บทที่ 111 หยางโม่
บทที่ 111 หยางโม่
หวงไห่เทาส่ายหน้าด้วยความเสียใจ เขารู้สึกว่าโจวอี้พลาดไปหน่อย เพราะหากสามารถผลิตยาต้มอี้เฉินได้ในปริมาณมากก็คงจะเป็นเรื่องดีสำหรับผู้ชายหลายคน!
ก่อนหน้านี้เขาได้ดื่มยาต้มอี้เฉินตามปริมาณที่โจวอี้สั่ง เป็นผลให้เอวและขาของเขาไม่เจ็บปวดอีกต่อไป และดูเหมือนว่าเขาจะมีสุขภาพที่ดีขึ้นด้วย แม้แต่บรรดาคนรักเก่าของเขามาเห็นเขาในตอนนี้ก็ยังต้องรู้สึกสึกดายร่างกายที่ฟิตปึ๋งปั๋งของเขาเชียวล่ะ
ดังนั้นในสายตาของหวงไห่เทาแล้ว ยาต้มอี้เฉินจึงเป็นที่มาของความสุขทางเพศและศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย
“คุณโจวเป็นแพทย์แผนจีนเหรอ? หรือคุณคือหมอเทวดาที่ดูแลชิงอิ่ง?” จวงรุ่ยเริ่มตระหนักถึงตัวตนของโจวอี้
“ผมไม่ใช่หมอเทวดาหรอก ผมแค่สามารถรักษาโรคเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้เท่านั้น”
“คุณโจวช่างถ่อมตัวจริง ๆ” จวงรุ่ยกล่าวชื่นชม แต่ส่วนลึกในใจยังคิดว่าโจวอี้เป็นศัตรูหัวใจตัวฉกาจ
ใช่แล้ว!
เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด!
ถ้าโจวอี้สามารถรักษาซีชิงอิ่งได้จริง ๆ เกรงว่าในใจของซีชิงอิ่งนั้นคงประทับใจชายคนนี้มากที่สุด! เพราะท้ายที่สุดแล้ว ซีชิงอิ่งก็คงให้ความสำคัญกับการมีชีวิตรอดและผู้อุปถัมภ์ในการช่วยชีวิต
ต้องสืบหาประวัติของชายคนนี้ให้ดี และ… ฆ่าเขา
อย่างไรก็ตาม เขาต้องรอให้โรคประหลาดของซีชิงอิ่งหายดีเสียก่อน
จวงรุ่ยจิบชาและครุ่นคิดอย่างเงียบงันและไม่ได้สัมผัสถึงความหอมกรุ่นเป็นพิเศษของชา
ในขณะที่หวงไห่เทาดื่มชามานับไม่ถ้วนแล้ว และตอนนี้เขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติหลังหลังจากที่ได้ดื่มชานี้
กลิ่นนี้
นี่มันชาชั้นดี!
หวงไห่เทามองไปที่ซีชิงอิ่งและถามว่า “คุณซี นี่เป็นชาต้าหงเผาที่ดีที่สุดใช่ไหม? รสชาติดีกว่าชาที่ผมเคยดื่มมาก่อนเสียอีก”
“ใช่ค่ะ!” ซีชิงอิ่งพยักหน้า
“ผมขอสองกิโลนะครับ ราคาเท่าไหร่ เดี๋ยวผมโอนให้ตอนนี้เลย” หวงไห่เทากล่าว
“…”
ซีชิงอิ่งและโจวอี้มองหน้ากันด้วยท่าทีงุนงง
“อะไรเหรอ ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า?” หวงไห่เทาถามอย่างสับสน
“แน่นอนว่ามันผิดและมันแย่มาก! คุณคิดว่าจะซื้อชาดี ๆ แบบนี้ได้จริง ๆ เหรอ?” โจวอี้มองหวงไห่เทาอย่างเหยียดหยามและพูดต่อว่า “การได้ดื่มผลิตภัณฑ์จากต้นชาแม่พันธุ์ทั้งสามต้นแค่จิบเดียวก็ถือว่าเป็นบุญแล้ว แต่คุณต้องการซื้อมันไปถึงสองกิโลกรัม? มันจะเป็นไปได้ยังไง!”
