บทที่ 123 คำแนะนำของโจวถง
บทที่ 123 คำแนะนำของโจวถง
โรงพยาบาลประชาชนแห่งแรกของจินหลิง
นี่คือศูนย์การแพทย์ที่ตั้งอยู่ข้างถนนเจี้ยนกัวในเขตหมินหังที่แวดล้อมไปด้วยอาคารบ้านเรือนมากมาย
ภายในอาคารสามชั้นที่วิจิตรงดงามมีกลิ่นหอมของสมุนไพรจาง ๆ อบอวลอยู่ด้วย
ส่วนบริเวณพื้นที่ให้คำปรึกษาชั้นหนึ่ง เวลานี้มีชายชราผมขาวกำลังโทรหาผู้ป่วย ในขณะที่ชายอีกคนกำลังยืนอ่านหนังสือฆ่าเวลาอยู่ที่เคาน์เตอร์ยา
ดิ๊งด่อง…
เสียงโทรศัพท์แจ้งเตือน
ลู่เสี่ยวเชาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและจ้องมองที่หน้าจอ
“สุดยอดคุณพ่อ? ปล่อยวิดีโอ?”
“เป็นวิดีโออธิบายส่วนผสมของยารึเปล่านะ” จากนั้นลู่เสี่ยวเชาก็กดเล่นวิดีโอ
เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แพทย์หนุ่มชาวจีนผู้รู้วิธีรักษาโรคด้วยยาต่าง ๆ นั้นกำลังนั่งอยู่หน้ากู่เจิง แม้ว่าจะดูหล่อ แต่นี่ไม่เกินไปหน่อยหรอ?
ขณะนั้นมีผู้ป่วยเดินมาที่เคาน์เตอร์พร้อมใบสั่งยาจากแพทย์
“รอสักครู่!”
ลู่เสี่ยวเชาไม่ได้ปิดวิดีโอ แต่กดเพิ่มระดับเสียงให้ดังที่สุด เขาวางโทรศัพท์มือถือไว้บนเคาน์เตอร์และเริ่มจ่ายยาให้ผู้ป่วย
แต่เมื่อหมอชราผู้นี้กำลังล้างมือในขณะที่หูก็เสียงกู่เจิงคลอไปด้วย ไม่นานเขาก็ถึงกับตะลึง
เขารู้จักท่วงทำนองเช่นนี้ เพราะเมื่อครั้งที่ภรรยาเขายังไม่เกษียณ เธอเป็นศาสตราจารย์วิทยาลัยดนตรีเซี่ยงไฮ้ ทั้งสองอยู่กินกันมาหลายทศวรรษแล้ว เพียงแค่ได้ยินเสียงเพลงนี้ เขาก็สามารถรับรู้ถึงคุณภาพของเพลงได้ทันที
ท่วงทำนองไพเราะรื่นหู แสดงให้เห็นถึงสไตล์เรียบง่ายและสดใหม่ รวมไปถึงแนวคิดทางศิลปะที่กว้างขวาง
เป็นบทเพลงที่ดี!
ผู้เล่นคงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“เสี่ยวเชา ใครเป็นคนเล่นเพลงนี้” โม่เหวินเซินเดินมาเช็ดมือและถามขึ้น
“สุดยอดคุณพ่อน่ะครับ” ลู่เสี่ยวเชาเติมยาของผู้ป่วยและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์ครับ กู่เจิงนี้เล่นได้ดีมากใช่ไหม ผู้ชายคนนั้นไม่เพียงแต่รู้จักส่วนผสมของยาดี ๆ เท่านั้น แต่ทักษะการเล่นกู่เจิงยังไม่ธรรมดา เขาน่าสนใจมาก”
“แล้วไปยุ่งอะไรกับเขา?”
“อาจารย์ครับ ‘สุดยอดคุณพ่อ’ เป็นคนที่เล่นกู่เจิง มันเป็นชื่อเล่นของเขาในโซเซียล แต่ไม่รู้ว่าชื่อเสียงเรียงนามจริง ๆ คือใคร รู้เพียงว่าเป็นแพทย์หนุ่มชาวจีนในจินหลิง” ลู่เสี่ยวเชายิ้ม
แพทย์หนุ่มชาวจีนในจินหลิง?
เล่นกู่เจิงด้วย?
อะไรจะขนาดนั้น …
โม่เหวินเซินรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เขาเดินไปที่เคาน์เตอร์และหยิบโทรศัพท์มือถือนั้นขึ้นมาก็เห็นโจวอี้กำลังเล่นกู่เจิง
อายุน้อยแต่ใส่ชุดเหมา*[1]?
