บทที่ 172 สถานการณ์ประหลาด
เมฆดำทะมึนหนาปกคลุมท้องฟ้า ลมหนาวพัดโชยมาอย่างรุนแรง ฃ
โจวอี้ปลุกถังเสี่ยวถังออกจากเตียงตั้งแต่เช้า
แน่นอนว่าปลุกขึ้นมาเพื่อฝึกยุทธ์!
มีเพียงการวางรากฐานที่มั่นคงเท่านั้นที่จะทำให้ผู้ฝึกก้าวไปได้ไกลในเส้นทางนี้
ท่าม้า!
เป็นท่าพื้นฐานที่สุดในการฝึก
มีบันทึกไว้ในคัมภีร์อายุรศาสตร์ของจักรพรรดิเหลือง[1]ว่า “ในสมัยโบราณ มีคนที่สามารถกำราบฟ้าดิน คว้าหยินและหยาง หายใจเอาแก่นแท้ และคงวิญญาณให้เป็นอิสระ กระดูกและเนื้อของพวกเขาคงอยู่ได้ตราบนานเท่านาน”
การยืนท่าม้านาน ๆ จะทำให้ผู้ฝึกยุทธ์มีรากฐานร่างกายที่มั่นคง อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงจิตใจที่มุ่งมั่นและพากเพียร
ถังเสี่ยวถังอดทนอย่างมาก แต่สภาพร่างกายของเขาแย่มาก อาจเป็นเพราะขาดสารอาหารมานาน ดังนั้นแค่ทำท่าม้าสักราว ๆ สี่หรือห้านาที เด็กน้อยก็รู้สึกว่าขาของเขาอ่อนแรง และเอวก็ยังปวดไปหมด
และเขาไม่ได้ถามโจวอี้ว่าเขาจะต้องอยู่ในท่าม้าอีกนานแค่ไหน
เขารักษาการยืนท่าม้าและดูโจวอี้ฝึกชกหมัดลมอย่างเงียบ ๆ เสียงแต่ละหมัดที่โจวอี้ชกออกไปนั้นดังคมชัดราวกับประทัดระเบิด แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นเหมือนกับยาชั้นดีที่คอยกระตุ้นให้เด็กน้อยยืนหยัดต่อไป
ยี่สิบนาทีผ่านไป
ขาของถังเสี่ยวถังสั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ เหงื่อเม็ดใหญ่หยดลงพื้น เสื้อผ้าที่ไม่พอดีกับร่างกายของเขาก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง และเส้นเลือดบนหน้าผากของเขาก็ปูดโปนจนเห็นได้ชัด ทุกวินาทีเขารู้สึกหนักอึ้งมากขึ้นเรื่อย ๆ
ทว่าจากนั้นเขาก็ค่อย ๆ รู้สึกอุ่นวาบที่หน้าอก และความอุ่นนี้เริ่มลามไปถึงฝ่ามือและเท้า
ความรู้สึกที่คล้ายถูกเผาด้วยไฟที่เขาคุ้นเคยนี้เริ่มปรากฏขึ้นอีกครั้ง ปกติแล้วความรู้สึกนี้มันจะเกิดขึ้นทุก ๆ สองสามเดือนต่อครั้ง และมันปรากฏขึ้นแล้วเมื่อสองวันก่อน แต่ทำไมมันถึงปรากฏขึ้นอีกครั้งในตอนนี้?
“หืม!?” โจวอี้ซึ่งกำลังฝึกชกหมัดอยู่นั้นรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโดยรอบอย่างรวดเร็ว
เขาหยุดฝึกออกหมัดและหันไปมองถังเสี่ยวถังทันที “นายร้อนรึเปล่า?”
“ครับ!”
ถังเสี่ยวถังยังคงรักษาท่าม้าของเขาไว้ แต่ร่างกายของเขาสั่นเทามากขึ้นเพราะความเจ็บปวด
โจวอี้เอื้อมมือไปจับข้อมือของถังเสี่ยวถัง ก่อนจะวางนิ้วลงบนชีพจรของเด็กชาย และสิ่งที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงทันทีก็คือผิวของถังเสี่ยวถังร้อนมาก และอุณหภูมิก็สูงเกินกว่าปกติ
สองนาทีต่อมา
โจวอี้จ้องมองฝ่ามือที่แดงก่ำของเด็กน้อยและถามว่า “มันเคยเกิดขึ้นมาก่อนไหม?”
“ครับ” ถังเสี่ยวถังพยักหน้า
“หยุดฝึกท่าม้า แล้วตามฉันเข้าไปในห้อง” โจวอี้กล่าว
เมื่อครู่นี้ที่เขาจับข้อมือของอีกฝ่ายก็พบว่าร่างกายของอีกฝ่ายมีอัตราการเต้นของหัวใจที่สูงมาก มันมากยิ่งกว่าคนปกติถึงสิบเท่า และสภาพชีพจรของอีกฝ่ายก็แตกต่างจากคนทั่วไป
อาจกล่าวได้ว่าด้วยสภาพร่างกายในปัจจุบันของถังเสี่ยวถัง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิตอยู่ แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงก็แทบจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในสภาพร่างกายเช่นนี้
แต่!
ถังเสี่ยวถังยังมีชีวิตอยู่
ถ้าไม่ใช่ว่ามีอะไรผิดพลาด เด็กชายคนนี้ก็คงต้องเป็นปีศาจ!
โจวอี้เพิ่งเคยเจอกับสถานการณ์ที่น่างุนงงแบบนี้เป็นครั้งแรก ดังนั้นเมื่อเข้าไปในตัวบ้าน เขาก็ขอให้ถังเสี่ยวถังถอดเสื้อโค้ทออกและนั่งลงบนโซฟา
เมื่อสายตาของเขาจับจ้องไปที่ถังเสี่ยวถังอีกครั้ง โจวอี้ถึงกับสูดหายใจเข้าลึกทันที
ผิวของเด็กชายเริ่มแดงมากขึ้น มีเส้นเลือดดำและเส้นเลือดสีแดงปูดโปนออกมาอย่างเห็นได้ชัดคล้ายกับมีรอยสักสามมิติจำนวนนับไม่ถ้วน และรอยแผลเป็นอีกหลายแห่งที่น่าจะเกิดขึ้นนานแล้วก็เด่นชัดขึ้นมา
“อาจารย์ ผมเจ็บ…”
ถังเสี่ยวถังยกมือที่กลายเป็นสีแดงขึ้นมา ฝ่ามือของเขามีอุณหภูมิสูงมาก โจวอี้ที่อยู่ข้าง ๆ สังเกตเห็นเช่นกันว่าอุณหภูมินั้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ
เกิดบ้าอะไรขึ้น!?
โจวอี้อ่านหนังสือการแพทย์โบราณมานับไม่ถ้วน และได้เคสแปลก ๆ มามากมาย แต่กรณีแบบนี้เขาไม่เคยเห็นหรือเคยได้ยินมาก่อน!
โจวอี้สูดหายใจเข้าลึก เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาทันทีและต่อสายหาอาจารย์ฉู่เทียนฮุ่ย แต่น่าเสียที่ปลายสายปิดเครื่อง
เขาควรทำยังไงดี?
สถานการณ์นี้อันตรายมาก แต่เขาไม่รู้ว่าควรจะจัดการยังไง?
หรือทำให้เด็กคนนี้เย็นลงก่อนดีไหม?
ดวงตาของโจวอี้สว่างขึ้น เขาหยิบเข็มเงินออกมาทันทีและคว้าข้อมือที่ร้อนจี๋ของถังเสี่ยวถัง
ปัก! ปัก!
เข็มเงินสองเล่มแทงเข้าไปในจุดฝังเข็มที่ข้อมือ
โจวอี้คอยสังเกตอย่างระมัดระวังและคอยดูอุณหภูมิฝ่ามือถังเสี่ยวถังอย่างใจจดใจจ่อ หลังจากผ่านไปราวครึ่งนาที หัวใจของโจวอี้ก็เริ่มผ่อนคลายลง เพราะเขารู้สึกว่าอุณหภูมิที่ฝ่ามือของถังเสี่ยวถังลดลงอย่างช้า ๆ
เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงแทงเข็มเงินเข้าไปในจุดเยี่ยเหมินในฝ่ามือของถังเสี่ยวถังตามวิธีการระบายความร้อน
ครึ่งนาทีต่อมา
โจวอี้ก็ถามด้วยความกังวล “ตอนนี้รู้สึกยังไง”
“ไม่เจ็บมาก แต่มันคัน…”
คัน?
โจวอี้รู้สึกงุนงง เขาพยายามอย่างมากเพื่อค้นหาว่าตอนนี้มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่
‘ถ้าสามารถลดอุณหภูมิที่ฝ่ามือของถังเสี่ยวถังได้ ก็ย่อมใช้วิธีฝังเข็มนี้เพื่อลดอุณหภูมิร่างกายได้เหมือนกัน จริงไหม? ตราบใดที่อุณหภูมิร่างกายกลับมาเป็นปกติ แบบนี้ก็จะยังปลอดภัย!’ โจวอี้คิดในใจ
“เสี่ยวถัง ฉันจะดึงเข็มเงินออกมา แล้วนายค่อยสำรวจตัวเอง ถ้ารู้สึกไม่สบาย บอกฉันทันทีนะ” โจวอี้ออกคำสั่ง
“ครับ!”
โจวอี้ดึงเข็มเงินสองเล่มที่ข้อมือของถังเสี่ยวถังออกมา เขาพบว่าถังเสี่ยวถังไม่มีความผิดปกติอื่นใดอีก เขาจึงดึงเข็มเงินที่จุดเยี่ยเหมินออกจากฝ่ามือของเด็กชายด้วย
พรึ่บ!!
