บทที่ 116 มีผลประโยชน์หรือไม่?
บทที่ 116 มีผลประโยชน์หรือไม่?
แผนกผู้ป่วยใน
เมื่อโจวอี้มาถึงพร้อมกับลูกสาว เขาก็ได้จัดเตรียมอาหารและซุปตะพาบให้ผู้บาดเจ็บสามคน
ถังเหมียวเหมี่ยวกล่าวกับลุงทางซ้ายทีลุงทางขวาที นั่นทำให้ทั้งสามยิ้มกว้างและชมเชยถังเหมียวเหมี่ยวว่าเป็นเด็กที่มีเหตุผลและน่ารัก
“ลองชิมดูสิ!” โจวอี้พูดโดยยกชามใบเล็กออกจากกระเป๋าเก็บความร้อน และส่งชามให้ลูกสาวด้วย
“จานนี้ดูดีไม่เลว” อู๋ฉี่หางชิมแล้วแปลกใจจึงถามว่า “คุณซื้อมาจากที่ไหน มันอร่อยมาก ทีนี้ผมก็ไม่ต้องทำอาหารกินเองแล้ว จะไปอุดหนุนร้านนั้นทุกวันเลย!”
“มันคือร้านครอบครัวหมียวเหมี่ยว!” โจวอี้ยิ้ม
“ร้านครอบครัวเหมียวเหมี่ยว? ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนแฮะ… ดะ… เดี๋ยวนะ คุณหมายความว่าคุณทำเองกับมือเหรอ?” อู๋ฉี่หางประหลาดใจ
“แน่นอน! ไม่เชื่อฝีมือการทำอาหารของผมหรือไง?” โจวอี้ยิ้ม
“คุณทำเองจริงเหรอ” หยางจื่อต้งยังเผยความประหลาดใจหลังจากได้ชิม
“พ่อของหนูเป็นพ่อครัวที่เก่งที่สุด ดีกว่าป้าเหม่ยซะอีก เหมียวเหมี่ยวชอบอาหารที่พ่อทำที่สุด” ถังเหมียวเหมี่ยวกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
พวกเขานึกถึงบาร์บีคิวมื้อค่ำในคืนก่อน แม้ว่าอู๋ฉี่หางจะตระเตรียมเมนูนี้ แต่รสมือของโจวอี้ทำให้บาร์บีคิวอร่อยกว่าเดิมมาก ชายคนนี้ทำออกได้ยอดเยี่ยม มันกรอบนอก แต่กัดไปยังคงให้สัมผัสนุ่มละมุนลิ้น
“น้องโจว ผมคิดว่าคุณหาเงินได้สบาย ๆ เลยล่ะ ลาออกจากการเป็นหมอแล้วไปเปิดร้านอาหารดีไหม มันอร่อยจริง ๆ” หวังเจิ้งเหว่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“โอ้ ๆ ลืมไปได้เลยครับ! ผมชอบทำอาหารให้ครอบครัวกับพวกเพื่อน ๆ มากกว่าน่ะ ถ้าคนอื่นอยากกินก็เชิญไปนอนเถอะ บางทีอาจมีโอกาสในฝัน” ชายหนุ่มพูดอย่างขอไปที
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
“เข้าท่าดีแฮะ ฮ่าฮ่า!”