“พรูด…” หวงไห่เทาที่เพิ่งดื่มชาไปอีกรอบถึงกับสำลัก
ต้นชาแม่พันธุ์?
หรือว่าจะเป็นต้นชาแม่พันธุ์ที่ภูเขาอู่อี้?
หวงไห่เทามองชาในถ้วยและบ่นออกมาว่า “จริงเหรอ? มันยังหามาได้อยู่อีกเหรอ”
“เพียงเพราะคุณหามันมาไม่ได้… ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะหาไม่ได้หรอกนะ” โจวอี้ยิ้ม
“ผม… ผมพูดออกไปโดยไม่คาดคิด… ไม่ แม้แต่ทองคำก็ไม่แพงเท่าชานี้เลย!” หวงไห่เทารีบดื่มชาทั้งหมดที่เหลืออยู่ในถ้วย จากนั้นเขาก็คว้ากาน้ำชาและรินใส่ถ้วย
จวงรุ่ยกำลังพยายามหาวิธีกำจัดโจวอี้จนไม่ได้ชิมชาหอม ๆ ทว่าเมื่อได้ยินสิ่งที่โจวอี้และหวงไห่เทาพูดคุยกัน หัวใจของเขาก็สั่นสะท้าน
เขาดื่มชาหอมกรุ่นในถ้วยชาจนหมดและสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากนั้นเขาก็ยิ่งอยากลอบฆ่าโจวอี้มากขึ้นไปอีก
ซีชิงอิ่งใช้ชาชนิดนี้เพื่อสร้างความประทับใจให้กับโจวอี้เลยเหรอ?
นี่แสดงให้เห็นว่าโจวอี้มีความสำคัญในหัวใจของซีชิงอิ่งมากกว่าที่เขาคาดไว้
ทันใดนั้น… โทรศัพท์ในสำนักงานก็ดังขึ้น
ซีชิงอิ่งลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ และเมื่อเธอได้ยินรายงานจากเจ้าหน้าที่ชั้นล่าง จู่ ๆ สีหน้าเธอก็ดูย่ำแย่ หลังจากวางสายแล้ว เธอก็เดินไปที่หน้าต่างเพื่อมองลงไปยังประตูชั้นล่าง
รถออฟโร้ดราคาแพงหกคันจอดอยู่หน้าประตูโรงน้ำชา
ชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งรายล้อมไปด้วยชายหนุ่มและหญิงสาวหลายสิบคน เขากำลังเข้ามาใกล้ประตูโรงน้ำชามากขึ้นเรื่อย ๆ
หลินอวี้เฟิง?
คุณชายนิสัยเสียจากตระกูลหลิน?
ซีชิงอิ่งมองอีกฝ่ายด้วยความขยะแขยง เธอรู้ว่าหลินอวี้เฟิงนั้นไม่เพียงแต่เป็นคนเจ้าชู้ แต่ยังทำสิ่งเลวร้ายมากมาย เธอมีเพื่อนคนหนึ่งที่ถูกหลินอวี้เฟิงหลอกพาขึ้นเตียง จากนั้นก็ทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ทั้งยังบังคับให้เพื่อนของเธอทำแท้ง และสุดท้ายก็ทำให้เพื่อนของเธอต้องตายทั้งเป็น
“อะไร? แฟนของคุณเหรอ?” โจวอี้ถามขึ้นหลังจากหันไปมอง
“เปล่า พวกอันธพาลน่ะค่ะ” ซีชิงอิ่งตอบ
อันธพาล?
โจวอี้ตกตะลึง
เขาไม่ได้ติดต่อกับซีชิงอิ่งบ่อยนัก เขารู้เรื่องเกี่ยวกับเธอเพียงเล็กน้อย แต่เท่าที่รู้จักกัน ถ้าเธอคิดว่าอีกฝ่ายเป็นอันธพาล คนคนนั้นก็อาจจะเป็นจริง ๆ นั่นแหละ
โจวอี้มองไปที่จวงรุ่ยด้วยรอยยิ้มและถามว่า “คุณจวงชอบชิงอิ่งรึเปล่า”
จวงรุ่ยตกตะลึง คิ้วของเขาขมวดเป็นปมก่อนจะกลับมาเป็นดังเดิมยามเหลือบมองชิงอิ่ง “ชิงอิ่งทั้งสวยทั้งใจดี ผมต้องชอบเธออยู่แล้ว หมอโจวอาจจะไม่รู้ แต่ผมตัดสินใจแล้วว่าถ้าไม่ใช่ชิงอิ่ง ชีวิตนี้ผมก็จะไม่แต่งงาน!”