เขาทั้งหล่อเหลาและเล่นได้ดี
แต่ทำไมถึงดูคุ้นเคยจังเลยนะ?
โม่เหวินเซินเห็นแผ่นป้ายแขวนอยู่บนผนังด้านหลังโจวอี้ โดยมีอักขระที่เขียนไว้ว่า ‘สงบไร้เขตแดน’
“โรงน้ำชาปาซาน? สำนักงานของลูกสาวตระกูลซี?”
โม่เหวินเซินมีท่าทีแปลกไปทันที
เขาเคยไปที่นั่นมากกว่าสองครั้ง
เด็กสาวจากตระกูลซีคงรู้จักคนผู้นี้… สุดยอดคุณพ่อ?
จู่ ๆ โม่เหวินเซินก็หันขวับมองไปลูกศิษย์และดุออกมาว่า “คุณดูวิดีโอในเวลางาน ผมขอสั่งให้คุณไปคัดลอกตำรับยาร้อยสมุนไพร”
“อาจารย์ ไม่นะครับ!” ลู่เสี่ยวเชาตกใจและร้องออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “อาจารย์ ผมผิดไปแล้ว! สุดยอดคุณพ่อคนนี้เป็นแพทย์แผนจีนที่เก่งมาก ครั้งล่าสุดที่เห็นมาไลฟ์ก็ได้รับเชิญให้อธิบายเกี่ยวกับส่วนผสมยา และผมก็ถามเขาเกี่ยวกับยามาแล้วด้วย”
“จริงเหรอ ไหนเล่าให้ฟังหน่อย” โม่เหวินเซินเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา
“ตอนที่เขาแนะนำโสมเลี้ยง ผมถามเขาว่าผู้ป่วยวัณโรคสามารถใช้โสมชนิดนี้ได้ไหม และเขาตอบมาดีมาก…”
“อืม งั้นก็ไม่เลว” โม่เหวินเซินเอ่ยปากชม
เขาคิดเงียบ ๆ ว่าควรจะไปจินหลิงอีกครั้งเพื่อพบหญิงสาวตระกูลซีคนนั้นดีหรือไม่ แม้ว่าจะไม่มีวิธีใดที่จะรักษาเธอได้ดีไปกว่านี้แล้ว แต่ก็ควรไปตรวจดูว่าอาการทรุดลงหรือไม่
…
โรงน้ำชาปาซาน
โจวอี้เผยแพร่วิดีโอแล้วก็เก็บโทรศัพท์มือถือของตัวเองลง
จากนั้นก็ดื่มด่ำกับชาคุณภาพและพูดคุยกับซีชิงอิ่ง
เขาออกจากโรงน้ำชาในตอนเที่ยง
เมื่อคิดถึงการพูดคุยกับซีชิงอิ่งและพูดคุยเกี่ยวกับชุดเหมาของเขา โจวอี้ก็รู้สึกว่าควรซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ มาใส่เสียบ้าง โดยเฉพาะชุดชั้นในที่ต้องเปลี่ยนทุกวัน!
ย้ำ! เปลี่ยนทุกวัน!!
ดังนั้นเขาจึงนั่งแท็กซี่ไปที่ห้างสรรพสินค้าใกล้เคียงและเริ่มซื้อเสื้อผ้าแบบจัดเต็ม
ตั้งแต่ชุดชั้นใน รองเท้า ถุงเท้า ไปจนถึงเสื้อโคตและผ้าพันคอ เขาไม่ได้เลือกสิ่งที่แพงที่สุด ขอเพียงสวมใส่สบายที่สุดเท่านั้น
เมื่อซื้อเสร็จแล้วก็หิ้วถุงใหญ่ถุงเล็กกลับบ้าน
จากนั้นเขาก็ออกจากบ้านไปอีกครั้งและแวะเข้าร้านตัดผมริมถนน
ฝีมือของช่างคนนี้นับว่าไม่เลว
เมื่อชายหนุ่มมองเข้าไปในกระจก เขาก็พบว่าตอนนี้ตัวเองมีออร่าความหล่อเหลาและอ่อนกว่าวัยกว่าเมื่อก่อนยิ่งนัก
เวลาสี่โมงเย็นหลังกลับมาจากร้านตัดผมแล้ว
โจวอี้เดินออกจากบ้านและก็ต้องพบกับแขกที่คาดไม่ถึง
“หืม จะไปไหนกันล่ะ” โจวอี้ถามด้วยความสงสัย
“เราคงไม่อยู่สักพัก พ่อบุญธรรมขอให้ผมมาบอกลาคุณ” โจวถงกล่าว
“กลับออสเตรเลีย?”