ทันใดนั้นเปลวไฟก็ปะทุขึ้นจากฝ่ามือของถังเสี่ยวถังอย่างรุนแรง
โจวอี้ไม่ทันตั้งตัว แต่โชคดีที่เขามีปฏิกิริยาล้ำเลิศจึงหลบได้เร็วพอ หลังจากเปลวเพลิงปะทุเขาก็ถอยออกไปแล้ว
ห่าอะไรวะเนี่ย?!
เปลวไฟปะทุขึ้นในมือ?
นี่มันไม่ต่างอะไรกับฉากในการ์ตูนเลยไม่ใช่เหรอ?
เนื้อกับเลือดจะพ่นไฟได้ยังไงวะ!?
ถังเสี่ยวถังไม่รู้ว่าโจวอี้ตกใจ จากนั้นมือซ้ายของเด็กชายตัวน้อยก็มีไฟลุกตามมา แต่ตัวของเด็กชายเองกลับรู้สึกแค่ว่ามีหินหนืดปะทุอยู่ในฝ่ามือของเขาเท่านั้น
จากนั้น เท้าของถังเสี่ยวถังก็ลุกเป็นไฟ ส่งผลให้และรองเท้าคู่ที่เขาใส่อยู่นั้นถูกไฟไหม้และหลอมละลายไปทันที
เปลวไฟยังคงปะทุลามไปเรื่อย ๆ ยันร่างกาย เสื้อผ้าของถังเสี่ยวถังนั้นไหม้ไปหมดแล้ว เปลวไฟลุกลามเร็วมากจนโจวอี้ไม่สามารถทำอะไรได้ทัน
“โจวอี้ คุณบ้าหรือเปล่าเนี่ย!!!”
ทันใดนั้นถังหว่านก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูห้องโถง เมื่อเธอเห็นถังเสี่ยวถังถูกห่อหุ้มด้วยไฟ ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที และเธอก็ตะโกนด้วยความโกรธจัด
โจวอี้พยายามช่วยชีวิตผู้คนมากมาก แต่ไฟที่รุนแรงนี้ทำให้เขาหมดปัญญาในการช่วยเหลือ
เมื่อได้ยินคำพูดของถังหว่าน เขาก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา
แต่การที่ถังหว่านเข้าใจผิดแบบนี้ มันทำให้เขาผิดหวังในตัวอีกฝ่าย
คนอื่นเข้าใจผิดเขาได้ เขาไม่สน! แต่ผู้หญิงของเขาจะเข้าใจเขาผิดแบบนี้ได้ยังไง!
ถังหว่านรีบวิ่งไปที่โต๊ะน้ำชา เธอหยิบกาน้ำชามาเปิดฝา แล้วสาดชาสมุนไพรใส่ถังเสี่ยวถัง
เมื่อชาสมุนไพรสัมผัสกับไฟที่โหมกระหน่ำ มันไม่ได้ช่วยในการดับไฟเลยสักนิด น้ำชาระเหยกลายเป็นไอในพริบตา
“อย่าเข้าไปนะ!” โจวอี้เอื้อมมือไปจับข้อมือของถังหว่าน และลากตัวเธอถอยหลังไปสี่ห้าก้าว แม้ว่าถังหว่านจะดิ้นรนและคำรามออกมาเขาก็ไม่แยแส
เขาพบว่าถังเสี่ยวถังซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยไฟที่ลุกโชนนั้นไม่ได้แสดงความเจ็บปวดบนใบหน้าเลย
ทว่าเด็กชายกลับหลับตาและดูเหมือนกำลัง…สบายตัวอย่างมาก
ใช่แล้ว!
มันสบายมาก!
ตอนนี้ถังเสี่ยวถังอยากจะครวญครางออกมาอย่างสบายใจเลยด้วยซ้ำ
เปลวไฟเผาไหม้รองเท้า ถุงเท้า และเสื้อผ้าของถังเสี่ยวถัง แต่โจวอี้สังเกตเห็นว่าผิวหนังของถังเสี่ยวถังไม่ได้ถูกเผาไหม้ และแม้แต่เส้นผมก็ไม่ไหม้!
นี่มันบ้ามาก!!
[1] จักรพรรดิเหลือง หรือ จักรพรรดิหวงตี้ (黃帝) เป็นผู้ให้กำเนิดรัฐรวมศูนย์อำนาจ ผู้ปกครองจักรวาล และองค์อุปถัมภ์ศิลปะลับ พระองค์ได้รับการยกย่องว่าทรงประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมจำนวนมาก และปัจจุบันได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ริเริ่มอารยธรรมจีน และกล่าวกันว่าเป็นผู้บรรพบุรุษของชาวจีนหัวเซี่ย