บทที่ 97 เผชิญหน้ากับความตาย
บทที่ 97 เผชิญหน้ากับความตาย
ทันใดนั้นม่านตาของโจวอี้ก็หดตัว เขารีบวิ่งไปที่เตียงคนไข้เตียงหนึ่งทันที
มีคนสองคนนอนอยู่บนนั้น
คนหนึ่งเป็นผู้หญิงแต่งตัวสดใส ข้อศอกของเธอทาบลงผ้าปูเตียง เผยภาพหยาดเลือดซึมกระจาย เธอกำลังโอบเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ อายุราว ๆ ห้าขวบไว้ เหล็กเส้นเจาะหลังของเธอทะลุไปถึงท้องของเด็กหญิงที่อยู่ด้านล่าง
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คล้ายจะหมดสติ น้ำตาเอ่อคลอรอบดวงตา
ผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนนั้นมือไม้สั่นเทา เธอกัดปลายลิ้นเรียกสติที่กำลังจะดับของตนเอง
เมื่อโจวอี้ไปถึง เขาก็ได้ยินเสียงของเธอเปล่งออกมาอย่างเบาหวิว
“เหยาเหยา อย่านอน ฟังแม่ อย่านอน…”
เสียงนั้นอ่อนแรงลงทุกที เช่นเดียวกับเรี่ยวแรงพยุงกายของเธอ
โจวอี้หยุดอยู่หน้าเตียง หัวใจของเขาสั่นและหนักอึ้ง
ด้วยสภาพท่าทางของคนทั้งคู่ เขาเดาว่าคุณแม่ยังสาวใช้ร่างกายของเธอปกป้องลูกสาวตอนที่เกิดอุบัติเหตุ น่าเสียดายที่เหล็กเส้นนั้นแข็งแรงเกินไป มันจึงเจาะร่างกายและหน้าท้องของเด็กหญิงตัวน้อยเข้ามาได้
ระหว่างทางที่มาโรงพยาบาล พวกเขาไม่สามารถดึงเหล็กเส้นออกได้ง่าย ๆ ดังนั้นจึงต้องรักษาท่านี้ไว้จนถึงตอนนี้
เขาต้องช่วย!
โจวอี้ยืนอยู่หน้าเตียง คว้าข้อมือของผู้หญิงคนนั้นเอาไว้
ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะรู้สึกบางอย่าง ดวงตาของเธอที่กำลังจะปิดก็เปิดขึ้นอีกครั้ง เหล็กที่เสียบท้องอยู่ทำให้เธอตื่นเต็มตา
เธอเงยหน้าขึ้นมองอย่างยากลำบาก และเห็นเค้าร่างของโจวอี้ยืนอยู่ไม่ไกล
“ได้โปรด… ช่วยลูกสาวของฉัน ไม่ต้องห่วงฉัน”
“ได้โปรด…”
ผู้หญิงคนนั้นอ้อนวอน
“ผมจะช่วยลูกสาวของคุณ ผมจะ…”
“หมอโจว ช่วยคนอื่นก่อน! พวกเราช่วยพวกเธอไม่ได้หรอก ตอนนี้พวกเราต้องการคนจากหน่วยดับเพลิงมาตัดเหล็กเส้น” หัวหน้าพยาบาลรีบเข้ามาขัดจังหวะ
โจวอี้ไม่ตอบและไม่ได้ออกไป
นิ้วที่เขากดลงบนชีพจรของหญิงสาวนั้นสั่นเทาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ทรุดลงและมองไปที่หญิงสาวผู้อ้อนวอนอย่างหมดหวัง หัวใจเจ็บเหมือนเข็มทิ่มแทง
ที่น่ากลัวก็คือ
ผู้หญิงคนนี้มีเลือดในร่างกายน้อยมาก
แต่… เธอยังมีชีวิตอยู่!
เธอมีสติกัดลิ้นไว้ แม้แขนของเธอจะสั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เธอก็ยังมีชีวิตอยู่
เป็นไปได้อย่างไร?
เธอเสียเลือดไปแล้วอย่างน้อยสองในสามของร่างกาย
สองในสามเชียวนะ!
ใครเล่าจะเสียเลือดได้มากขนาดนี้แล้วยังมีชีวิตอยู่ได้?
