของเธอในคอนเสิร์ต และยังได้ไปเป็นพรีเซนเตอร์อัญมณีสีน้ำเงิน”
“เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?”
“หรือจะมีพายตกลงมาจากฟ้า?” [1]
สีหน้าเฉินอ้ายหลินฉายความฉงนใจอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจว่าต้องหาเวลาไปถามซุนเหมิงว่าช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นบ้างกับถังหว่าน
นอกจากนี้…
เฉินอ้ายหลินยังรู้สึกว่าต้องทำให้หัวใจของถังหว่านมั่นคงและเชื่อมั่นในค่ายนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในการต่ออายุสัญญาที่กำลังจะเกิดขึ้น
[1] เป็นการสลับใช้สำนวนจีนที่ว่า “บนฟ้าไม่มีขนมพายหล่นลงมา” หมายถึง ไม่มีสิ่งใดที่จะได้มาโดยไม่ต้องลงแรง