“พ่อคะ ซุปนี้อร่อย!” ถังเหมียวเหมี่ยวหยิบชามใบเล็กยกซดหมดในคราวเดียว ลิ้นเล็ก ๆ แลบเลียริมฝีปากแล้วพูดด้วยเสียงใส
“เอาไว้พ่อจะทำให้กินอีกวันหลังนะ” หลังจากที่โจวอี้พูดจบ เขาก็มองไปที่ทั้งสามคนและกล่าวว่า “ผมใส่สมุนไพรจำนวนมากในซุปนี้ ซึ่งมีสรรพคุณที่ดีในการบำรุงปราณและเลือด คุณควรดื่มในขณะที่มันกำลังร้อน ๆ”
“อืม ไหนลองซิ…” เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชายทั้งสามก็หยิบถ้วยซุปขึ้นมาทันที
หลังจากทานซุปตะพาบฝีมือโจวอี้ พวกเขาก็รู้สึกพึงพอใจมาก ชีวิตนี้คงตายตาหลับแล้ว
กริ๊ง…
ขณะนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของโจวอี้ก็ดังขึ้นในทันใด
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูและพบว่าเป็นหวงไห่เทา ทันใดนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
“เฮ้ คุณอยู่ที่ไหน” โจวอี้กล่าวอย่างยินดีหลังจากรับสาย
“ผมโทรไปเมื่อสองสามชั่วโมงที่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าคุณยุ่งอยู่และจงใจไม่รับสาย… อยากให้พวกเขาเป็นห่วงหรือไงกัน” หวงไห่เทาแสร้งหัวเราะแล้วพูดต่อว่า “จวงเหอเฉียงโทรหาผมตั้งสี่สายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน และภรรยาของเขาก็โทรหาผมอีกสองสาย คาดว่าพวกเขาคงกังวล”
“พวกเขาอยู่โรงพยาบาลไหน” โจวอี้ถาม
“โรงพยาบาลประชาชนแห่งแรกของจินหลิง”
“ให้พวกเขารอก่อน ตอนนี้ผมอยู่ในแผนกผู้ป่วยใน และลูกสาวก็อยู่ข้าง ๆ ผมจะส่งเธอไปหาเสี่ยวหว่านก่อน” โจวอี้กล่าว
“ที่ค่ายเพลง?” หวงไห่เทาถาม
“อืม ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น!”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะไปที่นั่น แล้วเราค่อยไปโรงพยาบาลแพทย์ด้วยกัน”
จากนั้นโจวอี้ก็โทรหาถังหว่าน และรู้ว่าเธอยังคงอัดเพลงอยู่ที่บริษัท เขาจึงกล่าวลาอู๋ฉี่หางกับอีกสองคนที่เหลือ
เวลาหกโมงเย็น
แม้ว่าภายในค่ายเพลงแห่งนี้จะถึงเวลาเลิกงานของพนักงานแล้ว แต่ในห้องอัดเพลงยังมีถังหว่าน และคนอื่น ๆ ที่กำลังยุ่งอยู่ในห้องอัดนี้ เมื่อเห็นซุนเหมิงโบกมือให้ที่ประตูห้องอัด เธอก็หยุดทำงานทันทีและกล่าวขอบคุณทุกคน จากนั้นก็เดินไปห้องที่อยู่ถัดไป
“เหมียวเหมี่ยว พ่อของลูกหายไปไหน” เมื่อถังหว่านเห็นลูกสาว เธอก็อุ้มสาวน้อยขึ้นมาถาม
“พ่อบอกว่าจะไปหาเงินซื้อของอร่อยให้เหมียวเหมี่ยว และไปหารายได้พิเศษตอนกลางคืน” เด็นน้อยพูดอย่างไร้เดียงสา
หารายได้พิเศษ?
ถังหว่านเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
ชายหนุ่มโทรหาเธอก่อนหน้านี้และบอกว่ามีบางอย่างที่ต้องทำตอนเย็น จึงขอให้ดูลูกสาวให้ แต่ก็ไม่ได้บอกอะไรไปมากกว่านี้
เขาจะไปรักษาผู้ป่วย?
เวลานี้โจวอี้นั่งอยู่ในรถของหวงไห่เทาพลางเอ่ยถามขึ้น “ทั้งสองครอบครัวทะเลาะกันไหม?”
“ไม่นะ ผมเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากตระกูลหลิน เขาไม่ได้พูดอะไรมาก ก็แค่กล่าวคำรื่นหูให้ฟังไปสองสามคำ!” หวงไห่เทาโยนบุหรี่ทิ้ง หลังจากสตาร์ทรถ เขาก็พ่นควันสีหม่นออกมา “วันนี้เนื่องจากทั้งสองครอบครัวไม่ได้ทะเลาะกัน แต่การแสดงดี ๆ ต่อจากนี้จะเรียกได้ว่าเป็นละครน้ำดีเชียวล่ะ”
“คุณหมายถึงอะไร?” โจวอี้ถาม
“มันเป็นความสงบก่อนพายุจะมาน่ะสิ! ผมบอกคุณไปแล้วว่ายังไงสองครอบครัวนี้ก็ทะเลาะกันอยู่ดี และคุณก็เป็นคนกำหนดเรื่องนี้” หวงไห่เทายิ้มเยาะ
“ผมเหรอ เกี่ยวอะไรกับผม?” โจวอี้กลอกตา เขาแค่อยากจะหาเงินก็เท่านั้น ถ้าเข้าไปเอี่ยวเรื่องระหว่างสองตระกุลนี้ มีหวังได้สติแตกแน่!