ทำไมเธอถึงยังมีชีวิตอยู่?
นี่คือสิ่งมหัศจรรย์อันดับเก้าของโลกหรือเปล่า? หรือนี่คือความปรารถนาอันน่าสะพรึงกลัวในการเอาชีวิตรอด?
“คุณ…”
ดวงตาของโจวอี้เปียกโชก เขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ดูเหมือนเสียงของเขาจะถูกปิดกั้น ไม่สามารถพูดในสิ่งที่ต้องการจะพูดได้
“หมอโจว คุณเป็นอะไรไป พวกเขาเป็นญาติคุณรึเปล่า” เหลียนซานตระหนักดีถึงอารมณ์ของโจวอี้ เธอจึงถามด้วยความห่วงใย
โจวอี้ยกมือขึ้นกุมอก ส่ายหัวอย่างแรง ก่อนจะกัดฟันแล้วพูดว่า “เลือดของเธอเหลือเพียงหนึ่งในสามส่วนเท่านั้น”
ปริมาณเลือดเหลือแค่หนึ่งในสาม?
เหลียนซานเหมือนถูกฟ้าผ่า หัวหน้าพยาบาลเองก็ได้แต่จ้องมองผู้บาดเจ็บอย่างไม่เชื่อสายตา ครั้นเห็นเด็กหญิงตัวน้อยที่ได้รับการคุ้มครองจากผู้หญิงคนนั้นแล้ว น้ำตาก็รินไหลออกมาทันที
“อย่าร้องไห้…”
แม้เหลียนซานและหัวหน้าพยาบาลจะคุ้นเคยกับการเห็นคนตาย แต่ก็ต้องปิดปากข่มกลั้นอารมณ์ที่ท่วมท้นอยู่ดี
พวกเขาเข้าใจ
ผู้หญิงคนนั้นกำลังต่อสู้กับความตายด้วยสัญชาติญาณของความเป็นแม่
เธอต้องการที่จะมีชีวิตอยู่และปกป้องลูกสาวของเธอด้วยอ้อมแขนนี้
เธอยังตายไม่ได้ เพราะกลัวว่าศพของเธอจะทำลูกสาวเสียขวัญ
“ช่วยลูกสาวของฉันด้วย ได้โปรด…” เสียงที่อ่อนแอของผู้หญิงคนดังกล่าวดังขึ้นใกล้หูของโจวอี้อีกครั้ง
“ผมจะช่วย ผมเป็นหมอ ผมจะช่วยชีวิต” แม้โจวอี้จะเสียงสั่น แต่ในน้ำเสียงของเขาหนักแน่นอย่างมาก
“ขอบคุณ… ขอบคุณ ดึงฉันออกจาก… เหล็กเส้น…” ผู้หญิงคนนั้นกัดปลายลิ้นของเธออีกครั้ง ความเจ็บปวดทำให้ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยว แต่เธอก็ยังพยายามเปล่งคำพูดออกมา
“เพื่อช่วยลูกสาวของคุณ ผมจะดึงเหล็กออก คุณเป็นแม่ที่ดี เป็นแม่ที่มีความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ผมจะดึงมันออกมาแล้วนะครับ…”
โจวอี้ไม่อาจกลั้นน้ำตาได้ไหว เขาเห็นผู้หญิงคนนั้นยิ้ม แม้ว่ารอยยิ้มนั้นจะดูเจ็บปวด และดวงตาก็ค่อย ๆ ปิดลงอย่างช้า ๆ
มันเต็มไปด้วยความกตัญญู ความเสียใจ ความผูกพัน ความรู้สึกผ่อนคลาย และ… ความสบายใจ
ใช่!