“ใช่ กลับบ้านน่ะ” โจวถงพยักหน้าเบา ๆ
โจวอี้เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็กวักมือให้อีกฝ่ายเข้ามาในบ้าน
หลังจากเข้ามาแล้ว โจวอี้ก็หยิบขวดหยกสองขวดออกจากห้องหนังสือแล้วยื่นให้โจวถง “ขวดหนึ่งเป็นยาแก้พิษ และอีกขวดหนึ่งเป็นยาที่ช่วยพัฒนาความสำเร็จบางอย่าง ผมขอมอบสิ่งนี้ให้เป็นของขวัญ”
“มันขมไหม?” โจวถงถามอย่างใสซื่อ
“…”
โจวอี้รู้ว่าโจวถงมีปัญหาทางสมอง แต่ความสนใจของอีกฝ่ายนั้นไร้สาระเกินไป…
ไม่ว่าจะเป็นยาแก้พิษหรือยาเพื่อเพิ่มความสำเร็จ มันล้วนเป็นสมบัติที่นักศิลปะการต่อสู้โบราณใฝ่ฝันถึงมาโดยตลอด แต่ในสายตาของโจวถงนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือยามีรสขมไหม… แค่นั้นเหรอ?
ชายหนุ่มรู้สึกว่าถ้าบอกโจวถงว่ายามีรสขม อีกฝ่ายคงจะแอบทิ้งยาทั้งสองขวดนี้ไปแน่ ๆ
“ไม่ขมเลยล่ะ มันหอมมากและหวานด้วย” โจวอี้กล่าว
“จริงเหรอ?”
“บ๊ะ จริงสิ!” โจวอี้พยักหน้า
“เย้ ผมชอบกินของหวาน” โจวถงยิ้มอย่างใสซื่อ จากนั้นก็กอดขวดหยกสองขวดนั้นไว้ในอ้อมแขน “พ่อบุญธรรมบอกว่าเขาจะเลี้ยงเครื่องดื่มคุณถ้าคุณมีเวลาไปที่ออสเตรเลีย”
“ถ้ามีโอกาส ผมจะไปเยี่ยมนะ” ชายหนุ่มรับคำ
“ถ้าคุณโกหก ผมจะตีให้หลังแอ่นเลยคอยดู” โจวถงยกกำปั้นขึ้นขู่ จากนั้นก็กระซิบด้วยท่าทางที่ดูมีเลศนัย “บอกไว้ก่อน ไวน์น่ะห่วยแตกสิ้นดี ถ้ามาที่ออสเตรเลียละก็ ผมจะพาคุณไปดื่มชานม สัญญาเลยว่าคุณจะต้องชอบมันแน่”
ชานม?
โจวอี้หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ เขาเคยเห็นนักแสดงดื่มชานมในละครทีวีเท่านั้น แต่ไม่เคยซื้อดื่มเลยสักครั้ง
“ได้ ผมสัญญา”
“งั้นก็… บาย!”
ไม่นานโจวถงก็หมุนกายเตรียมออกจากบ้านไป
แต่ขณะที่กำลังจะออกจากลานบ้าน เขาก็ชะงักฝีเท้าแล้วหันไปมองโจวอี้ “ถ้าคุณช่วยผมฆ่าไอ้จอมวางยาพิษนั่นให้ผม ผมจะบอกความลับให้คุณฟังเดี๋ยวนี้”
จอมวางยาพิษ?
หรือว่าหมายถึงต้าเจียงอู?
โจวอี้หรี่ตามองโจวถง เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “ผมสัญญาว่าถ้าผมเจอเขาอีกครั้ง ผมจะจัดการเจ้านั่นให้ ทีนี้ไหนลองบอกความลับมาซิ!”
“ช่วงนี้อย่าไปที่ตลาดมืดเด็ดขาด ถ้ามีเหตุให้ต้องไปก็ระวังอย่าให้โดนโกง แม้ว่าสิ่งนั้นจะน่าดึงดูดใจแค่ไหน แต่คงหลีกเลี่ยงการต่อสู้ไม่พ้นแน่และอย่าไปทะเลาะกับคนอื่นด้วย” โจวถงเอ่ยเตือนเสียงเข้ม
“ผมไม่เข้าใจ” โจวอี้สับสน
“คุณมันโง่เกินไปแล้ว ลืมมันไปซะเถอะ แค่เชื่อฟังก็พอ อย่าไปก่อเรื่องก่อราวล่ะ” หลังจากพูดจบ โจวถงก็โบกมือให้โจวอี้และจากไปอย่างรวดเร็ว
[1] ชุดเหมา คือชุดสูททางธุรกิจของชาวตะวันตกในประเทศจีน