“คุณไม่เชื่อเหรอ ถ้าลูกชายของจวงเหอเฉียงตาย มันจะคงเป็นเรื่องแปลกที่ทั้งสองตระกูลจะไม่เข่นฆ่ากัน แล้วถ้าคุณรักษาจวงรุ่ยได้ เขาก็จะไม่ทำอะไรตระกูลหลิน และเรื่องจะไม่บานปลายไปจนถึงฆ่าแกงกัน ทีนี้เข้าใจหรือยังว่าคุณมีบทบาทอย่างไรในเรื่องนี้” หวงไห่เทากล่าวเสียงหนักแน่น
ชายหนุ่มคิดตามแล้วก็เริ่มเข้าใจขึ้นมา
เขาไม่เพียงแต่เข้าใจเท่านั้น แต่ยังมองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่มากขึ้นด้วย!!
หวงไห่เทาเปิดหน้าต่างรถแล้วโยนก้นบุหรี่ออกไป เขาพูดต่อว่า “เมื่อไม่นานมานี้ตระกูลหลินโทรมา ผมก็บอกจวงรุ่ยเรื่องสถานการณ์ของเขาตอนนี้ เอาล่ะเดาว่าผู้ชายคนนั้นจะโทรหาคุณในไม่ช้าแน่”
“ทำไมเขาถึงต้องโทรหาผม…”
โจวอี้คิดได้ทันทีหลังจากพูดยังไม่ทันจบประโบค
อ๋อ …ตระกูลหลินไม่ต้องการแตกหักกับตระกูลจาง!
หวงไห่เทาบอกกับพ่อของหลินอวี้เฟิงว่าเขาสามารถรักษาชีวิตของจวงรุ่ยได้ ดังนั้นพ่อของหลินอวี้เฟิงอาจโทรมาและขอให้เขาช่วยสินะ?
ราวเจ็ดหรือแปดนาทีต่อมา โทรศัพท์มือถือของโจวอี้ก็ดังขึ้น
ชายหนุ่มเห็นว่าเป็นหมายเลขแปลก ๆ เขาจึงมองไปที่หวงไห่เทาแล้วพูดว่า “เดาดูสิว่าเป็นสายของพ่อของหลินอวี้เฟิงรึเปล่า”
“ก็เป็นไปได้!”
โจวอี้ยิ้มและกดรับสาย “สวัสดีครับ ผมโจวอี้ คุณเป็นใคร”
“สวัสดีครับหมอโจว ผมชื่อหลินหมิงเป็นพ่อของหลินอวี้เฟิง หวงไห่เทาเป็นคนให้เบอร์ติดต่อของคุณกับผม เอ่อ… ไม่ได้รบกวนใช่ไหมครับ” หลินหมิงกล่าวเสียงอ่อน
“ไม่ครับ” ชายหนุ่มตอบกลับ
“หมอโจว คุณควรรู้เรื่องบาดหมางของผมกับตระกูลจางในตอนนี้ ผมได้ยินมาว่าจวงรุ่ยถูกลูกชายของผมเตะเข้าที่จุดยุทธศาสตร์”
“เอาล่ะ มันร้ายแรงมาก บางทีอาจจะทำให้…” โจวอี้จงใจไม่พูดต่อ
“หมอโจว แม้ว่าลูกชายผมจะทำตัวไม่ดี แต่ผมก็ได้สอนบทเรียนให้เขาแล้ว เพื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีของผมกับไห่เทา คุณต้องช่วยนะ ตราบใดที่รักษาจวงรุ่ยได้ อนาคตของตระกูลจะดีขึ้นไปอีกหลายชั่วอายุคน หลังจากที่เรื่องนี้จบลง ผมจะตอบแทนอย่างงาม”
“หลังจากฟังสิ่งที่คุณกล่าวมา ผมจะทำให้ดีที่สุด” โจวอี้กล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ขอบคุณครับหมอโจว…”