เพราะความมั่นใจของแพทย์ เธอจึงรู้สึกโล่งใจ
ก่อนที่จิตสำนึกของเธอจะมืดดับ โจวอี้ก็จับร่างกายของเธอ เขาเห็นแขนของเธอขยับ
ปลายนิ้วสั่นสะท้านของเธอกำลังเอื้อมไปสัมผัส… แก้มลูกสาว
ดวงตาของโจวอี้แดงก่ำ น้ำตาอาบอยู่ตรงผิวแก้ม เขาหันศีรษะมองไปที่เหลียนซานและหัวหน้าพยาบาล และตะโกนว่า “ผมถือเหล็กเส้นเอง คุณค่อย ๆ ดึงร่างของเธอออกจากเหล็กนะครับ”
“หมอโจว…” เหลียนซานน้ำตายังคลอเต็มหน่วย
“ดึงมันออกมา!” โจวอี้คำราม
แพทย์วัยกลางคนสองคนเข้ามาพอดี พวกเขาได้ยินเสียงคำรามของโจวอี้ หนึ่งในนั้นรีบไปที่เตียงแล้วจับชีพจรของผู้หญิงคนนั้นด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนจะเอาอีกข้างหนึ่งทาบใต้จมูก
“เธอตายแล้ว! ดึงเธอออกมาจากเหล็กเลย!” แพทย์วัยกลางคนเอ่ยอย่างยากที่จะทำใจ
ครู่ต่อมา ร่างของหญิงสาวก็ถูกดึงออกจากแท่งเหล็ก และเป็นไปตามคาด มีเลือดไหลออกจากบาดแผลน้อยมาก
โจวอี้ตรวจสอบสภาพร่างกายของเด็กหญิงตัวน้อยทันที บาดแผลของเธอไม่ร้ายแรง แม้ว่าเธอจะเสียเลือดไปมาก เธออาจยังคงมีชีวิตอยู่ได้หากเธอได้รับการถ่ายเลือดและเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที
“พาเธอไปที่ห้องผ่าตัด ผมจะจัดการเอง” โจวอี้พูดด้วยเสียงหนักแน่น
แพทย์วัยกลางคนทั้งสองมองไปที่โจวอี้ พวกเขาไม่ได้พูดอะไร ทำแค่ส่ายหัวอย่างจนใจแล้วรีบไปหาผู้บาดเจ็บอีกคนหนึ่ง
เหลียนซานและหัวหน้าพยาบาลเข็นเตียงตรงไปที่ห้องผ่าตัด
แต่ที่นี่มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากเกินไป ในห้องผ่าตัดจึงไม่มีที่ว่างเหลืออยู่
“โจวอี้…” เฉินเจี้ยนหรงที่เพิ่งมาถึงรีบเอ่ยขึ้น
“ท่านผู้อำนวยการ ผมต้องการห้องผ่าตัดหรือสถานที่ที่เหมาะสมในการผ่าตัด ต้องตรวจกรุ๊ปเลือดของเธอทันทีและทำการถ่ายเลือด เธอเสียเลือดมากเกินไป อาจจะเกิดอาการช็อกได้”
“เหลียนซาน ตรวจกรุ๊ปเลือดของเธอ หัวหน้าพยาบาลเฉา ติดต่อธนาคารเลือด ขอให้ส่งเลือดแต่ละกรุ๊ปมาที่นี่เร็ว ๆ” เฉินเจี้ยนหรงสั่งการ หลังจากเสร็จสิ้นคำสั่ง เขาก็พูดขึ้นว่า “ที่นี่ไม่มีห้องผ่าตัดว่าง ผมจะไปหาสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการผ่าตัดให้”
“โอเค รีบไปเถอะ” โจวอี้เตือนอีกครั้ง
ประมาณสิบนาทีต่อมา ผลการทดสอบกรุ๊ปเลือดของเด็กหญิงตัวน้อยก็ออกมา
เธอกรุ๊ปเลือดเอ
เหลียนซานจึงให้การถ่ายเลือดแก่เด็กหญิงตัวน้อยในทันที และโจวอี้ก็เริ่มดำเนินการเช่นกัน
เขาค่อย ๆ ดึงแท่งเหล็กออก ปิดผนึกจุดฝังเข็มทันทีเพื่อหยุดเลือดที่กำลังไหล จากนั้นเขาก็หยิบขวดหยกออกมา เทยาเทียนเหลียนสองสามหยดลงในแผล จากนั้นก็เย็บและพันผ้าพันแผล
“สัญญาณชีพกลับมาแล้ว” เหลียนซานเอ่ยหลังจากมองไปที่จอภาพ
“ทีนี้ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว พาเธอไปที่วอร์ด!” โจวอี้สั่ง
ชายหนุ่มยังคงสะเทือนใจ
เขาอยากจะพบผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง แม้ว่าเธอจะตายไปแล้วก็ตาม