สีหน้าของซีชิงอิ่งดูเย็นชา แต่หวงไห่เทากลับยกมุมปากขึ้น
โจวอี้ยิ้มและชี้ออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณคงเหนื่อยหน่อยที่ต้องไล่ตามชิงอิ่ง แฟนของเธอมาโน่นแล้ว นั่นไงคู่แข่งของคุณ”
จวงรุ่ยเย้ยหยัน “ไม่มีใครสามารถเอาชิงอิ่งไปจากผมได้ ผมจะกำจัดสุนัขเหล่านั้นให้ดู”
“แล้วพวกเราจะคอยดู” โจวอี้ระบายยิ้ม “ฝากด้วยนะครับ”
จวงรุ่ยหรี่ตามองโจวอี้ก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอกทันที
เขารู้ว่าโจวอี้ต้องการจะโยนขี้ให้เขา แต่เขาก็ยินดีที่จะอวดความสามารถต่อหน้าหญิงสาวเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานเพิ่มขึ้นแม้สักเล็กน้อยก็ยังดี
“หมอโจว คุณ…” ซีชิงอิ่งลังเลเมื่อเห็นจวงรุ่ยเดินหายออกไปนอกประตู
“อย่าขอบคุณผมเลย คนไม่ดีย่อมต้องเจอกับคนไม่ดี! ถ้าคุณไม่ชอบพวกที่มาตามรังควาญพวกนี้ ก็ปล่อยให้พวกเขากัดกันเป็นหมาดีกว่า เอาล่ะ เรามาดูละครกันเถอะ!” โจวอี้ยิ้มละไม
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของเธอ
หญิงสาวรู้สึกว่าหมอโจวฉลาดมาก
เธอไม่ชอบพวกนั้นจริง ๆ และก็ถูกรังควานมาเป็นเวลานาน
หากพวกเขาทะเลาะกันโดยที่เธอไม่ได้ยื่นมือเข้าไปยุ่ง ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เธอก็จะสามารถนั่งสบายอารมณ์อยูู่แบบนี้ได้
“โจวอี้ช่างร้ายกาจจริง ๆ” หวงไห่เทากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คุณคิดผิดแล้ว นี่เรียกว่าหยางโม่*[1]ต่างหาก” โจวอี้ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“เอาล่ะ เอาล่ะ นั่นน่าทึ่งมาก” หวงไห่เทายกถ้วยชาขึ้นและดื่มชาอีกครั้งก่อนจะถามว่า “เราลงไปดูเรื่องสนุกกันดีไหม”
“เรื่องสนุกเหรอ นั่นเป็นเพื่อนคุณไม่ใช่เหรอ?” โจวอี้ถาม
“เพื่อนกันแค่บางเวลาน่ะ”
“คุณนี่ก็รักอิสระจริง ๆ เต็มใจเสียเวลาไปกับคนที่เป็น ‘เพื่อนกันแค่บางเวลา’ แบบนี้” โจวอี้เม้มปากก่อนจะลุกขึ้นแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ! มาดูกันว่าเขาจะเก่งขนาดไหน เขาจะกำจัดศัตรูหัวใจที่ชั่วร้ายออกไปได้ไหม?”
“ฉันก็จะไปด้วย” ซีชิงอิ่งกล่าวอย่างเร่งรีบ
“ผมว่าคุณไม่ควรลงไป” โจวอี้เตือน
“ทำไม?”
“เดี๋ยวมันจะน่าสงสัย! แม้ว่าคุณจะเป็นต้นเหตุ แต่ที่พวกเขากลายเป็นศัตรูหัวใจกันก็ไม่ใช่ปัญหาของคุณหรอก! มีคนที่รักคุณมากมาย คุณจะแก้ปัญหาให้ทุกคนด้วยตัวเองมันก็ไม่ได้หรอก ใช่ไหมล่ะ”
ด้วยเหตุผลนี้
ซีชิงอิ่งจึงพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ
[1] หมายถึง การใช้สถานการณ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด